ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 467 ซื้อบ้าน
บทที่ 467 ซื้อบ้าน
“อู๋ฝาน นี่มันไวน์ที่นายบ่มในโรงงานของตัวเองจริงเหรอเนี่ย?” หลังหวังจื่อหมิงวางแก้วก็จ้องอู๋ฝานราวกับไม่อยากจะเชื่อสายตา
โรงงานที่อู๋ฝานเพิ่งซื้อไปนั้นหวังจื่อหมิงเป็นคนช่วยหาด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงทราบสถานการณ์ของโรงงานดังกล่าวเป็นอย่างดี อีกฝ่ายสามารถผลิตไวน์นี้ขึ้นมาได้ในเวลาไม่ถึงเดือนนับตั้งแต่ซื้อและรับช่วงต่อ อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่ดีในทั้งรูปรส และรูปกลิ่น
“แน่นอนครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบ “รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ?”
หลิวอวี่กวงยกนิ้วโป้งให้ “ยอดเยี่ยมมากครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยดื่มไวน์มาไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับของนายน้อยอู๋แล้ว เรียกว่าเป็นอะไรที่เปิดโลกใหม่ให้ผมก็ไม่ผิด”
หวังจื่อหมิงพยักหน้าเป็นการบอกว่าเห็นด้วย
“ไวน์ดีขนาดนั้นเลยเหรอคะเนี่ย รินให้บ้างสิคะ ฉันเองก็อยากลองนะ“ ถังอวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะสงสัย เนื่องจากได้เห็นท่าทีของหวังจื่อหมิงและหลิวอวี่กวงที่เอ่ยคำชมออกหน้าออกตา
“ฉันเองก็อยากลองค่ะ อยากรู้ว่าไวน์ของอาจารย์อู๋จะรสชาติเป็นยังไง” นอกจากถังอวี่เฟยแล้ว เกิ่งหย่าเฟยก็สงสัยไม่แพ้กัน
ส่วนทางด้านหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แม้เธอจะแสดงอาการประหลาดใจในสายตา แต่ไม่ได้พูดกล่าวอะไรออกมา
“ได้เลยครับ ผมรินให้คุณสุภาพสตรีทั้งสองเอง” หลิวอวี่กวงกล่าวพร้อมส่งแก้วไวน์ที่รินแล้วให้ตรงหน้าถังอวี่เฟยและเกิ่งหย่าเฟย
พวกเธอทั้งสองเพียงจิบแก้วไวน์เข้าไปก็แสดงท่าทีออกมาเหมือนดังที่สองคนก่อนหน้านี้แสดงออกมา
“อู๋ฝาน นี่ผลงานของโรงงานคุณจริงเหรอคะเนี่ย!?” ถังอวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“พี่หวังก็เพิ่งถามให้ได้ยินไปนี่ครับ?” อู๋ฝานหัวเราะ “เป็นไวน์ของโรงงานที่เพิ่งบ่มขึ้นมาจริง ๆ ครับ เพราะปัญหาของร้านอาหารก่อนหน้านี้ ผมเลยตัดสินใจมอบไวน์ให้ลูกค้าเป็นของสมนาคุณเพื่อเรียกชื่อเสียงกลับคืนมา โดยลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการในช่วงสามวันจากนี้จะได้รับไวน์ทุกโต๊ะ แน่นอนว่าไวน์ที่มอบให้ลูกค้าในห้องส่วนตัวชั้นที่สองจะคุณภาพดีกว่าของชั้นที่หนึ่งครับ”
หลังหวังจื่อหมิงได้ยินจึงยกนิ้วโป้งเอ่ยคำชมอู๋ฝาน “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะเนี่ย นายได้ชื่อเสียงร้านกลับคืน รวมทั้งได้โปรโมตไวน์ใหม่ให้เป็นที่เล่าลือปากต่อปากได้อีก”
แม้อู๋ฝานจะเสิร์ฟไวน์ที่ดีกว่าแก่ลูกค้าชั้นที่สอง แต่อย่างไรก็มาจากโรงงานไวน์แห่งเดียวกัน หวังจื่อหมิงเชื่อว่าไวน์ที่เสิร์ฟให้ชั้นที่หนึ่งของร้านก็จะด้อยกว่ากันไม่มาก ไม่งั้นคงไม่เลือกมอบเป็นของสมนาคุณ เพราะหากเป็นของไม่ดีจะเทียบเท่าการตบหน้าตัวเองทั้งกับร้านอาหารและโรงงานไวน์
อู๋ฝานเพียงยิ้มโดยไม่ตอบคำใด อันที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นแผนที่เขาคิดเอาไว้ในใจอยู่แล้ว คนที่มาทานอาหารร้านแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นกลางและสูงของเจียงโจว ไวน์ของตนสามารถคว้าความได้เปรียบตรงนี้มาไว้ในกำมือได้ อย่างไรหากบรรดาลูกค้าประทับใจก็ต้องบอกปากต่อปาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ตัดสินใจแจกจ่ายเป็นเวลาถึงสามวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพียงแค่มอบให้ยังไม่มีการเปิดขาย
“ทางตระกูลฉันเองก็มีโรงแรมอยู่ ไว้จะสั่งไวน์ของนายไปให้บริการลูกค้า” หวังจื่อหมิงตอบรับ
“ครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ไวน์นี้เพิ่งผ่านกระบวนการผลิตออกมา ผมยังไม่มีเวลาหาตัวแทนจำหน่าย ไว้ผมส่งตรงให้จากโรงงานเลยก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องผ่านคนกลางจนเสียส่วนต่าง”
“ดีเลย ส่วนราคาก็ตามนายว่า” หวังจื่อหมิงตอบรับ
เมื่อได้ยินคำของอู๋ฝาน หลิวอวี่กวงจึงเผยดวงตาเป็นประกายราวกับครุ่นคิดอะไรได้
หลังมื้อเย็นวันนี้ที่ยินดีกันทั้งเจ้าภาพและแขกที่มาเข้าร่วมจบลง หวังจื่อหมิงและคนอื่น ๆ ก็เดินทางกลับ แต่ถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงอยู่ต่อ
ก่อนเกิ่งหย่าเฟยกลับก็ยังเผยสายตาสงสัยมองไปทางอู๋ฝาน ถังอวี่เฟย และหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ พร้อมยิ้มลึกลับที่แสดงผ่านทางสีหน้าก่อนจะตามหวังจื่อหมิงกลับไป
“อู๋ฝาน ชีวิตที่หอคันธะสงัดเป็นยังไงบ้างคะ? ได้ยินว่าศิษย์ของที่นั่นงดงามกันทุกคน คงสุขกายสบายใจเลยละสิ ฉันนึกว่าคุณจะไม่กลับมาแล้วด้วยซ้ำ” ถังอวี่เฟยเอ่ยขึ้น
“ที่สำนักมีแต่หญิงงามจริง ๆ ครับ แต่ชีวิตไม่ได้สุขสบายอะไร” อู๋ฝานตอบกลับ “พวกเธอเป็นมังสวิรัติกัน อาหารทุกมื้อไม่มีเนื้อ โชคดีที่ในป่ามีธารน้ำและภูเขา ผมเลยพอจะจับสัตว์จับปลามาประทังชีวิตได้บ้าง ถ้าไม่งั้นครึ่งเดือนน้ำหนักคงหายไปหลายโลแน่”
“ไม่เจออะไรไม่คาดฝันใช่ไหมคะ?” หากเทียบกับถังอวี่เฟยที่ค่อนข้างห่วงเรื่องอีกแง่ของอู๋ฝาน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นห่วงเรื่องหลักมากกว่า
“ไม่ครับ ทุกอย่างราบรื่นดี” อู๋ฝานตอบรับ
จากนั้นเขาจึงเล่าชีวิตในหอคันธะสงัดคร่าว ๆ ให้คนทั้งสองได้ฟัง ส่วนเรื่องวิชาทั้งหลายของสำนัก อู๋ฝานเลือกไม่บอกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเทเลพอร์ตไปยังอีกโลก เพียงบอกว่าทำความเข้าใจด้วยตัวเอง จนทำให้ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างแสดงความนับถือกันออกมา
ไม่เพียงวิชาทั้งหลาย แต่วิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่าที่ไม่เคยมีคนของสำนักคนใดฝึกฝนสำเร็จและเข้าใจอย่างถ่องแท้ในช่วงเวลานับพันปี อู๋ฝานกลับใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนที่อยู่ที่นั่นเข้าใจถึงแก่นแท้ พร้อมทำมุมมองกับแสดงออกมาให้คนในสำนักนำไปใช้ต่อ มันไม่เกินเลยหากจะบอกว่าชายหนุ่มคืออัจฉริยะแห่งการฝึกฝนตน
โดยเฉพาะกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เธอคิดว่าความจริงเรื่องที่อู๋ฝานก้าวข้ามจากการเป็นคนธรรมดามามีกำลังจนถึงระดับนี้ในเวลาไม่กี่เดือนนั้น เป็นพรสวรรค์ที่ต่อให้มองทั่วทั้งแวดวงผู้ฝึกตน ก็เทียบได้กับอัจฉริยะที่ไม่ได้พบพานมาหลายพันปี ดังนั้นเรื่องที่ชายหนุ่มสามารถศึกษาวิชาทั้งหลายของหอคันธะสงัดอย่างปรุโปร่งจึงยังพอเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
“หอคันธะสงัดได้คุณเป็นเจ้าหอ เหมือนเป็นพรสำหรับพวกเขาเลยด้วยซ้ำนะคะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยคำออกมา
จู่ ๆ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็รู้สึกนับถือการตัดสินใจของฮุ่ยเหวิน ก่อนที่เธอคนนั้นจะสิ้นชีพกลับทำให้อู๋ฝานยอมเป็นเจ้าหอคันธะสงัดได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนซึ่งเธอไม่ได้รู้จักอะไรเลยแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ เรียกว่าเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกก็ไม่ผิด ทว่ากลับตัดสินใจได้ภายในเวลาอันน้อยนิดของชีวิตที่เหลืออยู่ ดังนั้นไม่ผิดหากจะบอกว่าสายตาของเธอมองขาดจนน่าสะพรึง
และปัจจุบันมันยิ่งตอกย้ำว่าการตัดสินใจของฮุ่ยเหวินเป็นเรื่องที่ถูกต้องและฉลาดล้ำเลิศ ด้วยตัวตนของอู๋ฝานที่ไม่เพียงสกัดสายตาเฝ้ามองอย่างหิวกระหายของสำนักอื่นมายังหอคันธะสงัดได้ แต่เขายังช่วยให้สำนักฟื้นคืนกลับมามีกำลังในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ กระทั่งว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าในอดีตซะด้วยซ้ำ มันไม่ใช่อะไรที่คนอื่น ๆ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหอคันธะสงัดจะสามารถทำได้
กระทั่งว่าอู๋ฝานต้องการลงจากภูเขา สวีฮุ่ยก็ยังยืนกรานขอให้ชายหนุ่มรับตำแหน่งเจ้าหอคันธะสงัดเอาไว้ต่อไป หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ได้ทราบยังมองว่าตัดสินใจได้ดีแล้วด้วยซ้ำ
“สองแฝดที่ติดตามคุณมาก่อนหน้านี้คือเหมยเสวี่ยและเหมยอวี่เหรอคะ?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม
“ครับ” อู๋ฝานรับคำ เมื่อกล่าวถึงคนทั้งสองก็ทำให้เขานึกถึงปัญหาอื่นขึ้นมาได้ นั่นคือปัญหาเรื่องที่พักอาศัย
ตอนอยู่คนเดียวนั้นเขาอาศัยบ้านเช่าได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังไงเยี่ยเฟยเฟยก็ไม่กลับมาอยู่แล้ว ดังนั้นอู๋ฝานจึงสามารถเทเลพอร์ตไปมาได้อย่างสบายใจ
แต่ไม่ใช่กับเหมยเสวี่ยและเหมยอวี่ เขาคงทำได้เพียงหาห้องเช่าให้คนทั้งสองให้ไปอยู่ เนื่องจากบ้านเช่าที่เขาเช่าอยู่ตอนนี้เหลือห้องอีกเพียงแค่หนึ่ง หรือไม่ก็ต้องตัดสินใจซื้อบ้าน
ทว่าหลังพิจารณาเขาก็มองว่าทางเลือกหลังน่าจะดูดีกว่า