ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 465 ของสมนาคุณไม่ขาย
บทที่ 465 ของสมนาคุณไม่ขาย
หวงกวงผู้เป็นเพื่อนของจ้าวเฟยมีหน้าที่การงานอะไร?
เป็นพนักงานขายไวน์ขาว!
ขณะนี้เขาได้พบไวน์ขาวที่ไม่เคยดื่มหรือเคยได้ยินมาก่อน แต่รสชาติของมันกลับยอดเยี่ยม เขาจึงอยากเป็นตัวแทนของสินค้ารายการนี้เป็นคนแรก!
หวงกวงที่มักจะเดินทางไปทั่วประเทศค่อนข้างมีความมั่นใจ ว่าแม้เป็นที่อื่นก็ไม่เคยได้เห็นไวน์ขาวยี่ห้อสุดเหนือเมฆมาก่อน ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่ามันจะต้องเป็นไวน์ใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด หรืออาจจะยังไม่ได้เริ่มขายเลยด้วยซ้ำ
การได้เห็นที่นี่และตอนนี้คือโอกาส!
หากคว้าสิทธิ์การเป็นตัวแทนขายของไวน์นี้มาได้ เพียงแค่รสชาติของมันก็พร้อมจะก้าวอย่างยิ่งใหญ่สู่ตลาดแล้ว
แน่นอนว่าการจะขายสินค้าให้ได้ดีนั้น ปัจจัยหลักและสำคัญที่สุดคือรสชาติ แต่พื้นฐานเช่นหีบห่อและบรรจุภัณฑ์ก็ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถมองข้ามได้
เรื่องเหล่านั้นจำเป็นต้องพูดคุยกันละเอียด แต่ตอนนี้อาศัยแค่รสชาติของมันก็มากพอจะเป็นใบเบิกทางที่ดีให้หวงกวงแล้ว
“ไวน์ใหม่งั้นเหรอเนี่ย? ไม่แปลกใจที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” จ้าวเฟยตอบรับ “แต่รสชาติดีเอาเรื่องเลยทีเดียว”
“ดีมากเลยต่างหาก” หวงกวงตอบรับ “รสชาติของไวน์ขวดนี้ไม่ด้อยไปกว่ายี่ห้อดังทั้งหลาย เสียแค่ไม่รู้ว่าโรงงานที่ไหนบ่มขึ้นมา ทำได้ดีเลยทีเดียว”
“ถ้านายยังพูดถึงขนาดนั้น ไวน์นี่ก็ของดีจริงแล้ว” จ้าวเฟยหัวเราะตอบ
หวงกวงเป็นพนักงานขายเครื่องดื่มมึนเมา สารพัดเครื่องดื่มต่างก็เคยผ่านปากมา เรื่องทางด้านนี้จ้าวเฟยค่อนข้างเชื่อในความเห็นและข้อสรุปของอีกฝ่าย
หวงกวงไม่กล่าวอะไรอื่นอีก เพียงจิบเข้าไปอีกอึกหนึ่งด้วยสีหน้าที่ทั้งอิ่มเอมและตื่นเต้นยินดี
“ว่ายังไง อยากเป็นตัวแทนขายของไวน์นี้แล้วงั้นสิ?” จ้าวเฟยราวกับเดาความคิดเพื่อนได้จึงยิ้มพลางถาม
“เดาเก่งดี” หวงกวงไม่คิดปิดบัง “พบไวน์ที่ดีแบบนี้เป็นโอกาสหายาก อีกทั้งยังเป็นยี่ห้อใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พลาดไปตอนนี้คงเป็นเรื่องน่าอับอายในชีวิตการทำงานเลยทีเดียว”
“ถ้านายได้เป็นตัวแทนขายของไวน์ยี่ห้อนี้ขึ้นมา มื้อนี้คงต้องขอให้เป็นฝ่ายเลี้ยงแล้วละ หากไม่ใช่เพราะฉันเลือกพามาที่นี่ นายก็คงไม่มีโอกาสได้เจอไวน์ยี่ห้อนี้แน่” จ้าวเฟยหัวเราะ
“ก็อาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ แม้ร้านนี้จะเปิดมาได้ไม่นาน แต่ในเจียงโจวถือว่ามีชื่อเสียงกว้างขวาง ไม่งั้นฉันจะเลือกมาร้านนี้รึไง?” จ้าวเฟยที่ก่อนหน้านี้มีความประทับใจอันเลวร้ายกับร้าน ปัจจุบันได้ลืมเลือนจนหมดสิ้นเสียแล้ว กระทั่งบอกกับหวงกวงว่าการตัดสินใจของตนเองถูกต้องและเหมาะสม
“จริง วันนี้ต้องขอบคุณนายเลย” หวงกวงตอบรับ
“ยินดีรับเอาไว้” จ้าวเฟยหัวเราะตอบ
คนทั้งสองพูดคุยกันพลางหัวเราะ จนสุดท้ายดื่มไวน์ที่ทางร้านสมนาคุณให้จนหมดขวด จ้าวเฟยที่เป็นคนดื่มหนักและหวงกวงที่เป็นพนักงานขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นพวกเมายาก หลังดื่มไวน์จนหมดขวดสีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนไวน์ที่จ้าวเฟยสั่งมาขวดแรก ตอนนี้ถูกวางทิ้งไร้ซึ่งคนสนใจอีก
“พนักงาน!” เมื่อเห็นขวดไวน์ใกล้จะว่างเปล่า จ้าวเฟยจึงเรียกบริกรมา
“สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ?” บริกรเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึง
“ขอไวน์นี้อีกขวดหนึ่ง ไม่สิ เอาเป็นสองเลยดีกว่า” จ้าวเฟยเอ่ยปาก “ไวน์สุดเหนือเมฆขวดนี้น่ะ”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองค่อนข้างพึงพอใจกับไวน์ขวดดังกล่าว ขณะที่ขวดแรกนั้นถูกเมินเฉยโดยสมบูรณ์
แต่ตอนที่บริกรได้ยินคำของจ้าวเฟยจึงตอบกลับมาว่า “ขออภัยด้วยครับ ไวน์นั้นเป็นของที่ทางร้านสมนาคุณให้ทุกโต๊ะเป็นเวลาสามวันเท่านั้นครับ แต่ยังสามารถสั่งไวน์อื่นได้นะครับ”
“ไม่มีขายงั้นเหรอ?” ทั้งจ้าวเฟยและหวงกวงต่างชะงักงัน ร้านนี่เปิดหากำไรหรือทำการกุศลกันแน่?
“ไม่เอาไวน์อื่นสิ เอาไวน์ขวดนี้เท่านั้น” จ้าวเฟยยืนกราน “ทำไมถึงไม่ขายกันล่ะ?”
“ทางผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” บริกรตอบรับด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าสงสัยเช่นกัน
“งั้นเอาให้พวกเราอีกขวดได้ไหม?” จ้าวเฟยเอ่ยถาม
“เกรงว่าจะไม่ได้ครับคุณผู้ชาย นโยบายมอบไวน์ของทางร้านคือโต๊ะละหนึ่งขวดต่อวันครับ” บริกรตอบกลับ
“เรียกผู้จัดการของพวกคุณมาหน่อย” หวงกวงโพล่งคำขึ้นมา
“คือ…”
“ไม่ต้องกังวลไป พวกเราไม่ได้จะต่อว่าการบริการหรือทางร้าน แค่ต้องการทราบเรื่องไวน์นี้ก็เท่านั้นเอง” หวงกวงอดไม่ได้ที่จะต้องอธิบายในตอนที่เห็นสีหน้ากังวลของบริกร
“สวัสดีท่านทั้งสองค่ะ ให้ฉันช่วยอะไรดีคะ?” ไม่นานเฉินปิงเหยาก็มาถึง
อันที่จริงเฉินปิงเหยาที่อยู่ในออฟฟิศใกล้โถงกลางมาตลอด ตอนถูกเรียกตัวมาที่โต๊ะของจ้าวเฟยและหวงกวงก็พอคาดเดาได้ เพราะช่วงเดียวกันนี้ลูกค้าอีกหลายโต๊ะก็เรียกเธอไปสอบถามคำถามที่แทบจะเหมือนกัน
ลูกค้าทุกคนต่างถามเรื่องของไวน์ที่ได้รับสมนาคุณกันทั้งนั้น
เฉินปิงเหยาไม่คาดว่าไวน์ที่อู๋ฝานหามาจากที่ไหนก็ไม่รู้จะได้รับความนิยมถึงขนาดนี้ ใครที่ได้ดื่มต่างก็ต้องเอ่ยคำชมออกมา จนถึงขนาดทำให้ทางร้านที่เคยประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบไม่นานมานี้ฟื้นคืนชื่อเสียงกลับมาได้
‘เถ้าแก่ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!’ เฉินปิงเหยาชื่นชมอู๋ฝานอยู่ในใจหลายครั้ง
“ทำไมไม่ขายไวน์นี้ล่ะครับ?” จ้าวเฟยเอ่ยถามกับเฉินปิงเหยา พร้อมใช้มือชี้ขวดไวน์สุดเหนือเมฆ
“เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ ไวน์ดังกล่าวเป็นของสมนาคุณแก่ลูกค้า ทางร้านของเราสั่งมาเป็นพิเศษเพื่อให้เพียงพอกับการจัดอีเวนต์สามวัน ดังนั้นจึงต้องสงวนและสำรองเอาไว้ก่อนค่ะ” เฉินปิงเหยากล่าวตอบ
“ขอให้ทางผู้ผลิตส่งมาเพิ่มก็ได้นี่นา” หวงกวงเอ่ยขึ้น
“ไวน์นี้เป็นเถ้าแก่ของทางเราสั่งมาเป็นพิเศษ หากต้องการซื้อหาเพิ่ม ก็ต้องให้เถ้าแก่ของเราตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบกลับ “ถ้าท่านทั้งสองต้องการดื่มเพิ่มเติม ขอเรียนเชิญมาใช้บริการวันพรุ่งนี้ได้นะคะ”
“เถ้าแก่ของคุณจงใจดึงความสนใจลูกค้าอย่างเห็นได้ชัดเลยนะเนี่ย” จ้าวเฟยตอบรับ
เฉินปิงเหยาเพียงยิ้มโดยไม่ตอบคำอื่นใด แท้จริงแล้วในใจเธอก็คิดเช่นเดียวกัน เพราะแนวคิดดังกล่าวทำให้เธอยิ่งนับถืออู๋ฝานมากขึ้นไปอีก
“เหมือนว่าวันนี้คงไม่มีทางได้ดื่มไวน์นั่นเพิ่มอีกแล้ว” หลังเฉินปิงเหยากลับไป จ้าวเฟยกับหวงกวงจึงพูดคุยกันพลางรินไวน์ขวดเดิมที่สั่งมาก่อนหน้า
แต่ไวน์ที่ตอนแรกพวกเขาคิดว่าดีและรสชาติไม่เลว ขณะนี้ดื่มเข้าไปกลับยิ่งทำให้พวกเขาได้ทราบความแตกต่างกับไวน์สุดเหนือเมฆอย่างเห็นได้ชัด
“พรุ่งนี้ต้องมาอีกครั้ง ยังไงฉันก็ยังอยู่ที่เจียงโจวอีกหลายวัน” หวงกวงตอบรับเพราะไม่คิดปล่อยไวน์ที่ดีหลุดมือไป “ไว้พรุ่งนี้ฉันเลี้ยงนายเอง”
หวงกวงอยากทราบที่มาที่ไปของไวน์นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดไปจากเจียงโจว
“ถ้าหลังจากนี้มีคำถามเรื่องไวน์ ให้แจ้งลูกค้าไปตามที่บอก เข้าใจใช่ไหม?” หลังกลับจากโต๊ะของจ้าวเฟยและหวงกวง เฉินปิงเหยาจึงหาตัวบริกรมารับเรื่องไวน์ต่อ เมื่อผ่านไปนานเข้าจะยิ่งมีลูกค้าสอบถามเข้ามามากขึ้น เธอไม่อาจแวะเวียนไปอธิบายทุกโต๊ะด้วยตัวเองได้ ดังนั้นจึงต้องให้บริกรอธิบายเรื่องนี้แทน
ตอนนี้อู๋ฝานยังไม่ได้ออกไปจากร้าน แต่อยู่ในห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง นอกจากเขาแล้วยังมีหวังจื่อหมิง เกิ่งหย่าเฟย ถังอวี่เฟย หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ และหลิวอวี่กวงที่อยู่กันพร้อมหน้า