ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 483 กระทบกระทั่ง
บทที่ 483 กระทบกระทั่ง
“พวกเรามาดูบ้านน่ะครับ” อู๋ฝานตอบ
“ขอเรียนถามว่าสนใจบ้านแบบใดคะ ขนาดใหญ่ประมาณไหน มีความต้องการพิเศษอะไรด้วยรึเปล่าคะ?” พนักงานขายเอ่ยถาม
“คือ…” ขณะอู๋ฝานกำลังจะพูดอะไรออกมานั้นเอง กลับปรากฏเสียงดังขึ้นจากทางด้านข้าง
“พวกคุณนี่มันยังไงกัน? จะเอายังไงกันแน่? เมื่อวานบอกว่ายังไม่ได้ขายบ้าน แต่ผ่านไปไม่ถึงวันก็ขายแล้วงั้นเหรอ?” ไม่ไกลจากอู๋ฝาน ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ถือกระเป๋าด้วยมือหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างควงแขนผู้หญิงในชุดเว้าเผยเรือนร่างส่งเสียงดังถามจากพนักงานขายตรงหน้า เสียงที่ดังขึ้นมานี้ทำให้ทุกคนในสำนักงานขายได้ยินกันอย่างชัดเจน
“ต้องขออภัยคุณผู้ชายด้วยค่ะ บ้านหลังนั้นขายออกแล้วจริง ๆ ค่ะ ลองพิจารณาบ้านหลังอื่นดูแทนดีไหมคะ?”
“ไม่ดู จะเอาบ้านหลังนั้นเท่านั้น” ชายวัยกลางคนยังไม่ทันตอบ ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอค่อนข้างเอาเรื่องราว แต่พอหันไปพูดกับชายวัยกลางคนกลับใช้น้ำเสียงออดอ้อน “ที่รัก ฉันอยากได้แค่บ้านหลังนั้นค่ะ ต้องซื้อมาให้ได้นะคะ”
“ได้จ้ะ ได้จ้ะ” ชายวัยกลางคนร่างท้วมรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันหน้าไปหาพนักงานขายพร้อมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แล้วนี่อะไร คิดดูหมิ่นกันอย่างนั้นเหรอ? คิดว่าฉันไม่มีเงินอย่างนั้นสิ?”
“ฉันไม่ได้เจตนาแบบนั้นเลยค่ะคุณผู้ชาย พวกเราขายบ้านหลังนั้นออกไปแล้วจริง ๆ ค่ะ” พนักงานขายพยายามตอบ
“ขายให้ใคร? ในเจียงโจวฉันรู้จักคนเยอะแยะ เพราะงั้นบอกมาว่าขายให้ใครไป?” ชายวัยกลางคนร่างท้วมพยายามกดดันพนักงาน
“เรื่องนั้น… พวกเราไม่แน่ใจค่ะ” พนักงานขายตอบรับด้วยท่าทีลำบากใจ
“ไม่แน่ใจ? ขายให้ใครก็ไม่รู้เนี่ยนะ? ล้อกันเล่นรึไง” ชายวัยกลางคนยังคงรุกไล่ “ใครเป็นคนซื้อบ้านหลังนั้น? มัน? หรือว่ามัน? หรือว่ามันตรงนั้น?”
ชายวัยกลางคนตั้งคำถามพร้อมชี้หน้ากลุ่มคนในสำนักงานขาย และคนสุดท้ายที่ชี้มานั้นคืออู๋ฝานที่ไม่ได้อยู่ไกล
พอชี้มาทางอู๋ฝาน สายตาของชายวัยกลางคนหยุดมองชายหนุ่มเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสนใจเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ กระทั่งแสดงสีหน้าและท่าทีละโมบหิวกระหายออกมาอย่างไม่ปิดบัง
หญิงสาวที่ชายวัยกลางคนพามานั้นเห็นท่าทีผิดแปลกจึงส่งสายตาดุร้ายมองสองฝาแฝด แต่ไม่กล้าที่จะโพล่งโทสะใส่คนของตนเอง ทว่ากลับเลือกที่จะกอดแขนเอาไว้แน่นราวกับปลิงเกาะ
ทั้งเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยต่างก็ได้เห็นท่าทีและสายตาของชายวัยกลางคน จนถึงขนาดต้องขมวดคิ้วเผยสีหน้าขยะแขยงออกมา
“แค่ก แค่ก!” ท่าทีตอบสนองของสองแฝดทำให้ชายวัยกลางคนดึงสติกลับคืนมาได้ สุดท้ายจึงต้องกระแอมไอออกมาแก้เขิน ก่อนจะหันหน้ามองอู๋ฝาน หลังพบเห็นชายหนุ่มไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงหรือยี่ห้อดังที่ตนรู้จักจึงเอ่ยขึ้นอย่างนึกเหยียดหยัน “เมื่อกี้พนักงานขายคนนี้บอกว่ามีคนซื้อบ้านไปแล้ว นายใช่คนที่ซื้อรึเปล่า?”
อู๋ฝานไม่รู้จักชายวัยกลางคนตรงหน้า แต่หากมองจากชุดที่สวมใส่และน้ำเสียงที่ใช้พูดคุย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกอวดดีและถือตัวขนาดไหน
แม้ไม่ทราบว่าบ้านหลังนั้นแท้จริงขายให้ใครไปกันแน่ เพราะเจียงโจวมีแต่ผู้มั่งมีมากมายไม่ขาดแคลน ต่อให้บ้านหลังนั้นราคาเกินกว่าหนึ่งร้อยล้าน ก็ยังมีคนอีกมากที่พร้อมจะซื้อหา แต่ชายวัยกลางคนกลับมองและปรามาสคนอื่นอย่างไร้มารยาท ประหนึ่งตนเองเป็นคนเดียวในเจียงโจวที่ร่ำรวยที่สุดจนสามารถซื้อบ้านหลังใดก็ได้
“ไอ้หนู ตอบกวนส้นรึยังไงห๊า!” ชายวัยกลางคนถามกลับ “เอาเถอะ มองดูตัวแกแล้วคงไม่ใช่คนที่จะซื้อบ้านได้ไหว คงแค่แกล้งทำเป็นคนร่ำรวยหรือทายาทบ้านไหนสักบ้านหลอกสาวสวยสองคนนี้ละสิ ถือเป็นโอกาสดี ๆ ที่คนจิตใจดีอย่างฉันจะได้เปิดโปงก็แล้วกัน”
“อย่ามาพูดจาเสียมารยาทกับนายน้อยนะ!” เหมยเสวี่ยเผยเสียงเปี่ยมด้วยโทสะดังขึ้น
“นายน้อย?” ชายวัยกลางคนที่ได้ยินถึงกับชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา “คนอย่างมันเป็นนายน้อย? ถ้ามันเป็นนายน้อยงั้นฉันคนนี้ก็เป็นนายท่านแล้ว”
เมื่อชายวัยกลางคนเอ่ยจบ เหมยอวี่ก็ก้าวเท้าเข้าหาพร้อมเตะใส่หัวเข่าของอีกฝ่าย ชายคนนั้นถึงกับเสียสมดุลร่างกายล้มลงร้องโอดโอย เนื่องจากอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้าอู๋ฝาน ตอนนี้จึงเปรียบเสมือนกำลังคุกเข่าคำนับขอภัยในความผิดจากชายหนุ่ม
“นางสารเลวนี่รนหาที่ตาย!” ชายวัยกลางคนตะลึงกับความแข็งแกร่งของเหมยอวี่ แต่โทสะในใจมากล้นจนเกินควบคุม เพราะอีกฝ่ายกำลังทำให้เขาต้องขายหน้าต่อหน้าผู้คน
แต่ขณะชายวัยกลางคนกำลังจะลุกขึ้นเพื่อสั่งสอนเหมยอวี่ มือของอู๋ฝานกลับตบลงใส่ที่ไหล่ คนที่กำลังจะลุกกลับถูกตบจนทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นอีกครั้งในจังหวะกำลังจะเอนตัวมาด้านหน้า เวลานี้จึงแทบเปรียบเสมือนการโขกศีรษะคำนับ
“ไอ้อ้วนนี่กินของเสียเน่าเหม็นไปรึไง แต่ละคำที่พูดออกมาถึงได้เน่าเหม็นไม่น่าฟังขนาดนี้” อู๋ฝานมองอีกฝ่ายพร้อมเอ่ยด้วยท่าทีเย็นยะเยือก
ชายวัยกลางคนพยายามดิ้นรนลุกขึ้น ทว่ามือของอู๋ฝานกดลงที่ไหล่ของเขาเอาไว้เป็นประหนึ่งขุนเขากดทับ ทำให้ร่างกายไม่อาจลุกหรือขยับเคลื่อนไหว ทั้งความโกรธและความอับอายที่เกิดเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คน ทำให้ใบหน้าของชายวัยกลางคนแดงก่ำ
“คิดทำอะไร? รีบปล่อยสามีฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เมื่อเห็นเรื่องราวไม่สู้ดี ผู้หญิงที่มากับชายวัยกลางคนจึงตะโกนขึ้น
“สามี?” อู๋ฝานมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเฉยชา “มั่นใจเหรอว่าเป็นภรรยาชายคนนี้? เอาเป็นลองกดโทรศัพท์หาเบอร์ที่ไอ้หมอนี่บันทึกว่าเป็นเมีย แล้วดูกันไหมว่าปลายสายจะไปดังที่ใคร?”
“แกกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร!” ใบหน้าผู้หญิงคนนั้นแดงก่ำ เพราะเธอเป็นเพียงคนรักลับ ๆ ของชายวัยกลางคน หากอู๋ฝานโทรหาเบอร์ภรรยาของอีกฝ่ายขึ้นมาจริงเธอก็จบเห่ คิดได้ดังนั้นจึงตะโกนเสียงดังออกมา “รปภ.อยู่ที่ไหน รีบมาลากตัวไอ้เลวนี่ออกไปเดี๋ยวนี้ ดูแลลูกค้ากันแบบนี้รึไง?”
ขณะนี้เองที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของสำนักงานขายเดินเข้ามา ทั้งยังมีชายในชุดสูท ชายวัยกลางคนซึ่งถูกอู๋ฝานกดเอาไว้ เมื่อเห็นชายในชุดสูงจึงเผยท่าทีประหนึ่งพบเห็นผู้ช่วยให้รอดพ้น
“ผู้จัดการถังช่วยฉันด้วย ไอ้หมอนี่มันมาก่อความวุ่นวายในที่ของคุณ!” ชายวัยกลางคนร่างท้วมตะโกนดังขึ้น
ชายในชุดสูทเดินเข้ามาพร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัย ทว่าสายตาไม่ได้มองชายวัยกลางคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น แต่มองอู๋ฝานพร้อมเผยท่าทีนอบน้อม “สวัสดีครับคุณอู๋ ผมเป็นผู้จัดการของที่นี่ ถังอวี๋เฮ่าครับ”
“ไม่สิผู้จัดการ มัน!…” ชายวัยกลางคนที่เดิมเผยสีหน้าท่าทียินดีออกมา ขณะนี้หันมองตามด้วยสีหน้าตื่นตะลึงและสงสัย
“รู้จักผมเหรอครับ?” ไม่ใช่เพียงแค่ชายวัยกลางคนที่สับสน แต่อู๋ฝานเองก็ด้วย
“ครับ คุณหนูใหญ่โทรหาผมเมื่อคืนนี้ แจ้งว่าคุณอู๋จะแวะมาวันนี้เลยขอให้เตรียมการต้อนรับน่ะครับ” ถังอวี๋เฮ่าตอบรับด้วยสีหน้าท่าทีที่ยังคงนอบน้อม
“คุณหนูใหญ่?” อู๋ฝานนึกไปครู่ก่อนจะตอบกลับ “ถังอวี่เฟยเหรอครับ?”
“ใช่ครับ” ถังอวี๋เฮ่าตอบรับ
อู๋ฝานจึงพยักหน้าตอบ ก่อนจะปล่อยชายวัยกลางคนพร้อมมองถังอวี๋เฮ่า “ถ้าอย่างนั้นมีบ้านแบบไหนบ้างก็แนะนำได้เต็มที่เลยครับ”
ชายวัยกลางคนที่ได้โอกาสลุกขึ้นยืนจึงถูไหล่ของตนเองไปมา ขณะที่ภายในใจกำลังคาดเดาตัวตนของอู๋ฝาน
“ผมบอกให้ลุกขึ้นงั้นเหรอ?” เมื่อชายวัยกลางคนลุกขึ้น กลับถูกอู๋ฝานตบไหล่อีกครั้งจนต้องเข่าทรุดลงไปตามเดิมอีกครั้ง
“คุณหนูใหญ่เลือกบ้านไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ” ถังอวี๋เฮ่าตอบกลับราวไม่เห็นท่าทีชวนอนาถของชายวัยกลางคนแม้แต่น้อย ก่อนจะชี้นิ้วไปทางบ้านหลังใหญ่ที่สุดใจกลางโมเดลบ้านที่จัดแสดงอยู่ “หลังนี้ครับ”
หลังเห็นบ้านที่ถังอวี๋เฮ่าชี้ให้ดู ชายวัยกลางคนถึงกับเบิกดวงตากว้าง กระทั่งลืมเลือนไปว่าตนเองในเวลานี้ยังมีสภาพคุกเข่าอยู่กับพื้น