ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 456 กระตุ้นความสงสัย
บทที่ 456 กระตุ้นความสงสัย
“ชื่อของผู้นำกบฏ?” จักรพรรดิชราชะงักไปครู่หนึ่ง “ลูกไปได้ยินชื่อมาจากที่ใดกัน?”
จักรพรรดิค่อนข้างมั่นใจว่าจนถึงวันนี้องค์หญิงเจ็ดไม่มีทางได้ทราบเรื่องราวมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเคยได้ยินนามของผู้นำกบฏ
“น่าจะ…” องค์หญิงเจ็ดที่คิดจะกล่าวออกมา แต่แล้วถ้อยคำกลับกลืนลงท้องไป “เสด็จพ่ออย่าได้ใส่ใจเลยว่าลูกได้ยินนามนี้มาจากที่ใด เพียงแต่ลูกมองว่าเรื่องนี้ดูน่าสงสัย กัวจื่อหมิงที่แม้กระทั่งคัดลายมือยังทำได้ไม่ดีจะเอาอะไรไปบัญชาการกองทัพ? ทั้งยังชนะศึกครั้งใหญ่มาได้ด้วยงั้นหรือ? ลูกคิดว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน”
องค์หญิงเจ็ดจำช่วงเวลาที่เดินตลาดก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี ลั่วหยางบอกเล่าให้นางทราบถึงนามโฉวหย่งเชาที่เป็นผู้นำกบฏ ซึ่งนำกำลังบุกโจมตีหมู่บ้านเร้นลับที่อู๋ฝานดูแลอยู่ ด้วยความหาญกล้าของชายหนุ่มจึงเอาชนะกองทัพกบฏและสังหารผู้นำศัตรูมาได้
เรื่องราวทั้งหมดแตกต่างไปจากข้อความในจดหมายของกัวจื่อหมิง หากเทียบกันแล้วองค์หญิงเจ็ดพร้อมจะเชื่อในตัวอู๋ฝานมากกว่า อีกทั้งชายหนุ่มยังไม่เพียงแค่มอบของขวัญที่นางชื่นชอบ แต่ยังตัดสินใจช่วยเหลือ ความกล้าหาญครั้งนั้นนางได้เห็นมากับตาตนเอง
ขณะที่กัวจื่อหมิงไม่ใช่ หลังจักรพรรดิชราบอกเล่าให้นางได้ทราบ องค์หญิงเจ็ดจึงจำได้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรเอาไว้ อีกทั้งนางยังไม่มีความประทับใจที่ดีอันใดกับอีกฝ่าย
“ฉีเอ๋อร์ คำพูดเช่นนี้อาจไม่ตรงไปบ้าง” จักรพรรดิเพียงยิ้มตอบ “เหล่าขุนพลแห่งกองทัพก็ไม่ใช่อ่านออกเขียนได้กันเสียทุกคน แต่พวกเขาก็ยังบัญชาการทัพได้อย่างดีไม่ใช่หรือ? กัวจื่อหมิงอาจมีฝีมือการคัดลายมือแย่ไปบ้าง ทว่าไม่ได้หมายความว่าจะไร้พรสวรรค์ด้านบัญชาการ”
“หากกัวจื่อหมิงมีความสามารถจริง ไฉนเลยจะรั้งอยู่ตำแหน่งผู้ปกครองเทศมณฑลยาวนานหลายปีไร้การเลื่อนขั้น? เสด็จพ่อเองก็ไม่เคยได้ยินนามของเขามาก่อนใช่หรือไม่ล่ะเพคะ?” องค์หญิงเจ็ดยังคงไม่เชื่อว่ากัวจื่อหมิงจะสามารถสร้างความดีความชอบได้
“เรื่องนี้มันทำให้ข้านึกสงสัยว่าจะต้องมีการแอบอ้างเกิดขึ้น เสด็จพ่อต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างนะเพคะ พวกเราต้องไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล ขณะที่ผู้สร้างความดีความชอบแท้จริงกลับต้องทนทุกข์ บังเอิญเหลือเกินว่าอู๋ฝานเองก็มาจากเทศมณฑลชิงหยวน ใช่หรือไม่เพคะ? เสด็จพ่อลองสอบถามจากเขา บางทีอาจได้ทราบเรื่องราวก็ได้เพคะ”
จักรพรรดิชราเผยสีหน้าท่าทีครุ่นคิดออกมา
แม้สิ่งที่องค์หญิงเจ็ดกล่าวจะดูเลื่อนลอย แต่ก็ไม่ใช่ไร้เหตุผล ตลอดหลายปีที่ผ่านมาปรากฏทัพกบฏไปทั่วอาณาจักรเหยียนเฟิง แต่ก่อนหน้านี้ไฉนเลยไม่เคยได้ยินนามกัวจื่อหมิงมาก่อน ยังไม่กล่าวว่าไม่เคยเห็นอีกฝ่ายสร้างความดีความชอบใดในด้านนี้ เพราะอะไรถึงสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่อย่างกะทันหันขึ้นมาได้?
จากปากคำของกัวจื่อหมิง กล่าวว่ากองทัพกบฏแข็งแกร่ง มีกำลังพลนับหมื่น ผู้ที่นำทัพจำนวนมากขนาดนั้นได้ย่อมไม่ใช่จับคัดเลือกมาส่งเดช กัวจื่อหมิงผู้ไม่เคยเหยียบย่างเข้าสมรภูมิสู้รบมีหรือจะเอาชนะมาได้ง่าย ๆ? อีกทั้งยังกล่าวว่าผู้นำกบฏถูกตนเองสังหารอย่างนั้นหรือ?
หลังฟังข้อคิดเห็นจากองค์หญิงเจ็ด จักรพรรดิชราจึงเกิดข้อสงสัยขึ้นมา กระทั่งมองบุตรสาวด้วยท่าทีราวกับสงสัยอะไรบางอย่าง “ฉีเอ๋อร์ ลูกสนใจเรื่องบ้านเมืองขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? จำได้ว่าลูกสนใจแค่เรื่องกิน ดื่ม และก็เที่ยวเล่น ไฉนมาสนใจด้านนี้อย่างกะทันหัน?”
องค์หญิงเจ็ดหน้าแดงอับอายตอบคำกลับ “หากลูกไม่แบ่งเบาความกังวลของเสด็จพ่อ ตลอดทั้งวันคงเห็นท่านคร่ำเคร่งกับเรื่องราวของบ้านเมืองจนรู้สึกทุกข์ใจแทน ดังนั้นจึงอยากทำความเข้าใจเรื่องราวเพื่อแบ่งเบาบ้างเจ้าค่ะ”
“แค่มีใจเช่นนั้นพ่อก็ดีใจมากแล้ว” จักรพรรดิชราหัวเราะตอบ “เพียงแต่เรื่องราวทางด้านนี้มีแต่ความน่ารำคาญและน่าเบื่อหน่าย ภายหน้าลูกไม่ควรข้องแวะ ขอแค่มีความสุขทุกวัน พ่อคนนี้ก็พอใจแล้ว”
“เสด็จพ่อดีกับลูกที่สุด” องค์หญิงเจ็ดยิ้มหวานตอบ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อู๋ฝานที่มอบของขวัญทำให้ลูกพึงพอใจได้นั้น ครั้งนี้ก็ยังจะช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้ หากเมื่อใดเสด็จพ่อเลือกที่ดินศักดินาให้แก่เขา ก็ขอให้เป็นพื้นที่ที่ดีหน่อยจะได้หรือไม่เพคะ?”
“พ่อเพิ่งบอกให้ลูกไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้ แต่สุดท้ายก็ยังคิดอยู่ดี” จักรพรรดิยิ้มตอบรับ “ไม่ต้องกังวลไป ของขวัญที่เขาส่งมาทำให้ฉีเอ๋อร์ของพ่อยินดีได้ มีหรือพ่อจะตอบแทนเขาเลวร้าย?”
“ขอบคุณเสด็จพ่อเพคะ!” องค์หญิงเจ็ดรับคำด้วยความยินดี
‘อู๋ฝาน เจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้า ถือว่าพวกเราเสมอกันแล้ว’ องค์หญิงเจ็ดคิดเช่นนี้อยู่ภายใน
“เอาละ ลูกออกไปวิ่งเล่นมาทั้งวันคงเหนื่อยแย่แล้ว ตอนนี้กลับวังไปพักเสียก่อน อ้อ! อย่าลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ด้วย” จักรพรรดิชราบอกกับเจ้าฉี
“ลูกคิดว่าชุดนี้ดูดีไม่น้อยเลยนะเพคะ” เจ้าฉียืนขึ้นก่อนจะหมุนตัวให้รับชม “เสด็จพ่อคิดว่าข้าเหมือนคุณชายสุดหล่อเหลาบ้างหรือไม่เพคะ?”
“เหมือน เหมือนมาก” จักรพรรดิชราหัวเราะตอบ “หากลูกชอบก็แต่งต่อได้ตามใจ”
“เพคะ” องค์หญิงเจ็ดพยักหน้าตอบรับ
ออกไปภายนอกมาทั้งวันนับว่าค่อนข้างเหนื่อยล้าจริง ๆ หลังใช้เวลาอยู่ที่ห้องทรงอักษรไม่นานนางจึงต้องกลับ
เมื่อเห็นบุตรสาวออกไปแล้ว รอยยิ้มที่ใบหน้าของจักรพรรดิชราจึงเริ่มเลือนหาย
“ทหาร!” จักรพรรดิตะโกน
ขณะนี้เองที่มหาขันทีเร่งรุดเข้ามาโค้งกายให้
“เรียกหวงเจ๋อมาพบ!” จักรพรรดิชราบอก
“พ่ะย่ะค่ะ”
มหาขันทีรับคำสั่งก่อนจะออกไป ห้องทรงอักษรจึงเหลือเพียงจักรพรรดิชรานั่งครุ่นคิด สีหน้าท่าทีเวลานี้ค่อนข้างสงบจนยากจะรู้ได้ว่าคิดเรื่องอันใดอยู่
ไม่นานหัวหน้าองครักษ์ที่พ่ายแพ้ให้แก่อู๋ฝานก่อนหน้านี้จึงเดินเข้ามาโดยมีมหาขันทีนำทาง อีกฝ่ายคือหวงเจ๋อ หัวหน้าราชองครักษ์ที่จักรพรรดิออกคำสั่งให้ติดตามคอยคุ้มกันองค์หญิงเจ็ด
“ถวายพระพรฝ่าบาท” ทันทีที่หวงเจ๋อเข้ามาก็คุกเข่าลงทำความเคารพ
“บอกข้ามาว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ใช่สั่งให้คอยคุ้มกันฉีเอ๋อร์ในเงามืดหรอกหรือ? ไฉนนางเจอเจ้าได้?” จักรพรรดิตั้งคำถาม
“ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หวงเจ๋อตอบรับ “ช่วงแรกนั้นพวกเราลักลอบติดตามองค์หญิงเจ็ดได้สำเร็จ ไม่คาดว่าองค์หญิงจะเห็นพวกเราจนรีบร้อนหนี พวกเราจึงทำได้เพียงต้องไล่ตามไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ไร้ประโยชน์เสียจริง! พวกเจ้าแต่ละคนเป็นยอดฝีมือภายในวัง แต่กลับถูกฉีเอ๋อร์เห็นได้อย่างนั้นหรือ?” จักรพรรดิชราโกรธเกรี้ยว
“กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หวงเจ๋อโขกศีรษะร้องขออภัยด้วยใจหวาดกลัว
แท้จริงหวงเจ๋อก็ไม่ได้คาดว่าองค์หญิงเจ็ดจะเห็นพวกตนเอง อีกส่วนก็เป็นพวกเขาผิดพลาดที่ไม่ทันระวัง คิดไปว่าองค์หญิงเจ็ดไม่น่าจะระมัดระวังถึงขนาดนั้นจึงติดตามเข้าไปใกล้ ๆ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการทำให้อีกฝ่ายตื่นกลัวคิดว่าถูกเห็นและมาตามกลับวัง เพราะเหตุนั้นทันทีที่พบเห็นพวกหวงเจ๋อ นางจึงเร่งร้อนหลบหนีไป
“เงยหน้าขึ้น!” จักรพรรดิออกคำสั่ง “บอกมาว่าที่นอกวังวันนี้ฉีเอ๋อร์ได้เจอสิ่งใด เจอใคร อย่าได้ขาดไปแม้สักคน!”
เรื่องที่องค์หญิงเจ็ดกล่าวกับจักรพรรดิชราก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะประเด็นอู๋ฝานหรือกัวจื่อหมิงที่ชักนำความดีเข้าตัวล้วนน่าสงสัย นางที่นึกคิดไปว่าเก็บซ่อนแนบเนียน หาได้ทราบไม่ว่าจักรพรรดิชราล่วงรู้อย่างชัดแจ้ง หลังองค์หญิงเจ็ดออกไปแล้ว เขาจึงต้องเรียกหวงเจ๋อมาเพื่อสอบถามว่าวันนี้ที่นอกวังเกิดเรื่องราวใดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงเจ็ดมีท่าทีแปลกไป มันจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ได้พบเห็นและได้ยินระหว่างออกจากวัง ดังนั้นจักรพรรดิจึงต้องการทราบว่าวันนี้ที่นอกวังบุตรสาวอันเป็นที่รักเจอเรื่องราวใดมาบ้าง