ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 423 สถานการณ์ของสำนักหลอมกระบี่
บทที่ 423 สถานการณ์ของสำนักหลอมกระบี่
บทที่ 423 สถานการณ์ของสำนักหลอมกระบี่
“อู๋ฝาน ของทั้งสามอย่างนี้ควรเก็บไว้ให้ปลอดภัย ต้องไม่เปิดเผยพวกมันออกไปค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เตือนด้วยความหวังดี
อู๋ฝานพยักหน้ารับก่อนจะถามขึ้น “พวกคุณอยากเรียนวิชาพวกนี้ไหมครับ?”
ถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีความสนใจอยู่พอสมควร วิชากลไกและสูตรยาไม่ใช่อะไรที่น่าสนใจนัก แต่วิชากระบี่สายฟ้าอินทนิลเป็นสิ่งดึงดูดจนทำให้ทั้งสองหวั่นไหว อย่างไรก็เป็นถึงวิชาระดับสวรรค์ อีกทั้งตัวหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองยังมีพื้นฐานวิชากระบี่ ขณะที่ถังอวี่เฟยยังไม่เคยฝึกฝนใดมาก่อน วิชายอดศัสตราวุธที่เคยให้ไปก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสมกับเธอ หากให้เลือกวิชากระบี่สายฟ้าอินทนิลที่ว่องไวดูจะเหมาะสมกว่า
“พวกเราเรียนได้เหรอคะ?” ถังอวี่เฟยถามขณะเผยท่าทีประหม่า
“ของพวกนี้คุณหามาด้วยตัวเอง มันถือเป็นทรัพย์สินของคุณค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยขึ้นเช่นกัน
แม้ทั้งสองจะค่อนข้างหวั่นไหว แต่ในใจนั้นทราบดีว่าวิชาทั้งสามเป็นของอู๋ฝาน เขาถึงขั้นเสี่ยงชีวิตเพื่อคว้าเอามันมาซะด้วยซ้ำ ขณะที่พวกเธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ต่อให้อีกฝ่ายไม่เปิดเผยให้รับรู้ พวกเธอก็ไม่รู้สึกนึกเสียใจหรือผิดหวังแต่อย่างใด
“ก็ต้องเรียนได้สิครับ” อู๋ฝานตอบกลับอย่างแน่ใจ “พวกเราเดินทางไปแดนลับด้วยกัน สิ่งที่ได้รับมาก็ต้องแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม จะให้ผมเก็บไว้คนเดียวได้ยังไง?”
เห็นได้ชัดว่าแนวคิดของอู๋ฝานต่างไปจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟย เขาไม่คิดโลภมากเก็บเอาไว้ส่วนตัว ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่นำพวกมันออกมาแสดงให้รู้กันตั้งแต่แรก
“จริงเหรอคะ?”
“แน่นอนสิครับ!” อู๋ฝานตอบกลับ “เห็นผมเป็นคนงกอะไรขนาดนั้นรึไง? ความรู้ทั้งสามนี้อยากเรียนวิชาไหนกันครับ หรือว่าทั้งหมดเลย?”
“อันนี้ค่ะ!”
ถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างตอบเป็นเสียงเดียวพร้อมชี้ไปยังตำรากระบี่สายฟ้าอินทนิล
“ครับ ถ้างั้นพวกเราสามคนค่อยมาศึกษาไปพร้อมกัน” อู๋ฝานขยับวิชากระบี่มาไว้ตรงกลางระหว่างพวกตน “แล้วอีกสองไม่อยากเรียนเลยเหรอครับ?”
“ต่อให้สูตรยานั่นเป็นของดี แต่พวกเราไม่รู้ศาสตร์ของการปรุงยาเลย เรียนรู้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาค่ะ ส่วนวิชากลไกนั้นไม่เคยอยู่ในความสนใจเลยค่ะ”
“ฉันเองก็ด้วยค่ะ” ถังอวี่เฟยร่วมพยักหน้าตอบรับ
“ครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ส่วนผมรู้เรื่องวิชาปรุงยา ไว้หลังศึกษาสูตรยาและปรุงมันขึ้นมาได้ ผมจะส่งตัวยาที่สำเร็จแล้วไปให้ครับ”
“ค่ะ!” ทั้งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยต่างตอบรับโดยพร้อมกัน กระทั่งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังเผยท่าทีตื่นเต้นยินดีออกมา เพราะยาวิเศษเช่นยาอาทิตย์มรกตสามารถช่วยให้ขอบเขตแปรสภาพขั้นสูงสุดก้าวสู่เขตแดนกำเนิดสวรรค์ได้สำเร็จ ในอดีตแม้แต่เรื่องเล่าทำนองนี้ก็ยังไม่เคยมีให้รับฟังมาก่อน หากจะกล่าวว่ายาวิเศษนั้นมีค่าเทียบเท่าเมืองทั้งเมืองก็คงไม่ใช่เกินเลยแต่อย่างใด
“จะว่าไปแล้ว สำนักหลอมกระบี่อะไรนั่นมีชื่อเสียงในโลกผู้ฝึกตนเหรอครับ?” ขณะกำลังเตรียมศึกษาวิชากระบี่สายฟ้าอินทนิลร่วมกัน อู๋ฝานก็นึกถึงคำเชิญก่อนหน้านี้ขึ้นมาจนต้องเอ่ยถามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
“สำนักหลอมกระบี่คือหนึ่งในสำนักชั้นหนึ่งค่ะ แม้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นเพียงสำนักชั้นหนึ่ง แต่ชื่อเสียงและสถานะพิเศษในโลกผู้ฝึกตนนั้นเทียบได้กับสำนักชั้นนำเลยทีเดียว หรือบางทีอาจจะสูงยิ่งกว่าสำนักชั้นนำหลายแห่งด้วยซ้ำ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองก็ได้ยินคำเชิญของเต๋าหมิงเช่นกัน
“ความพิเศษเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“แม้สำนักหลอมกระบี่จะนับเป็นสำนักแห่งหนึ่ง แต่คนของสำนักไม่ได้ฝึกตนเป็นหลัก ที่พวกเขาฝึกฝนคือการตีกระบี่ ดังนั้นพวกเขาจึงมีชื่อเสียงเรื่องการตีกระบี่ในหมู่ผู้ฝึกตน สำนักหลอมกระบี่จะคอยสร้างกระบี่ล้ำเลิศออกมา ในแวดวงของผู้ฝึกตนมีกระบี่ที่มีชื่อเสียงมากมาย และส่วนใหญ่จะมาจากสำนักหลอมกระบี่ค่ะ ผู้ฝึกตนคนไหนที่ได้รับกระบี่ซึ่งตีขึ้นโดยสำนักหลอมกระบี่จะถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจ” กล่าวถึงตรงนี้ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “กระบี่ของฉันเองก็มาจากสำนักหลอมกระบี่ค่ะ”
อู๋ฝานเคยได้เห็นกระบี่ของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แล้ว ทว่ายังไม่เคยใช้วิชาตรวจสอบ แม้ตอนนี้จะได้เห็นกระบี่ของเธออีกครั้ง แต่ก็นับเป็นครั้งแรกที่ใช้วิชาตรวจสอบออกไป
[กระบี่ยาวไร้นาม ระดับเงิน พลังโจมตี+35 ความว่องไว+20 พละกำลัง+10]
‘ระดับเงินเลยเหรอเนี่ย?!’ อู๋ฝานอุทานอยู่ในใจ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองก็ดูภูมิใจไม่น้อยที่กระบี่ของตนเองมาจากสำนักหลอมกระบี่ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าสำนักดังกล่าวมีฝีมือไม่เลวจริง ๆ กระทั่งค่าสถานะเสริมของตัวกระบี่ก็ถือเป็นของดี ไม่ใช่เพียงแค่ไอเทมระดับเงินธรรมดา กระทั่งไล่เลี่ยกับกระบี่ยาวศิลาดำของเขา แต่เพราะมีความสามารถดูดเลือดจึงถือว่าดีกว่า ขณะที่กระบี่ของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีเพียงค่าสถานะ ไม่มีความสามารถเสริม
ปัจจุบันอู๋ฝานสามารถสร้างอาวุธระดับเงินด้วยตนเองได้แล้ว หากใช้วัสดุที่ดีขึ้นมาหน่อยและโชคประมาณหนึ่ง บางทีอาจสร้างเป็นไอเทมระดับทองได้สำเร็จ ดังนั้นมันจะดียิ่งกว่าที่สำนักหลอมกระบี่สามารถตีขึ้นมาได้
“แล้วงานชุมนุมกระบี่ล่ะครับ?” อู๋ฝานถามต่อ
“ทุกครั้งที่สำนักหลอมกระบี่ตีกระบี่ที่ดีเยี่ยมขึ้นมาได้ พวกเขาจะจัดงานชุมนุมกระบี่ขึ้นมาเพื่อเชิญผู้คนมากหน้าหลายตาในแวดวงการฝึกฝนไปร่วมงานและรับชม ถือได้ว่าเป็นอีเวนท์ใหญ่ในแวดวงเลยทีเดียวค่ะ เพราะความพิเศษของสำนักหลอมกระบี่ ใครก็ตามที่ได้รับเชิญมักจะไปร่วมงาน ส่วนคนที่ไม่ได้รับเชิญจะหาทางไป อันที่จริงการที่พวกเขาเชิญคุณไปก็เพราะสถานะเจ้าหอคันธะสงัดในปัจจุบัน ซึ่งเรียกได้ว่ามีทั้งสถานะและตัวตนในแวดวงผู้ฝึกตนมากพอสมควร รวมกับฝีมือที่คุณเคยแสดงให้เห็นถึงขนาดสังหารเถาหรูไห่ ทำให้พวกเขาให้ค่าความแข็งแกร่งอยู่พอประมาณค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบรับ
อู๋ฝานพยักหน้ารับเป็นการบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติเพราะได้รับเชิญโดยสำนักหลอมกระบี่เหมือนคนอื่น ส่วนจะไปหรือไม่นั้นทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะมีเวลาหรือไม่
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองก็ได้เห็นท่าทีของเขาเช่นกัน จนต้องเอ่ยขึ้น “ฉันคิดว่าคุณควรไปสักพักหนึ่งก็ยังดีค่ะ สานสัมพันธ์กับสำนักหลอมกระบี่ไว้ไม่ใช่เรื่องแย่นะคะ ไปแล้วอาจจะได้อาวุธติดไม้ติดมือกลับมาก็ได้ แม้สำนักหลอมกระบี่จะเน้นการสร้างกระบี่ยาวเป็นส่วนใหญ่ แต่งานฝีมือของพวกเขาก็ไม่เลวร้ายเลยนะคะ”
ในความเห็นของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ สำนักหลอมกระบี่คือสมบัติประการหนึ่ง อู๋ฝานที่น่าจะยังไม่มีอาวุธ หากคว้าโอกาสจากงานชุมนุมกระบี่ที่กำลังจะจัดขึ้นและโชคอำนวย น่าจะได้รับอาวุธที่เหมาะสมจากสำนักหลอมกระบี่
แต่พออู๋ฝานได้ยินคำพูดของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขากลับเพียงแค่ยิ้มตอบ “ในสายตาของผมอาวุธของพวกเขาไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นครับ”
อู๋ฝานไม่ได้พูดเกินจริง อาวุธของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นเพียงระดับเงินทั่วไป ต่อให้สำนักหลอมกระบี่สามารถผลิตของที่ระดับสูงกว่านี้ออกมาได้ มันก็เป็นเพียงแค่อาวุธระดับทองหรือว่าอำพัน ส่วนตัวเขาขอเพียงแค่ฝึกซ้อมการตีเหล็กให้ดี อาวุธระดับดังกล่าวสามารถสร้างด้วยตัวเองได้มากเท่าที่ต้องการ เท่ากับไม่จำเป็นต้องบากหน้าไปขอให้คนอื่นช่วย
แต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ทราบเรื่องราวเหล่านี้ของอู๋ฝาน ดังนั้นตอนที่ได้ยินคำตอบ เธอจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจถึงความสำคัญของสำนักหลอมกระบี่ แต่หากเมื่อไหร่ได้ไปร่วมงานชุมนุมกระบี่เขาอาจจะเปลี่ยนความคิดเป็นอีกแบบก็เป็นได้