ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 410 โดนลากไปเกี่ยวข้อง
บทที่ 410 โดนลากไปเกี่ยวข้อง
บทที่ 410 โดนลากไปเกี่ยวข้อง
“งั้นทำให้มันเป็นจริงตามนั้นก็แล้วกัน!” ชายวัยกลางคนเผยเสียงหัวเราะเย็นเยือกพร้อมลงมือหมายสังหารนักพรตหญิง
ชายวัยกลางคนไม่อ่อนด้อย นักพรตหญิงที่คล้ายจะได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว เพียงอีกฝ่ายเปิดฉากต่อสู้ด้วยไม่นานก็ตกเป็นรอง
“อาจารย์ป้า!” เมื่อเห็นเช่นนั้น เป้ยอวี่ฉวนก็ตะโกนออกมาด้วยความกังวล และทันใดนั้นเองที่ความสนใจของกลุ่มคนบริเวณนั้นถูกดึงมา
“ฮ่า ฮ่า นึกว่ายัยหนูนี่หนีไปแล้วซะอีก ไม่นึกเลยว่าจะกลับมาตายรังอีกครั้ง พวกแกไปจับตัวนังนั่นมา!” ชายวัยกลางคนที่เห็นเป้ยอวี่ฉวน จึงออกคำสั่งให้ศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์บุกเข้าไปจับตัวเธอมา เพราะหญิงสาวหนีรอดถึงสามครั้งคราทำให้เขายิ่งไม่พอใจ ครั้งนี้ไม่ว่าจะด้วยอะไรเขาจะต้องจับตัวเธอให้ได้!
ศิษย์สองคนจากสำนักเที่ยงยุทธ์บุกเข้ามาหาเป้ยอวี่ฉวนหมายจับกุมตัว
“ตึง!”
ขณะมือคนทั้งสองใกล้จะเอื้อมถึงแขนของเป้ยอวี่ฉวน ตัวคนกลับถูกเตะส่งกลับไปอีกด้าน
อู๋ฝานก้าวออกมาปกป้องเป้ยอวี่ฉวนไว้
“อาจารย์! เป็นมันครับ!” หลังเห็นอู๋ฝานปรากฏตัว ซุนเจี้ยนที่ดูเรื่องราวอยู่อีกฟากหนึ่งก็ตะโกนให้ชายวัยกลางคนได้ยิน “มันเป็นคนช่วยเป้ยอวี่ฉวน และยังทำร้ายศิษย์สำนักของเราบาดเจ็บ! อาจารย์ล้างแค้นแทนพวกเราด้วยครับ”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์นามเถาหรูไห่ หลังขับไล่นักพรตหญิงฮุ่ยเหวินด้วยฝ่ามือ สายตาจึงหันไปมองอู๋ฝานและเอ่ยถาม “ขอถามชื่อหน่อยว่าเป็นใคร? เพราะอะไรถึงต้องเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวระหว่างหอคันธะสงัดและสำนักเที่ยงยุทธ์ของพวกเราด้วย? และยังทำร้ายคนของพวกเราบาดเจ็บอีก?”
“ฉันก็แค่คนที่บังเอิญผ่านทางมา” อู๋ฝานมองอีกฝ่ายพลางตอบรับอย่างเฉยชา “ศิษย์ของสำนักเที่ยงยุทธ์รุมรังแกผู้หญิงคนเดียว ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าอายบ้างรึไง? คนดีที่บังเอิญผ่านทางมาแบบฉันเลยต้องก้าวออกไปช่วยเหลือ ส่วนศิษย์ของพวกคุณที่ได้รับบาดเจ็บ ก็เพราะพวกเขาก่อเรื่องอย่างอุกอาจ ฉันเลยช่วยสอนบทเรียนให้ก็เท่านั้นเอง”
“อวดดี! ศิษย์ของเถาหรูไห่คนนี้คิดจะทำอะไร ใช่เรื่องที่ไอ้หนูอย่างแกจะต้องแส่มาสั่งสอนงั้นเหรอ?!” เถาหรูไห่โพล่งพร้อมโทสะออกมา “แกทำให้ข้อมือศิษย์คนโตของฉันบาดเจ็บ ถ้าแกยอมหักข้อมือตัวเองทิ้งแต่โดยที ฉันคนนี้จะยอมมองข้ามละเว้นชีวิตให้ ไม่งั้นแล้ว…”
“แล้วอะไร?” อู๋ฝานเลิกคิ้วพลางถาม
“ถ้าไม่งั้นวันนี้แกก็ตายที่นี่!” เสียงลุ่มลึกของเถาหรูไห่ดังตอบพร้อมจิตสังหารแผ่พุ่งออกมาจากดวงตา
“เหอะ! เจ้าสำนักเถาดูมีอำนาจล้นเหลือดี ถึงขนาดบีบบังคับให้คนอื่นหักมือตัวเองทิ้ง หรือไม่ก็ข่มขู่เอาชีวิต คนของสำนักเที่ยงยุทธ์วางท่าใหญ่โตกันถึงขนาดนี้?” อู๋ฝานเผยเสียงเย็นชาตอบกลับ
“แล้วยังไง?” เถาหรูไห่หัวเราะเย้ยหยัน “ในแวดวงผู้ฝึกตนคุยกันด้วยความแข็งแกร่ง! ไอ้หนูอย่างแกที่ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างฉัน ถ้าฉันสั่งให้ทำอะไรแกก็ต้องทำ!”
“น่าสนใจ ฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว อยากทำอะไรก็เข้ามาทำสิ” อู๋ฝานโต้คำกลับ
เถาหรูไห่ยังไม่ส่งคนของตัวเองไปลงมือ แต่พิจารณาตรวจสอบอู๋ฝาน ท่าทีสงบของอีกฝ่ายทำให้เขาประหลาดใจ เพราะหนึ่งคำขู่ของเขาไม่เป็นผล สองนั้นก็เพราะต้องการยืนยันตัวตนของชายหนุ่มก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกระทั่งกับสำนักที่แข็งแกร่ง แม้สำนักเที่ยงยุทธ์ของพวกเขาจะไม่อ่อนแอในโลกของผู้ฝึกตน กระทั่งเป็นสำนักชั้นสองซึ่งอยู่แถวหน้าในบรรดาสำนักทั้งหลาย แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดวางตัวใหญ่โตทำอะไรก็ได้
แต่เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานเจตนาไม่ตอบสังกัด เรื่องราวจึงยิ่งทำให้เถาหรูไห่เกิดความระมัดระวัง
“อวี่ฉวน รีบไปจากที่นี่เร็วเข้า!” ตอนนี้เองที่ฮุ่ยเหวินตะโกนบอกเป้ยอวี่ฉวน
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น!” เป้ยอวี่ฉวนยืนกราน
“คิดหนี? คนของพวกแกหนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” เถาหรูไห่แสยะยิ้มและเอ่ยอย่างไร้เมตตา ก่อนจะออกคำสั่งกับเหล่าศิษย์ของตน “ฆ่าทุกคนจากหอคันธะสงัด! รวมถึงพวกที่อยู่ข้างยัยหนูนั่นด้วย!”
เถาหรูไห่มองว่าอู๋ฝานไม่น่ามีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงประกาศให้รู้แล้วว่าเป็นใคร ไม่ใช่บอกแค่เป็นเพียงคนบังเอิญผ่านทางมา อีกทั้งต่อให้ชายหนุ่มมีเบื้องหลังใดจริง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ประกาศให้ทราบ หากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจกล่าวโทษที่ผู้อื่นไม่รู้ความได้
คนของสำนักเที่ยงยุทธ์กลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาทางอู๋ฝาน เขาไม่คิดว่าเจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์จะถึงขั้นคิดสังหารตน เห็นได้ชัดว่าการกระทำนี้เกินเลยไปมาก
“ปกป้องสองคนนั้นครับ” อู๋ฝานบอกหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมบุกเข้าหาศิษย์ของสำนักเที่ยงยุทธ์
วิทยายุทธ์ของอู๋ฝานไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ความว่องไวของวิชานางแอ่นถลาลมไม่ใช่อะไรที่สามารถดูหมิ่นได้ เขาสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว แม้ถูกกลุ่มศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์ปิดล้อมก็ไม่ได้รับอันตรายใด
อีกฟากฝั่งหนึ่ง เถาหรูไห่กำลังพิจารณาอู๋ฝาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ออกกระบวนท่าเล่นงาน ทำให้เขานึกโล่งอก ตอนนี้จึงหันไปมองทางนักพรตหญิงฮุ่ยเหวินอีกครั้ง “ฮุ่ยเหวิน พวกเธอมาที่นี่เพื่อสะสางเรื่องของเจ้าหอคันธะสงัดใช่ไหม? ตอนนี้ฉันเปิดโอกาสให้ล้างแค้นแล้ว! เจ้าหอของพวกแกถูกฉันคนนี้สังหาร และมันจะไม่จบแค่นั้น เพราะมันรวมถึงพวกแกทุกคนด้วย!”
สิ้นคำ เถาหรูไห่จึงก้าวออกไปหมายสังหารฮุ่ยเหวินอีกครั้ง และครั้งนี้ออร่าที่เขาใช้ลงมือยังดุดันยิ่งกว่าครั้งก่อน!
ด้านศิษย์คนอื่นจากสำนักเที่ยงยุทธ์ พวกเขาต่างเข้าปิดล้อมเล่นงานศิษย์หอคันธะสงัดอีกครั้งหนึ่ง การต่อสู้ที่ชะงักไปเพราะการมาถึงของพวกอู๋ฝานกลับมาดำเนินขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือมีอู๋ฝานเข้ามาเกี่ยวข้อง
“หมดยุคของหอคันธะสงัดแล้ว!”
“ใช่ หอคันธะสงัดถูกเถาหรูไห่เล่นงานขนาดนี้ ตอนแรกก็เจ้าหอ ตอนหลังก็ผู้อาวุโส ตอนนี้หอคันธะสงัดเสียกำลังสู้รบไปมาก คงถูกตัดรายชื่อออกจากสำนักชั้นสองอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ตัดออกจากสำนักชั้นสอง? กลัวว่าจะไม่เหลือชื่อด้วยซ้ำ! ในเมื่อสำนักเที่ยงยุทธ์ลงมือเล่นงานอย่างเปิดเผยขนาดนี้ พวกเขาจะไม่กวาดล้างหอคันธะสงัดจนลมหายใจสุดท้ายเลยรึไง?”
“ก็จริง ยังไม่พูดถึงสำนักอื่นที่จ้องหอคันธะสงัดตาเป็นมันอยู่ ยังไงหอคันธะสงัดก็เป็นสำนักชั้นสอง ทรัพยากรใกล้ที่ตั้งสำนักก็ถือว่าไม่น้อยหน้าใคร คงจะมีสำนักไม่น้อยพร้อมเข้ามาแย่งชิงแน่”
“พวกนั้นเป็นใคร? รู้จักไหม?”
“ไม่รู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็แค่ผู้ฝึกตนทั่วไปมั้ง?”
ในที่นี้มีคนที่นิ่งเฉยรับชมอยู่ไม่ใช่น้อย นอกจากคนหอของหอคันธะสงัดและสำนักเที่ยงยุทธ์ที่กำลังต่อสู้ คนอื่นต่างผ่อนคลายชมเรื่องสนุกเหมือนเช่นที่เคยเป็น อย่างไรพวกเขาก็ไม่คิดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว
หอคันธะสงัดเป็นสำนักที่ค่อนข้างพิเศษ ปกติแล้วไม่เคยมีเรื่องราวกับสำนักใด กระทั่งว่าแทบไม่เกี่ยวข้องกับสำนักใดเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่ค่อยสานสัมพันธ์กับใคร ทำให้ตอนนี้เมื่อมีเรื่องกับสำนักเที่ยงยุทธ์จึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงออกตัวให้ความช่วยเหลือ
อู๋ฝานเป็นใครกลุ่มคนในที่นี้ไม่รู้จัก แม้หลายคนจะสงสัยอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย อย่างไรออร่าที่อีกฝ่ายแสดงออกให้เห็นก็ไม่ได้แข็งแกร่ง การเคลื่อนไหวก็ยังดูติดขัดด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีเพียงคนเดียว เผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์อย่างไรก็ไม่มีทางต้านไหว ในสายตาของกลุ่มคนมากมาย การที่ชายหนุ่มเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายครั้งนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่ฉลาด กระทั่งแส่หาความตายด้วยซ้ำ
แต่เพราะพวกเขาไม่รู้จักอู๋ฝาน ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดเข้าไปห้ามหรือให้คำแนะนำ กระทั่งผ่อนคลายรับชมเรื่องสนุกเหมือนดังเช่นที่เคยเป็น