ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 408 สระน้ำ
บทที่ 408 สระน้ำ
บทที่ 408 สระน้ำ
“หือ ทางนี้มีร่างคนอยู่ด้วย?”
“ทางนี้ก็มี!”
พวกอู๋ฝานทั้งสี่คนกำลังเดินทาง ผ่านมาอีกราวเกือบหนึ่งร้อยเมตรก็ได้พบศพกระจัดกระจายตามพื้น อีกทั้งยังมีมากกว่าหนึ่ง
ชายหนุ่มนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าศพร่างหนึ่ง เพราะเคยสังหารคนในโลกแห่งเกมมามาก ดังนั้นจึงไม่ได้หวาดกลัวหรือรู้สึกไม่สบายใจกับการพบศพ
“จากสถานการณ์ คนพวกนี้น่าจะตายในช่วงหนึ่งหรือสองวันที่ผ่านมาครับ” อู๋ฝานพูดขึ้นมา “ดูจากบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต น่าจะเป็นลูกธนู คิดว่าเป็นกับดักที่อยู่บนสองฝั่งของกำแพง”
แม้อู๋ฝานไม่ได้เจอกับดักเหล่านั้น แต่สันนิษฐานจากสภาพศพและที่เกิดเหตุก็พอเดาได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีการติดตั้งกับดักไว้
น้อยคนที่จะเห็นรูขนาดเล็กตามผนังถ้ำ ดังนั้นเมื่อรวมกับลูกธนูที่ร่วงตามพื้น ข้อสันนิษฐานของอู๋ฝานจึงน่าเชื่อถือ
“แดนลับนี้อันตรายเกินไปแล้วนะคะ” ถังอวี่เฟยพูดขณะมองร่างที่นอนนิ่งบนพื้น
“ตอนนี้กลัวเป็นแล้วเหรอครับ?” อู๋ฝานถามออกมาพลางนึกโกรธ
ถังอวี่เฟยแลบลิ้นออกมา “มีคุณอยู่ด้วยฉันก็ไม่กลัวค่ะ”
“ถ้าพวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ใช้เส้นทางนี้ คงจะได้เจอช่วงเวลายากลำบากเพราะกับดักธนูตามผนังถ้ำแน่” อู๋ฝานตอบกลับ
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ “แดนลับมักจะมีการติดตั้งกับดักแบบนี้เอาไว้ค่ะ แต่ตัวกับดักก็ไม่ได้ซับซ้อนมากจนเกินไป อย่างเช่นถ้ำนี้ ก่อนหน้านี้มีทางแยก ต่อมาก็มีกับดักลูกธนู เป็นไปได้ว่าหลังจากนี้จะยิ่งมีของที่อันตรายมากขึ้น เรื่องนี้พอจะทำให้ได้เห็นนิสัยใจคอเจ้าของเดิมของที่นี่เลยค่ะ”
“พวกเราไปกันต่อดีกว่าครับ”อู๋ฝานตอบรับ “แต่หลังจากนี้คงต้องระวังให้มากขึ้นแล้ว”
ในเมื่อหลิ่วเหยียนเอ๋อร์บอกถึงอันตรายของแดนลับที่อาจจะอันตรายมากยิ่งขึ้น อู๋ฝานจึงไม่กล้าประมาท อีกทั้งยังมีคนตายก่อนหน้าพวกเขาแล้ว เป็นการพิสูจน์ว่าที่นี่มีภัยคุกคามถึงชีวิต ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่อาจทำให้ความปรารถนาดีจากกลุ่มคนที่ตายไปต้องสูญเปล่า
ทั้งสี่คนเดินทางไปต่อ หลังผ่านไปราวสิบนาที ทั้งคณะจึงมาถึงสุดปลายทางของเส้นทาง มันเป็นพื้นที่ที่ล้อมไว้ด้วยผนังหิน ตรงกลางมีเพียงสระน้ำแห่งหนึ่ง
“ไม่มีทางไปต่อแล้วเหรอคะ? พวกเรามาผิดทางเหรอ?” เป้ยอวี่ฉวนตั้งคำถาม
อู๋ฝานขมวดคิ้วพลางเริ่มเคาะผนังถ้ำ ราวกับคิดอยากตรวจสอบว่ามีประตูลับหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ไม่เจออะไร
“ถ้าสระน้ำนี่ไม่มีอะไรอย่างอื่น ก็แปลว่าพวกเราเลือกเส้นทางผิด” อู๋ฝานพูดขณะมองน้ำในสระตรงหน้า
“แล้วสระน้ำนี้จะมีอะไรกันคะ?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม
“ไม่มั่นใจครับ” อู๋ฝานตอบรับ “พวกคุณสามคนอยู่ที่นี่ ผมจะลงไปตรวจสอบดูหน่อย”
“อู๋ฝาน ไม่ลงไปจะดีกว่าค่ะ สระน้ำนี่ดูไม่น่าไว้ใจ” ถังอวี่เฟยตอบกลับมา
“ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีอันตรายผมจะรีบกลับขึ้นมา” อู๋ฝานตอบรับ
“ระวังด้วยค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยเตือน
อู๋ฝานพยักหน้ารับ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกและกระโดดลงไป
น้ำในสระค่อนข้างใส ชายหนุ่มจึงสามารถเห็นอะไรก็ตามที่อยู่ใต้น้ำ ดังนั้นจึงว่ายลึกลงไปเพื่อหาทางออกที่อาจมีอยู่
“มีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงด้วย” หลังดำน้ำอยู่พักหนึ่ง อู๋ฝานจึงได้เห็นจุดแสงสว่างตรงหน้าพร้อมใจที่นึกยินดี
อู๋ฝานสำรวจจุดแสงดังกล่าวโดยการว่ายเข้าไปหา หลังเข้าใกล้ก็ว่ายขึ้นไปด้านบนของผิวน้ำ เมื่อพ้นจากน้ำจึงได้ตระหนักว่าตนเองอยู่ในถ้ำอีกแห่งหนึ่ง มันไม่ใช่สุดปลายทางของทางแยกเมื่อครู่
เมื่อเห็นเส้นทางที่อยู่ตรงหน้าเขาจึงเริ่มพึมพำกับตัวเอง “น่าจะเป็นทางไปต่อ”
ในเมื่อพบทางไปต่อ อู๋ฝานจึงไม่ลังเล สูดหายใจเข้าลึก ๆ และว่ายน้ำกลับไปทางฝั่งที่พวกหลิ่วเหยียนเอ๋อร์รออยู่
“มีอะไรไหมคะ?” หลังเห็นอีกฝ่ายกลับมาแล้ว ถังอวี่เฟยจึงรีบเข้าไปสอบถาม
“มีทางไปต่อครับ เป็นอีกฟากของเส้นทางใต้น้ำ” อู๋ฝานตอบกลับ “สระน้ำแห่งนี้มีเส้นทางใต้น้ำยาวราวยี่สิบเมตร พอจะกลั้นหายใจไหวกันไหมครับ?”
ทั้งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยต่างพยักหน้าตอบรับ เป็นการบอกว่าไม่มีปัญหา มีเพียงเป้ยอวี่ฉวนที่แสดงท่าทีลำบากใจออกมา
“ถ้าฉันไม่ได้บาดเจ็บมันก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะ แต่สภาพฉันตอนนี้…” เป้ยอวี่ฉวนแสดงความละอายแก่ใจ “ให้ฉันรอที่นี่จนกว่าพวกคุณกลับมาจะดีไหมคะ”
“ไม่ดีครับ ที่นี่ไม่ปลอดภัย เส้นทางนี้อาจถูกคนอื่นเลือกมาเมื่อไหร่ก็ได้” อู๋ฝานตอบกลับ “คุณรับผิดชอบแค่กลั้นหายใจ ผมจะว่ายพาคุณไปเองก็แล้วกันครับ”
เป้ยอวี่ฉวนบาดเจ็บหนัก ทำให้เธอแทบไม่เหลือแรงพอจะดำน้ำ ด้วยระดับการฝึกฝนเช่นเธอ ระยะทางแค่ยี่สิบเมตรไม่ใช่ปัญหาอะไรด้วยซ้ำ แต่สภาพร่างกายปัจจุบันไม่อำนวย
“ค่ะ” เป้ยอวี่ฉวนตอบรับ
ถังอวี่เฟยคิดเอ่ยปากว่าจะว่ายพาเป้ยอวี่ฉวนไปเอง แต่พอนึกถึงความสามารถของตนแล้ว หากรับภาระช่วยคนอื่นด้วยก็เกรงว่าอาจทำให้จมลงก้นสระนี้กันทั้งคู่
กลุ่มคนต่างลงไปในน้ำ ขณะอู๋ฝานช่วยประคองร่างเป้ยอวี่ฉวนเอาไว้ “สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมแล้วพยักหน้านะครับ”
ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างก็ดำลงไปก่อนแล้ว เป้ยอวี่ฉวนพยักหน้ารับ อู๋ฝานจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มดำน้ำลงไป
ชายหนุ่มแหวกว่ายพาเป้ยอวี่ฉวนไปจนถึงก้นสระน้ำ
จากที่เห็นก็ยังพบว่าน้ำในสระใสกระจ่างดี ไม่มีอะไรแปลกจากก่อนหน้า
ทั้งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยว่ายนำหน้าอู๋ฝานและเป้ยอวี่ฉวนเป็นการนำทาง คนทั้งสองต้องตามหลังก็เพราะการพาคนอื่นไปด้วยทำให้ว่ายน้ำได้ช้ากว่า
แต่ขณะอู๋ฝานคิดไปว่าเรื่องราวเรียบร้อยดี กลับเห็นสิ่งมีชีวิตราวห้าถึงหกเมตรว่ายเข้าหา หลังพบเห็นสองคนทั้งรั้งท้าย สิ่งมีชีวิตดังกล่าวก็อ้าปากเผยคมเขี้ยว หมายจะกัดใส่คนทั้งสอง
ทั้งอู๋ฝานและเป้ยอวี่ฉวนที่เห็นสิ่งมีชีวิตดังกล่าวจึงตื่นตกใจ เพราะไม่คิดว่าที่นี่จะปรากฏสัตว์ร้าย ชายหนุ่มรีบคุ้มกันหญิงสาวโดยการเตะส่งร่างของสัตว์ประหลาดออกไป
ตอนนี้อู๋ฝานอยู่ในน้ำจึงทำให้มีแรงต้านทาน ความเร็วของลูกเตะไม่เหมือนตอนอยู่บนบก สิ่งมีชีวิตดังกล่าวอาศัยใต้น้ำจึงมีความว่องไว มันสามารถหลบวิชาขาห่วงโซ่ของอู๋ฝานได้
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อร่างของมันหลบการโจมตี หางยาวก็ยังฟาดใส่แผ่นหลังของอู๋ฝานเข้าอย่างจัง
หลังลงมือโจมตีสำเร็จ มันไม่คิดจากไปไหน แต่ว่ายวนกลับมาเตรียมเล่นงานคนทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ อู๋ฝานจึงร้อนใจ เพราะที่นี่คือใต้น้ำ เมื่อสิ่งมีชีวิตดังกล่าวเข้ามาขัดขวาง อาจทำให้พวกเขาเหลืออากาสไม่พอใช้ไปจนถึงฝั่ง กระทั่งจะรอดพ้นหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ
แต่ความร้อนใจไม่อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้น สิ่งมีชีวิตดังกล่าวว่องไวใต้ผืนน้ำ อู๋ฝานที่ต้องให้การคุ้มกันเป้ยอวี่ฉวนด้วยจึงยิ่งเคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด ขณะหนึ่งจึงไม่ทราบว่าควรรับมืออย่างไร
ขณะพัวพัน สิ่งมีชีวิตดังกล่าวพุ่งเข้าไปกระแทกเป้ยอวี่ฉวนที่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว เพราะถูกแรงปะทะซ้ำเติมอาการ สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนไปพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มไม่มั่นคง