ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 425 ลงมือ
บทที่ 425 ลงมือ
บทที่ 425 ลงมือ
“ไอ้เวรนี่พูดอะไรออกมา?!”
“ก็แค่ต่อสู้ คิดว่าพวกเรากลัวรึไงกัน!?”
คำพูดของที่ปรึกษายั่วยุพวกหนิวเอ้อได้สำเร็จ ยกเว้นเพียงหวังปิงที่ยังคงนิ่งสงบ ส่วนหนิวเอ้อ เจิ้งเสี่ยวลิ่ว และคนอื่นต่างก็มองที่ปรึกษาด้วยสายตาเคืองแค้น
“สงบใจลงก่อน” หวังปิงพยายามหาทางทำให้พวกหนิวเอ้อสงบลง
แต่ความโกรธของพวกหนิวเอ้อปะทุขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมกับเรื่องที่นับตั้งแต่พวกเขาติดตามอู๋ฝานมายังไม่เคยพ่ายศึกครั้งใด จึงทำให้เกิดความลำพองใจขึ้นมา เมื่อวานที่ปรึกษาตรงหน้ายังพ่ายแพ้พวกเขาเสียจนย่อยยับ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้พวกเขามองอีกฝ่ายว่าไม่เท่าไหร่
“สงบใจอะไรอีก?! มีคนมาหยามพวกเราถึงหน้าประตูบ้าน หากยังหดหัวเป็นลูกเต่า อย่างนั้นภายหน้าจะเป็นทหารประจำตัวให้นายท่านได้ยังไง?” หนิวเอ้อทักท้วง
“ใช่แล้ว ก็แค่ต่อสู้จะมีอะไร พวกเราไม่กลัวอยู่แล้ว!” เหยียนหมิงร่วมโต้แย้ง
หวังปิงมองท่าทีของพรรคพวก จึงได้ทราบว่าคงไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้ สุดท้ายจึงต้องถอนหายใจอยู่ในใจ ทำได้เพียงภาวนาขอให้เขาคิดมากเกินไปเอง
“ดี! มีความกล้าดี!” เมื่อเห็นการตอบสนองของหนิวเอ้อจึงทำให้ที่ปรึกษานึกยินดีอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า “พวกเจ้ามีหกคน ส่วนฝ่ายนี้ก็มีหกคน จำเอาไว้ว่าอาวุธไม่มีตา หากตายหรือบาดเจ็บก็ต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเอง!”
“ได้!” หนิวเอ้อควงดาบใหญ่ในมือด้วยท่วงท่าอาจหาญ
พวกหนิวเอ้อมีความมั่นใจเปี่ยมล้น ขณะที่เหล่าทหารส่วนตัวของกัวจื่อหมิงก็มีความมั่นใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้พวกหนิวเอ้อเอาชนะศึกเมื่อวานมาได้ แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรในสายตาของทหารส่วนตัวเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มองการเอาชนะเจ้าหน้าที่สำนักปกครองเป็นเรื่องใหญ่
หน่วยรักษาการณ์ที่เหลือต่างขยับตัวเปิดเป็นพื้นที่โล่งกว้าง หนิวเอ้อและพรรคพวกยืนเผชิญหน้ากับทหารส่วนตัวของกัวจื่อหมิง ส่วนที่ปรึกษายังคงอยู่บนหลังม้าเพื่อชมการแสดงที่กำลังจะดำเนิน
“ฆ่า!”
เพียงหนิวเอ้อตะโกน ทหารส่วนตัวทั้งหกคนของอู๋ฝานจึงมุ่งเข้าหมายสังหารคนของกัวจื่อหมิง แม้หวังปิงพยายามห้ามไม่ให้เป็นไปตามอีกฝ่ายต้องการ แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาก็คงไม่อาจหนีพ้นจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ทำได้เพียงแค่ทำตามคำตะโกนของหนิวเอ้อ นั่นคือการบุกเข้าสังหารกลุ่มคน แน่นอนว่าสีหน้าท่าทีของเขาไม่ได้เป็นมิตรเหมือนเมื่อครู่ แต่เปี่ยมด้วยจิตสังหาร!
ทหารส่วนตัวทั้งหกคนที่ยืนตั้งแถว เมื่อเห็นพวกหนิวเอ้อบุกเข้ามาหาจึงแสยะยิ้มเย็นยะเยือกอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว ขณะนี้พวกเขาเองก็บุกทะยานเข้าหาพวกหนิวเอ้อเช่นกัน
เพียงชั่วพริบตาทั้งสองฝ่ายจึงเปิดศึกปะทะกัน เพียงแต่แค่ช่วงพริบตาดังกล่าว สามคนทางฝั่งของพวกหนิวเอ้อ กลับเหลือเพียงแค่หนิวเอ้อ หวังปิง และหลี่ว์ปินที่ยังพอป้องกันต้านทานไว้ได้ ส่วนคนอื่นล้มลงไปกองกับพื้นกันหมดแล้ว
มันเกิดอะไรขึ้น?
ในตอนนี้พวกหนิวเอ้อกำลังตื่นตระหนก เพราะนอกจากตอนที่เผชิญหน้าทหารปลายแถวจากโลกอสูรที่ไล่ตามล่า พวกเขาได้เจอสถานการณ์ยากลำบากเช่นตอนนี้อีกหรือไม่? เพียงชั่วพริบตาครึ่งหนึ่งของกำลังรบก็ล้มลงไปกองกับพื้น เจิ้งเสี่ยวลิ่วและพรรคพวกยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ล้มพับกันไปแล้ว กระทั่งว่าไม่มีท่าทีจะสามารถต่อสู้ได้อีก
หนิวเอ้อถึงกับชะงักมองศัตรูที่อยู่ใกล้ด้วยอาการตื่นตกใจ
ตอนแรกเริ่มพวกหนิวเอ้อมีความมั่นใจเปี่ยมล้นในพละกำลังของพวกตน ว่าจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาน แต่ผลการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่สำนักปกครองและทหารส่วนตัวของกัวจื่อหมิงในวันนี้แตกต่างกันจนเกินไป
แต่ในความเป็นจริง หลังปะทะด้วยอาวุธมีคมกับคู่ต่อสู้ พวกเขากลับไม่อาจชิงความได้เปรียบ กระทั่งรู้สึกชาเพราะคู่ต่อสู้มีแรงมหาศาล แขนที่รับการโจมตีสั่นจนทำให้ฝ่ามือที่จับอาวุธเกิดรอยแตก
ขณะหนิวเอ้อกำลังตะลึงกับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ อีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยสีหน้าท่าทีประหลาดใจเช่นเดียวกัน “ไม่นึกเลยว่าจะยังแข็งแกร่งอยู่บ้าง นึกว่าออกแรงเป็นอย่างเดียว!”
สิ้นคำ ชายคนนั้นก็ถอนดาบก่อนจะถอยเท้าไปครึ่งก้าว ชั่วพริบตาดาบยาวจึงโลดแล่นอีกครั้งอย่างรุนแรง มันคิดฟันเข้าใส่ศีรษะของหนิวเอ้อ การกระทำนี้ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนการต่อสู้อีกต่อไป แต่เป็นการหมายจะเอาชีวิต!
หนิวเอ้อรีบยกดาบขึ้นต้านรับ แม้จะชวนอับอายไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่งจากการฝึกฝนวิชายอดศัสตราวุธ ความสามารถทางการต่อสู้จึงไม่เลวร้าย แม้จะด้อยกว่าอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่สามารถเอาชนะกันได้ง่าย ๆ
หวังปิงและหลี่ว์ปินไม่ได้มีกำลังยอดเยี่ยมเหมือนดังหนิวเอ้อ แม้จะต้านรับการโจมตีครั้งแรกของคู่ต่อสู้เอาไว้ได้ แต่สภาพก็ค่อนข้างทุลักทุเล เมื่อเผชิญกับการโจมตีอันรุนแรงของคู่ต่อสู้จึงทำได้เพียงแค่ป้องกันไม่อาจตอบโต้ และถึงจะป้องกันเอาไว้ได้ ทว่าก็ไม่ใช่เต็มร้อย ตามร่างกายมีบาดแผลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้พวกหนิวเอ้อจึงได้เข้าใจว่าก่อนหน้านี้พวกตนมั่นใจจนเกินไป กลุ่มคนตรงหน้าแข็งแกร่งขนาดไม่อาจนำกลุ่มเจ้าหน้าที่สำนักปกครองมาเทียบได้ ความสามารถทางการต่อสู้ของพวกเขาสูงล้ำกว่าหลายเท่า ขนาดที่ว่าพวกตนไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ
แต่ที่ทำให้พวกเขาโกรธและตระหนักได้ คือการที่คนกลุ่มนี้ไม่ได้มาเพื่อประมือหาคำชี้แนะดังปากว่า ทว่าเป็นการมาเพื่อสังหาร ทุกการลงมือมุ่งเน้นเอาชีวิตอย่างไม่ปิดบัง กระทั่งพวกเจิ้งเสี่ยวลิ่วทั้งสามคนที่พ่ายแพ้ไปแล้วยังถูกตามเล่นงานประหนึ่งแมวหยอกหนูโดยทหารส่วนตัวทั้งสามคน พวกเขากระทั่งเผยยิ้มโฉดชั่วผ่านทางสีหน้า ราวกับไม่มีทางคิดหยุดจนกว่าพวกเจิ้งเสี่ยวลิ่วจะถูกสังหาร
“ตึง!”
“ตึง!”
ทั้งหวังปิงและหลี่ว์ปินต่างก็ไม่อาจป้องกันต่อได้นาน สุดท้ายถูกแรงกระแทกส่งร่างกระเด็นลิ่ว กระอักเลือดออกจากปากด้วยใบหน้าซีดเผือด
แต่มันไม่ได้จบแค่ตรงนี้! คู่ต่อสู้ของทั้งสองยังไม่มีทีท่าคิดจะหยุดลงมือ! กระทั่งเหวี่ยงดาบเล่มยักษ์หมายจะสังหารให้ได้
“พวกแกต้องการอะไรกันแน่?!” หนิวเอ้อตะโกนถาม
“ต้องการอะไร? สับให้เป็นชิ้นละมั้ง” คู่ต่อสู้ของหนิวเอ้อตอบกลับมา แม้จะยังไม่อาจเอาชนะได้ ทว่าก็กำลังเป็นฝ่ายคุมเชิงอย่างได้เปรียบ ยามนี้เมื่อเห็นเพื่อนพ้องของตนจัดการคู่ต่อสู้กันได้หมด แต่ตนเองยังไม่อาจจัดการหนิวเอ้อได้จึงรู้สึกราวกับเสียหน้า
“คิดว่าข้าโง่จะปล่อยพวกแกลงมือรึไง?” หนิวเอ้อตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“อาวุธไม่มีตา! การประลองบางครั้งจะตายหรือบาดเจ็บก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” อีกฝ่ายตอบรับอย่างเฉยชา ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป “ฆ่าเศษเดนไปก็ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องใส่ใจ!”
จบคำจึงลงมือหมายสังหารหนิวเอ้ออีกครั้ง กระทั่งว่ารุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน
หนิวเอ้อตื่นตระหนก ทั้งยังไม่มีเวลาพอไปดูสถานการณ์ของคนอื่น ขณะยกดาบขึ้นมาต้านรับเอาไว้ก็ยิ่งรับรู้ถึงแรงกดซึ่งถ่ายเทมายังเท้า เพียงช่วงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็ต้องเผชิญสภาพเหมือนพวกหวังปิง ที่ทั้งบาดเจ็บและพ่ายแพ้การต่อสู้
ทว่ากลุ่มทหารส่วนตัวของกัวจื่อหมิงยังไม่หยุด พวกเขากวัดแกว่งดาบใหญ่ไล่ล่าพวกหนิวเอ้ออย่างต่อเนื่อง เจ้าชิ่งที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มคนบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจรวยรินไปทุกขณะ การหลบเลี่ยงและเคลื่อนไหวมีแต่จะยิ่งช้าลง
“ทุกคนรวมตัว!” จังหวะนี้เองที่หวังปิงตะโกนขึ้นมา
สถานการณ์ตอนนี้เป็นดังที่หวังปิงคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกไม่มีผิด คนเหล่านี้มาด้วยเจตนาร้ายตั้งแต่ต้น ไม่ใช่มาเพราะต้องการประลองดังกล่าวอ้าง แต่เป็นการฉวยโอกาสสังหารพวกเขา!
ขณะนี้หนิวเอ้อไม่อาจสนใจหน้าตาต่อไปได้อีก ปากจึงตะโกนสั่งหน่วยรักษาการณ์ให้มารวมตัว เพราะเขาไม่อาจปล่อยให้พรรคพวกต้องตายอย่างน่าสังเวชที่นี่ได้ เพียงเพราะความดื้อรั้นและใจร้อนของตนเอง