ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 477 ไม่เสแสร้งจะตายไหม?
บทที่ 477 ไม่เสแสร้งจะตายไหม?
“จับกุมตัวเอาไว้!”
“ปิดล้อมเอาไว้ อย่าให้หนีไปได้!”
“คุ้มครองฝ่าบาท!”
“หมอหลวง หมอหลวงอยู่ไหน? องค์เหนือหัวได้รับบาดเจ็บ!”
ขณะองค์หญิงสามแห่งหนานปิงหมายจะลงมือสังหารอีกครั้ง เหล่าขุนนางในห้องโถงต่างรู้สึกตัว เป็นอีกครั้งที่เสียงตะโกนสารพัดเริ่มดังขึ้นภายในโถง เหล่าราชองครักษ์จากภายนอกต่างบุกกันเข้ามาปิดล้อม โดยอู๋ฝานเข้าไปขวางหน้าจักรพรรดิชราเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ทำให้นางได้ทราบว่าภารกิจล้มเหลว โอกาสสังหารจักรพรรดิชราจะไม่มีทางมาเยือนอีกเป็นครั้งที่สอง
อูหย่าจ้องอู๋ฝานด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะหันกายกลับคิดหาทางหลบหนีออกจากวังหลวง
ทว่าเหล่าราชองครักษ์ที่รายล้อมเข้ามาย่อมไม่มีทางปล่อยนางรอดพ้นออกไปง่าย ๆ กระทั่งเริ่มกระชับวงล้อมเตรียมจับกุม
แม้องค์หญิงสามแห่งหนานปิงจะด้อยกว่าอู๋ฝาน แต่ความแข็งแกร่งของนางไม่ใช่ของปลอม หลังต่อสู้กับทหารราชองครักษ์ยังเรียกได้ว่าแทบจะเทียบเท่า
เพียงแต่ที่นี่คือวังหลวงแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง จำนวนของราชองครักษ์ทั้งภายในและภายนอกวังมีมากมาย ตอนนี้ที่ได้รับแจ้งจึงแห่แหนกันเข้ามาอย่างไม่รีรอ พวกเขาที่เข้ามาปิดล้อมนั้นมีจำนวนมาก ต่อให้ไม่ใช่องค์หญิงสามแห่งหนานปิง แต่เป็นอู๋ฝานก็คงไม่มีทางหลบหนีไปได้
อูหย่าเข้าใจดี ดังนั้นจึงพยายามโจมตีอย่างสุดแรง ทุกครั้งที่ลงมือจึงทำให้ราชองครักษ์ต้องถอยกลับ พวกเขาเหล่านี้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับราชองครักษ์ป้ายอัญเชิญระดับทองแดงของอู๋ฝาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจแข็งแกร่งเทียบเท่าป้ายอัญเชิญระดับทองในปัจจุบัน ทำให้การเผชิญหน้ากับองค์หญิงสามแห่งหนานปิงจึงต้องประสบช่วงเวลาต้านรับอย่างยากลำบากอยู่ระยะหนึ่ง
แน่นอนว่าอูหย่าก็ไม่ได้มีสถานการณ์ที่ดีสักเท่าใด นางได้รับบาดเจ็บหลายตำแหน่ง อย่างไรที่นางเผชิญหน้าก็คือเหล่าราชองครักษ์จำนวนมากปิดล้อม แม้หากเทียบตัวต่อตัวพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่า แต่หากร่วมมือกันแล้วอย่างไรก็มากเกินจะเป็นภัยคุกคามแก่นาง
อู๋ฝานดูเรื่องราวโดยไม่ขยับเคลื่อนไหวหรือลงมือ เนื่องจากราชองครักษ์มากมายปิดล้อมเป็นที่เรียบร้อย ทั้งยังมีกำลังเสริมจากภายนอกกำลังแห่แหนกันเข้ามา ต่อให้นางมีปีกก็ใช่ว่าจะหนีรอดไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องลงมืออีก
แม้แบบนั้นเขาก็ยังปรามาสองค์หญิงสามแห่งหนานปิงต่ำจนเกินไป เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้าย ราชองครักษ์กำลังแห่แหนกันเข้ามาปิดล้อมเพิ่ม นางกลับนำเอาวัตถุสีดำออกมาจากแขนขว้างปาลงใส่พื้น
“ตู้ม!” เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นทั้งห้องโถง พร้อมกับกลุ่มควันสีขาวฟุ้งกระจาย รัศมีของมันเริ่มแผ่กว้างจนปกคลุมทุกคนเอาไว้ในหมอกควัน
“ไอ้หยา นี่อะไร? ระเบิด?” อู๋ฝานถึงกับต้องประหลาดใจกับสิ่งที่พบเห็น เนื่องจากเชื่อว่าตอนนี้คือยุคอาวุธเย็น ทว่าทำไมถึงมีของเช่นระเบิดปรากฏขึ้นมาได้?
ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้อู๋ฝานจึงยิ่งต้องระมัดระวัง ชายหนุ่มยังคงให้การคุ้มกันจักรพรรดิชรา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้องค์หญิงสามแห่งหนานปิงคว้าโอกาสช่วงวุ่นวายลงมือซ้ำ ขณะเดียวกันนี้เขาก็ยังต้องหวาดเกรงกับอะไรที่ดูผิดยุคผิดสมัย
“อ๊าก!”
เสียงแผดร้องดังขึ้นภายในห้องโถง เพียงแต่เพราะมีหมอกควันหนาปกคลุมจึงทำให้ไม่มีใครตระหนักพบเห็นสถานการณ์
“ตรงนี้ นางอยู่นี่!”
เสียงร้องเรียกตะโกนดังจากภายนอกห้องโถง
และทันใดนั้นเองที่อีกหนึ่งเสียงดังขึ้นจากภายนอก พร้อมกับเสียงวุ่นวายที่ตามมา
หลังผ่านไปเกือบหนึ่งจิบชาหรือนานกว่านั้น หมอกควันในห้องโถงจึงเริ่มเลือนหาย ทุกคนกลับมามองเห็นอีกครั้ง อู๋ฝานรีบตรวจสอบสภาพในห้องโถง ก่อนจะพบว่าร่างของอูหย่าหายไปเรียบร้อยแล้ว
“เหมือนว่าอาวุธลับที่นางใช้เมื่อครู่จะเป็นระเบิดควัน ไม่ใช่ระเบิดมือ” อู๋ฝานมองเรื่องในโถงพลางพึมพำกับตนเอง
ของที่อีกฝ่ายขว้างโยนออกมาทำให้เกิดเสียงดังและบดบังการมองเห็น แต่ไม่ได้ทำให้เกิดผู้บาดเจ็บหรือว่าเสียชีวิต
เพียงคิดว่าหากอาวุธลับดังกล่าวเป็นระเบิดมือขึ้นมาจริง ตอนนั้นนางคงไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้จักรพรรดิชราผ่านการร่ายรำ เพียงแค่โยนมาจากระยะไกล ต่อให้จักรพรรดิชรามีสามชีวิตก็ไม่พอรอดชีวิตอย่างแน่นอน
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมมาช้าเกินไป!”
“คุ้มกันฝ่าบาท จับกุมตัวฆาตกร!”
“หมอหลวงอยู่ที่ไหน รีบมาเร็วเข้า!”
เมื่อเห็นตัวฆาตกรหายไป เหล่าขุนนางที่ซ่อนตัวใต้โต๊ะ หลบหลังเสา บ้างก็นอนกับพื้นเพื่อเอาตัวรอดขณะนี้ราวกับฟื้นคืนชีวิต พวกเขาต่างวิ่งเข้ามายังตำแหน่งที่จักรพรรดิชราอยู่คนแล้วคนเล่า กระทั่งผลักเบียดอู๋ฝานที่ให้การคุ้มกันอีกฝ่ายเอาไว้ตั้งแต่แรกออกไป
อู๋ฝานเห็นความกระหายแสดงความดีความชอบและความภักดีของกลุ่มคน ขณะนี้จึงหยุดมองด้วยความสนุกขบขัน สุดท้ายก็เดินออกไปนอกวังหลวง
“หือ ใต้เท้าจ้าวเป็นอะไร? ได้รับบาดเจ็บหรือ?” อู๋ฝานที่กำลังจะออกจากห้องโถง กลับได้เห็นจ้าวอิ๋งเฟิงกุมแขนของตัวเองนั่งร้องโอดโอยกับพื้น ราวกับว่าแขนจะได้รับบาดเจ็บเพราะพบเห็นมีเลือดไหลออกมา
“ข้าโดนฆาตกรนั่นเล่นงานเพราะพยายามเข้าหยุดยั้งไว้” จ้าวอิ๋งเฟิงกัดฟันตอบกลับด้วยความเจ็บปวด แต่เพื่อไม่ทำให้ตนเองต้องอับอายต่อหน้าอีกฝ่ายจึงอดกลั้นเสียงร้องเอาไว้ “เพื่อจับกุมตัวฆาตกรนั่น ข้ายินดีเสียสละเพื่อฝ่าบาท แต่กลับไม่อาจล้างแค้นแทนฝ่าบาทได้สำเร็จ!”
แท้จริงแล้วจ้าวอิ๋งเฟิงไม่ได้มีความหาญกล้าเพียงนั้น ตอนที่เห็นฆาตกรพุ่งตัวเข้ามาใกล้ยังพยายามหลบเลี่ยงเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับขว้างอาวุธลับออกมาที่บดบังการมองเห็น ทำให้เขาไม่อาจได้เห็นว่าตัวคนหลบหนีไปทิศทางใด สุดท้ายจึงคิดหนีออกจากที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่กลับบังเอิญว่าไปขวางเส้นทางหลบหนีขององค์หญิงสามแห่งหนานปิง ก็โดนนางเล่นงานด้วยมีดปลายรองเท้าจนเกิดแผล หากไม่ใช่เพราะนางรีบหลบหนี เขาก็คงโดนเล่นงานซ้ำจนตาย
“อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง เพียงแต่บอกข้าไปก็เท่านั้น ไว้ฝ่าบาทได้สติแล้วก็ไปแจ้งให้พระองค์ทราบก็แล้วกัน” อู๋ฝานเพียงยิ้มรับ “บางทีอาจได้เลื่อนขั้นก็เป็นได้กระมัง”
“ข้าไม่ได้ทำเพราะเห็นแก่ตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่ทำเพราะความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท!” จ้าวอิ๋งเฟิงตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “คุ้มครองฝ่าบาทคือหน้าที่ที่เหล่าขุนนางพึงกระทำ”
“ใต้เท้าจ้าวช่างเป็นแบบอย่าง!” อู๋ฝานชื่นชมด้วยรอยยิ้มพร้อมประสานมือ “ส่วนข้านั้นไม่ใช่ เพราะข้าช่วยคุ้มครองฝ่าบาทเพราะเห็นแก่รางวัล”
เมื่อเห็นอู๋ฝานแสดงความในใจ จ้าวอิ๋งเฟิงถึงกับตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ใต้เท้าอู๋ไฉนมีความคิดเช่นนี้? พวกทหารก็มักเป็นเช่นนี้ ไม่มีความเป็นสุภาพชนแม้แต่น้อย!”
“ขอรับ ขอรับ ใต้เท้าจ้าวเป็นขุนนางที่ดี” อู๋ฝานมองอีกฝ่ายพลางตอบอย่างไม่ใส่ใจ “แต่ไฉนเหมือนข้าเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องฝ่าบาทจนทำให้มือสังหารล่าถอยไปกันนะ?”
“เจ้า!” จ้าวอิ๋งเฟิงเผยสีหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ
อู๋ฝานหัวเราะตอบขณะเดินผ่านอีกฝ่ายไป ขณะที่เกือบจะออกไปชมสถานการณ์ภายนอกกลับหยุดฝีเท้า สุดท้ายก็วนกลับเข้ามาใกล้จ้าวอิ๋งเฟิงเพื่อกระซิบถาม “ใต้เท้าจ้าว ไม่เสแสร้งแกล้งทำมันจะตายให้ได้หรืออย่างไร?”
ไม่เสแสร้งแกล้งทำจะตายหรืออย่างไร?
จ้าวอิ๋งเฟิงที่ได้ฟังถึงกับชะงักไป เนื่องจากไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยคำนี้กับตนเอง หลังได้ตระหนักว่าอะไรเป็นอะไรจึงถึงกับเดือดดาลจนชี้หน้าด่าทอ “อู๋ฝาน เจ้าสามัญชน! ฝากไว้ก่อนเถอะ!”