ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 428 ถูกเตะโด่งจนม้วนเสื่อ
บทที่ 428 ถูกเตะโด่งจนม้วนเสื่อ
บทที่ 428 ถูกเตะโด่งจนม้วนเสื่อ
ด้านในป่า กลุ่มคนราวสิบกำลังกระจายตัวกันออกตามหาเป้าหมาย เพราะเป็นทหารส่วนตัวของกัวจื่อหมิง พวกเขาเหล่านี้จึงพึ่งพาอาศัยผู้ปกครองเทศมณฑลในการใช้ชีวิต ครั้งนี้กัวจื่อหมิงมอบหมายภารกิจมาให้ทำ ไม่ว่าใครในกลุ่มคนต่างก็คาดหวังว่างานนี้ต้องสำเร็จลงด้วยดี
“เจอแล้ว!” หนึ่งในกลุ่มคนค้นหาเป้าหมายจนเจอ เป็นสัตว์ตัวน้อยที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ไกล แม้ไม่ทราบว่าเป็นตัวอะไร แต่เขาคิดว่าใช่สัตว์เลี้ยงที่กัวจื่อหมิงต้องการอย่างแน่นอน
เขาจึงรีบย่อตัวลง ฝีเท้าย่องเบาเคลื่อนที่เชื่องช้าเข้าใกล้เป้าหมาย สัตว์น้อยตัวนั้นไม่ทันเห็น ทั้งยังไม่มีทีท่าระแวดระวังรอบด้าน ระยะห่างเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมรอยยิ้มของผู้ล่าที่ยิ่งฉีกกว้างขึ้น
“ขอดูหน่อยสิว่าแกจะหนีไปไหนได้!” ทหารหนุ่มคนนั้นที่เข้าใกล้สัตว์น้อยได้มากพอจึงกระโจนหมายจะจับตัวอีกฝ่าย แต่เมื่อร่างกายทะยานออกไป ร่างน้อยร่างหนึ่งกลับเคลื่อนที่เข้าหาจากทางข้าง ๆ มันพุ่งตรงเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกระโจนทะยานจากพื้นแล้วจึงไม่อาจหลบเลี่ยงกลางอากาศ
“ตึง!”
ร่างน้อยเตะอย่างรุนแรงใส่ร่างของทหารส่วนตัวคนดังกล่าว แรงถีบนั้นถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายที่กระโจนอยู่ต้องเปลี่ยนทิศทางหันร่วงหล่นกระแทกพื้น
“อะ…” ในเมื่อถูกเล่นงาน หลังกระแทกพื้นอย่างแรงจึงเตรียมลุกขึ้นสบถ แต่ร่างน้อยไม่คอย มันรีบพุ่งเข้าไปเล่นงานอีกครั้ง ชั่วพริบตาจึงมาอยู่ตรงหน้าพร้อมกระแทกใส่หน้าท้องซ้ำสอง คนที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้ครึ่งท่อนกลับต้องคู้ลงกับพื้นอีกครั้งจนมีอาการหน้ามืด
แต่เรื่องราวยังไม่จบ หลังทหารส่วนตัวล้มลงจึงตระหนักว่าเจ้าตัวน้อยกระโดดขึ้นมาย่ำเหนือตัว เท้าน้อยของมันมีเรี่ยวแรงจนเกินจะเชื่อได้ เพราะมันกำลังกระทืบร่างเขาจนเจ็บช้ำไม่อาจทานทน
“ไปให้พ้น!” เขาพยายามตะโกนไล่เจ้าตัวน้อยไปให้พ้น ทว่าไม่ได้ผล สุดท้ายก็ต้องคานกับพื้นหาทางลุกขึ้นจนหลบหนีออกไปนอกป่า
เจ้าตัวน้อยไล่ล่าตามหลังไม่เลิกไม่รา ความเร็วที่มันไล่ล่าเหนือกว่าความเร็วคนที่หลบหนี นับเป็นโชคดีที่ตอนนี้มาถึงบริเวณชายป่าพอดี เจ้าตัวน้อยจึงหยุดไล่ตาม ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาและกลับเข้าป่าไป
ทหารส่วนตัวคนนั้นมองเจ้าตัวน้อยกลับไปจนใจเต้น สุดท้ายจึงหันกลับเตรียมไปพบที่ปรึกษา ก่อนจะพบว่าขณะนี้อีกฝ่ายถูกเล่นงานจนใบหน้าปูดบวมดูย่ำแย่และเลวร้าย สุดท้ายจึงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา “ใต้เท้าที่ปรึกษา…”
“ฝีมือเจ้าตัวน้อยนั่น!” ที่ปรึกษามองทิศทางที่เจ้าตัวน้อยกลับไปด้วยความรู้สึกทั้งโกรธแค้นและหวาดเกรง
เจ้าตัวน้อยที่ไล่ทหารส่วนตัวคนหนึ่งออกมาจากป่าได้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแมวเมฆหิมะที่เพิ่งกลับเข้าป่าไปหลังเล่นงานที่ปรึกษาได้ ต่อมาก็เล่นงานจนทหารส่วนตัวคนหนึ่งต้องออกจากป่าด้วยสภาพย่ำแย่เลวร้าย
“ท่านที่ปรึกษามีความรู้ เมื่อครู่นี้คือตัวอะไรกันหรือขอรับ?” ทหารส่วนตัวเอ่ยคำถามขึ้นมา จนถึงเวลานี้ตามเนื้อตัวของเขาก็ยังคงปวดร้าว
“ข้าเองก็ไม่ทราบ” ที่ปรึกษาส่ายหน้าตอบกลับมา “ข้าไม่เคยเห็นตัวอะไรแบบนั้นมาก่อน ด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับแห่งนี้ช่างเป็นแดนอัศจรรย์โดยแท้ ไม่แปลกใจที่ของขวัญนั่นจะทำองค์หญิงเจ็ดและองค์เหนือหัวโปรดปรานได้”
“แล้วพวกเราจะทำยังไงดีขอรับ” ทหารคนนั้นเอ่ยถาม
เนื่องจากเพิ่งถูกแมวเมฆหิมะเล่นงานมา พวกเขาจึงรู้ตัวดีว่าไม่อาจเอาชนะมันได้ กระทั่งทำให้เขาเกิดหวาดเกรงเสียด้วยซ้ำ แต่ภารกิจของกัวจื่อหมิงก็สำคัญขนาดที่ว่าไม่อาจปล่อยวางได้ ดังนั้นตอนนี้จึงพบว่าสถานการณ์ยากจะตัดสินใจ
โชคดีที่ผู้นำกลุ่มคนมาครั้งนี้คือที่ปรึกษาไม่ใช่เหล่าทหาร ดังนั้นเรื่องราวชวนปวดหัวเช่นนี้จึงปล่อยให้อีกฝ่ายตัดสินใจได้
ที่ปรึกษาขมวดคิ้วขณะตอบรับ “เกรงว่าภารกิจครั้งนี้จะมีปัญหาเสียแล้ว ใครจะคาดว่าที่นี่จะมีสัตว์อันตรายเช่นนั้นอยู่?”
ตัวที่ปรึกษาเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะแมวเมฆหิมะได้ ครั้งนี้จึงทำได้เพียงแค่ต้องยอมรับ แต่เหล่าทหารส่วนตัวไม่ใช่ พวกเขาที่ต่างก็แข็งแกร่งกลับไม่อาจต่อกรเจ้าตัวน้อย อีกทั้งที่ปรึกษาเองก็เห็นแล้วว่าทหารคนหนึ่งถึงขนาดถูกไล่ล่าจนต้องหลบหนี เห็นได้ชัดว่าภารกิจครั้งนี้มีปัญหา
“ท่านที่ปรึกษา ภารกิจของพวกเราครั้งนี้จะต้องล้มเหลวเพราะเจ้าตัวน้อยนี่งั้นหรือขอรับ?” ทหารส่วนตัวขมวดคิ้วพลางถาม
ที่ปรึกษาพยักหน้ารับ เพียงแต่ก่อนจะทันพูดอะไรตอบกลับได้ยินเสียงร้องอีกสองดังมาจากในป่า พร้อมได้เห็นทหารส่วนตัวอีกสองคนหลบหนีออกมาด้วยสภาพยับเยิน โดยมีเจ้าตัวน้อยที่เป็นผู้ก่อการไล่ตามหลังมา
“นี่…” ทั้งที่ปรึกษาและทหารส่วนตัวคนแรกที่หลบหนีออกมาต่างมองหน้ากันเอง ไม่ว่าฝ่ายใดต่างก็ได้เห็นสายตาจนใจในดวงตาของอีกฝ่าย
เจ้าตัวน้อยที่พวกเขาไม่รู้จัก ขณะนี้ได้รู้แล้วว่ามันน่าทึ่งถึงเพียงใด
เพียงเวลาไม่ถึงห้านาที ทหารส่วนตัวคนแล้วคนเล่าต่างก็ถูกขับไล่ออกมาจากป่า แต่ละคนต่างมีสภาพยับเยินเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งยังเผยสีหน้าสับสนงงงวยราวกับยังไม่เข้าใจเรื่องราว
หลังขับไล่ทหารส่วนตัวคนสุดท้ายออกมาได้ แมวเมฆหิมะก็ไม่กลับเข้าป่า แต่กระโดดขึ้นไปบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ที่สุดพลางกัดผลไม้ป่ากิน สายตาของมันจับจ้องมองกลุ่มคนด้วยสีหน้าท่าทีสบายอกสบายใจ
ส่วนทางด้านที่ปรึกษาและคณะทหารส่วนตัวต่างมองแมวเมฆหิมะด้วยอาการหวาดเกรงและระแวดระวัง พวกเขาไม่กล้าย่างก้าวเข้าใกล้ป่าอีกเป็นครั้งที่สอง
“ท่านที่ปรึกษา พวกเราควรทำยังไงดีขอรับ?” ทหารส่วนตัวคนแรกเอ่ยถามขึ้นมา
ที่ปรึกษามองแมวเมฆหิมะและคิดอยากจะยอมแพ้เดินทางกลับ แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด พลางเอ่ยขึ้น “เมื่อครู่พวกเราแยกย้ายกระจัดกระจายกันเกินไป ตอนนี้ควรรวมกำลังจัดการเจ้าตัวน้อยนั่น รวมกันเราแข็งแกร่ง แต่ถ้าแยกกันอยู่เราโดนเล่นงาน หากมันยังกล้าเข้าขัดขวาง พวกเจ้าจงรวมพลังจับกุมตัวหรือฆ่ามันซะ!”
“ขอรับ!” แม้ทหารส่วนตัวเหล่านี้จะยังมีความหวาดเกรงแมวเมฆหิมะอยู่ภายในใจ แต่พวกเขาทราบดีว่าหากภารกิจล้มเหลวกลับไป จะต้องถูกกัวจื่อหมิงด่าทอเสียหาย ดังนั้นจึงรวมใจกันอีกครั้ง ในเมื่อรวมกำลังกันก็สมควรที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่อีกใจหนึ่งของพวกเขาก็ยังหวาดเกรงว่า แม้ทำถึงขนาดนี้ก็ยังไม่อาจต่อกรกับแมวเมฆหิมะ
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว กลุ่มทหารส่วนตัวจึงเคียงบ่าเคียงไหล่เดินเข้าป่าอีกครั้ง ส่วนทางด้านที่ปรึกษา เขาเลือกที่จะยังอยู่ที่เดิมเพราะไม่ทราบว่าเข้าไปแล้วจะถูกเล่นงานด้วยวิธีการอื่นหรือไม่ ดังนั้นการอยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้ผู้อื่นเผชิญเคราะห์จึงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดกว่า
ทันทีที่กลุ่มทหารเหยียบย่างเข้าป่า แมวเมฆหิมะก็กระโดดลงจากกิ่งไม้ทะยานเข้าหากลุ่มคนพร้อมเตะใส่ทหารส่วนตัวคนหนึ่ง
“ระวัง!”
”มันมาแล้ว!”
“รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!”
ทหารส่วนตัวเหล่านี้ยังคงหวาดเกรงแมวเมฆหิมะอยู่สุดหัวใจ ตอนนี้เมื่อเห็นมันบุกเข้ามาใกล้จึงแตกตื่นกันขึ้นมา
คนที่ทราบว่าจะตกเป็นเป้าของแมวเมฆหิมะถอยหลบเลี่ยงไปซ่อนด้านหลังทหารคนอื่น ส่วนคนอื่นที่เหลือจะร่วมแรงกันกวัดแกว่งอาวุธหมายสังหารเจ้าตัวน้อยให้จงได้
แต่ความว่องไวของแมวเมฆหิมะกลับเกินกว่าที่กลุ่มคนคาดเอาไว้มาก ขณะร่างของมันอยู่กลางอากาศกลับสามารถบิดร่างกายหันเปลี่ยนทิศทางไปยังทหารส่วนตัวคนที่อยู่ใกล้ที่สุดแทนได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันรู้ตัวและเหวี่ยงอาวุธฟาดฟัน แมวเมฆหิมะกลับเตะเข้าใส่ใบหน้าเรียบร้อยแล้ว เล็บอันแหลมคมของมันข่วนหน้าฝากไว้เป็นรอยแผลยาว
“อ๊าก!”
เสียงร้องเจ็บปวดรวดร้าวเริ่มดังขึ้นจนแม้อยู่รอบนอกของป่าก็ยังได้ยิน