ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 442 อุบัติเหตุบนถนน
บทที่ 442 อุบัติเหตุบนถนน
พวกอู๋ฝานทั้งสามคนสามารถเข้าเมืองได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา ทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าคุ้มกันประตูเมืองเพียงตรวจสอบด้านในรถลากก่อนจะปล่อยให้เข้าไป เห็นได้ว่าความโกลาหลภายในอาณาจักรเหยียนเฟิงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับที่นี่
“นายท่าน นครเหยียนหยางค่อนข้างกว้างใหญ่ ถนนสายนี้ก็ค่อนข้างกว้าง แม้ข้าหลับตาก็ยังขับรถลากได้เลยขอรับ” ตั้งแต่เข้าเมืองมา ลั่วหยางก็สำรวจมองเมืองใหญ่อย่างตื่นเต้นจนต้องตะโกน
“ถนนกว้างก็จริง แต่คนก็เยอะด้วย” อู๋ฝานมองผ่านรูข้างรถลากออกไปด้านนอก
เมืองหลวงแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง นครเหยียนหยางใหญ่โตขนาดที่หากนำเทศมณฑลชิงหยวนมาเปรียบเทียบก็จะเล็กจ้อยไปเลย ประชากรของที่นี่น่าจะมีจำนวนเกินกว่าสิบล้านคน กระทั่งในโลกความเป็นจริงก็ยังถือว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่มาก เท่าที่อู๋ฝานทราบมา เมืองหลวงของสี่อาณาจักรฝั่งโลกมนุษย์ต่างก็มีประชากรเกินสิบล้านกันทั้งนั้น เพียงแต่ในแต่ละอาณาจักรจะมีประชากรเยอะแค่ในเมืองหลวง ขณะที่เมืองรองลงไปมีจำนวนน้อยลงไปค่อนข้างมาก
ดังนั้นถนนในเมืองหลวงจึงต้องกว้างเพื่อรองรับ สังเกตได้จากผู้คนที่สัญจรไปมามากมาย สองฟากข้างของเส้นทางก็ยังมีแต่ร้านรวงหลากหลาย บ้างก็มีพ่อค้ามาตั้งแผงลอย หรือศิลปินมาจัดแสดงผลงานข้างทางอย่างคึกคัก เรียกได้ว่าไม่ต่างกับความวุ่นวายในเมืองของโลกความเป็นจริง อู๋ฝานที่เพิ่งเห็นด้านนี้จากฝั่งโลกแห่งเกมเป็นครั้งแรกจึงค่อนข้างให้ความสนใจ
ส่วนลั่วหยางที่เพิ่งเคยได้เห็นความยิ่งใหญ่ตระการตาเป็นครั้งแรก ไม่แปลกหากจะเบิกตากว้างรับชมและตื่นเต้นยินดี
“ระมัดระวังด้วย ที่นี่มีคนมาก อย่าไปชนใครเข้าล่ะ” แม้ลั่วเยวี่ยจะตกใจกับความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ทว่าก็ยังไม่ลืมเลือนตักเตือนน้องชายให้ขับรถลากด้วยความระมัดระวัง
“พี่วางใจได้เลย ข้าขับ… เหวอ!” ลั่วหยางที่กำลังจะรับคำกับฝีมือการขับรถลากของตัวเอง กลับต้องร้องเสียงหลงพร้อมกับหยุดรถลาก
เนื่องจากลั่วหยางหยุดรถอย่างกะทันหัน อู๋ฝานและลั่วเยวี่ยที่โดยสารมาในรถลากและไม่ทันได้เตรียมรับจึงเกือบจะล้มลง สภาพตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการโดยสารรถยนต์แล้วเกิดการเบรกอย่างกะทันหันโดยไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย
“เกิดอะไรขึ้น?” หลังลั่วเยวี่ยลุกขึ้นยืนจึงรีบสำรวจนอกรถพลางถาม
อู๋ฝานเองก็ชะโงกออกไปดูครู่หนึ่ง พร้อมได้ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
อุบัติเหตุบนถนน!
หน้ารถลากของพวกอู๋ฝาน มีคนหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งล้มลงกับพื้นพร้อมกอดเข่าเอาไว้ ขณะปากเอาแต่ร่ำร้องพร้อมเผยสีหน้าซีดเผือด
“ข้าบอกให้ระวังก็แล้ว เจ้าก็ไม่ฟัง” เมื่อเห็นดังนั้นลั่วเยวี่ยย่อมเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น กระทั่งสบถต่อว่าน้องชายด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก
“ก็เขากระโดดจากข้างถนนมาอย่างกะทันหันนี่ ข้า… ข้าไม่คิดว่าเขาจะโผล่พรวดออกมา!” ลั่วหยางรีบอธิบายด้วยสีหน้าซีดเผือด
เกิดเรื่องเช่นนี้ตั้งแต่เข้าเมืองหลวง ลั่วหยางจึงเกิดหวาดกลัว เพราะเคยได้ยินว่าเมืองหลวงเปรียบดังกำแพงเหล็ก เก้าในสิบคนที่ไปมีเรื่องด้วยมักเป็นคนมีตำแหน่ง หากที่ชนเข้าครั้งนี้เป็นข้าราชการระดับสูงหรือขุนนางสักคนหนึ่ง ไม่เพียงจะถูกจำคุก แต่ยังจะลากให้อู๋ฝานเดือดร้อนไปด้วย
อู๋ฝานลงจากรถลาก อย่างไรเขาก็เป็นเจ้าของรถลากคันนี้ หากเกิดเรื่องขึ้นย่อมต้องออกหน้าไปตรวจสอบและพูดคุย
“สหายน้อยท่านนี้เป็นยังไงบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” อู๋ฝานเดินไปหยุดตรงหน้าชายในชุดขาว ก่อนจะนั่งยองลงกับพื้นเพื่อเอ่ยถาม
“ขับรถลากประสาอะไร! ไม่คิดจะมองทางบ้างหรืออย่างไร? โอ๊ย!… ข้าเจ็บ…” อีกฝ่ายต่อว่าอู๋ฝานอย่างโกรธเคือง ทว่าแม้โกรธ แต่น้ำเสียงกลับน่ารับฟังอย่างประหลาด
ขณะชายในชุดขาวจ้องมองมา อู๋ฝานก็ดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะถอนหายใจอยู่ในใจ ‘นับเป็นคนหนุ่มอายุน้อยที่หน้าตาดีเอาเรื่อง’
คนหนุ่มตรงหน้ามีดวงตาเป็นเส้นโค้งได้รูป ขนตาค่อนข้างเรียวพลิ้วไสว ใบหน้ากลมรูปไข่ และงดงามไร้ริ้วรอยใดทั้งสิ้น อีกทั้งผิวกายก็ยังละเอียดอมชมพู เรียกได้ว่าเป็นคุณชายเจ้าสำอางก็คงไม่ผิดนัก แม้แสดงท่าทีโกรธออกมาทางใบหน้า แต่กลับไม่ได้ลดเลือนเสน่ห์ความงามของตัวคน
อาณาจักรเหยียนเฟิงมีนายน้อยที่หล่อเหลาขนาดนี้อยู่ด้วยงั้นหรือ? กระทั่งยุคโบราณของโลกความเป็นจริงก็ไม่น่ามีคุณชายที่รูปงามขนาดนี้
แต่เหมือนว่าจะมีอะไรไม่ถูกต้อง!
ขณะอู๋ฝานครุ่นคิดว่าคุณชายรูปงามท่านนี้ขโมยหัวใจหญิงสาวไปแล้วมากมายเพียงใด กลับบังเอิญได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ มันคล้ายจะเป็นกลิ่นน้ำหอม
นี่อีกฝ่ายฉีดน้ำหอมด้วยงั้นหรือ?
อู๋ฝานลอบเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อใช้จมูกดม การกระทำอย่างไม่รู้ตัวเช่นนี้ทำให้ชายในชุดขาวที่ล้มอยู่กับพื้นต้องลอบถอยห่าง สายตานั้นมองมาอย่างโกรธและอับอาย “นี่ทำอะไร? เจ้าคนผีทะเล!”
คนผีทะเล? หมายถึงโรคจิตลามกใช่หรือไม่? เขาเป็นโรคจิตตั้งแต่เมื่อใด? อีกทั้งต่อให้อยากจะโรคจิตใส่ก็ควรเป็นสตรี ไฉนจะโรคจิตกับบุรุษเช่นเจ้า?
แม้อีกฝ่ายจะหล่อเหลาก็ตาม
แต่ขณะอู๋ฝานสบถพึมพำอยู่ในใจ สายตากลับเห็นบริเวณหน้าอกของอีกฝ่าย ตอนนี้จึงรู้สึกประหลาดใจพร้อมหันไปมองหน้าชายในชุดขาวเพื่อหาลูกกระเดือก ก่อนจะเผยท่าทีตกใจออกมา
ที่แท้อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คุณชายเจ้าสำอางผู้หล่อเหลา แต่เป็นสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ!
สายตาของอู๋ฝานที่มองมาเปลี่ยนแปลงไป มันยิ่งทำอีกฝ่ายทั้งหวาดกลัวและร้อนรน
“องค์… ท่านชายเป็นอะไรไปขอรับ?” ตอนนี้เองที่มีชายหล่อเหลาอีกคนหนึ่งวิ่งมาด้วยอาการแตกตื่น ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ชายที่แท้จริงเป็นหญิง
นี่ก็สตรีปลอมเป็นบุรุษอีกคน!
อู๋ฝานมอง พร้อมพบทันทีว่าผู้มาใหม่ก็ปลอมตัวไม่ต่างกัน
“เหตุใดเจ้าขับรถลากไม่ระมัดระวังจนทำให้ท่านชายของพวกเราได้รับบาดเจ็บ!” ชายคนที่สองหันมาตะโกนใส่อู๋ฝานอย่างโกรธเคือง
“เป็นความผิดของพวกเราเองขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ “บนรถของข้ามียาอยู่ พวกท่านขึ้นมารับยารักษาก่อนเป็นอย่างไร?”
“แค่รับยารักษาจะให้ขึ้นไปบนรถทำไม? มีเจตนาร้ายใช่หรือไม่? เจ้าคนผีทะเล!” ชายคนแรกระแวงอู๋ฝาน เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าใจผิดเลยเถิดว่ากำลังโดนล่อลวงไปติดกับ
“เจตนาร้ายอะไรอีกกัน? ข้าเป็นบุรุษทั่วไปที่ชื่นชอบเพียงแต่สตรีเท่านั้น” อู๋ฝานมองอีกฝ่ายอย่างมีนัยขณะตอบกลับ “เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย หวงตัวทำอะไรนัก?”
“พวกเรา… พวกเราไม่ใช่สตรีเสียหน่อย” อีกฝ่ายตะโกนตอบภายใต้สายตาที่ราวกับรู้แจ้งแล้วของอู๋ฝาน
“งั้นก็มาทางนี้ ยังจะกังวลทำอะไรอีก?” อู๋ฝานตอบกลับ
“พวกเราไม่ขึ้นไปบนรถลากที่น่าสงสัยนั่น” ชายคนที่ได้รับบาดเจ็บบอกกับอู๋ฝาน ก่อนจะหันไปบอกกับชายอีกคนที่ตามมาภายหลัง “พวกเราไป”
“ท่านชาย ไปไหนหรือขอรับ?” อีกฝ่ายยังคงเผยสีหน้าครุ่นคิดกับเรื่องราวที่เจ้านายของตนถูกชนจนได้รับบาดเจ็บ
“ข้าขออภัยไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังยินดีหยิบยื่นยารักษาให้ ตอนนี้ยังจะต้องการอะไรอีก? หาเงินทางลัดหรือ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม “การใช้ถนนก็ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันด้วย ก่อนจะเดินลงไปบนถนนต้องตรวจสอบรอบด้านให้เรียบร้อยเสียก่อน อย่างน้อยก็ดูว่ามีรถม้าหรือรถลากอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่”
“ใครต้องการเงินต่ำช้าของเจ้า? ชนคนอื่นแล้วยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกงั้นหรือ?” แม้ชายคนที่มาทีหลังจะไม่เข้าใจคำพูดของอู๋ฝาน แต่เขาก็โกรธเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายคิดว่าพวกตนเป็นคนร้ายคิดหาเงินเช่นนี้
“ช่างมัน อย่าได้สร้างปัญหา พวกเราไปกันได้แล้ว!” ชายคนที่ถูกชนมองอู๋ฝานอีกครั้ง แม้ในดวงตามีร่องรอยความโกรธ แต่ก็เห็นได้ว่าไม่อยากไปข้องเกี่ยวมากกว่านี้
ด้วยเหตุนี้คนทั้งสองจึงรีบหันกลับและจากไป ส่วนอู๋ฝานเพียงยักไหล่ก่อนจะกลับขึ้นรถลาก แต่ที่ทำให้ต้องประหลาดใจคือทันทีที่กำลังจะเดินขึ้นรถลาก สองคนเมื่อครู่นี้ดันหันกลับมาทางนี้และเป็นฝ่ายขึ้นรถลากด้วยตัวเองเสียอย่างนั้น