ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 486 ความทะเยอทะยานของหวงกวง
บทที่ 486 ความทะเยอทะยานของหวงกวง
ก่อนที่อู๋ฝานจะกลับห้องพักฝั่งโลกแห่งเกมเมื่อวานนี้ เขาได้จัดเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดที่โจวกวงซื้อหามาใส่กระเป๋าหลังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เพราะช่วงเช้าค่อนข้างยุ่งจึงทำให้ยังไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องวัตถุดิบ จึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาจึงต้องแยกตัวจากเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยในช่วงบ่าย ทั้งหมดก็เพื่อจัดการนำวัตถุดิบออกมาจากกระเป๋าหลัง
นครเหยียนหยางเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง ที่ซึ่งสามารถซื้อหาวัตถุดิบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะวัตถุดิบที่อยู่บนฟ้า บนพื้นดิน หรือในน้ำก็ตาม กระทั่งของเฉพาะทางจากประเทศอื่นก็มีให้พบเห็นที่นี่เช่นกัน เรียกได้ว่าอุดมไปด้วยสินค้าสารพัดมากกว่าที่อู๋ฝานเพาะปลูกและเลี้ยงดูด้านหลังหมู่บ้านเร้นลับหลายเท่า
ความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ทางวัตถุดิบย่อมเป็นเรื่องดีกับร้านโลกในแหวน โดยเฉพาะช่วงหลังประสบเหตุการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบจากก่อนหน้านี้ การเพิ่มคุณภาพในวัตถุดิบอื่นและเพิ่มของใหม่เข้าไปย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากเพิ่มรายการอาหารเข้าไปเมื่อใดก็จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ ดังนั้นอู๋ฝานจึงวางแผนให้โจวกวงอยู่ในนครเหยียนหยางเป็นการชั่วคราว โดยให้รับผิดชอบหน้าที่จัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยจะคอยนำส่งวัตถุดิบที่ซื้อหามาไปส่งยังหมู่บ้านเร้นลับเพื่อเตรียมสำหรับการเพาะปลูกและเพาะเลี้ยงในอนาคตต่อไป
หลังทานอาหารที่ร้านเรียบร้อย เขาก็แยกทางกับเหมยอวี่และเหมยเสวี่ย ก่อนอื่นคือการตรงไปทางนอกเมืองเพื่อจัดการเรื่องวัตถุดิบ จากนั้นก็ยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำอีกเช่นกัน
“ได้ดื่มไวน์นี่อีกครั้งทำเอารู้สึกดีชะมัด” หลังจ้าวเฟยและหวงกวงชนแก้วไวน์กัน ทั้งสองจึงยกขึ้นดื่มด้วยสีหน้าอิ่มเอมและสุขสันต์
เพื่อให้ได้ดื่มไวน์สุดเหนือเมฆอีกครั้ง จ้าวเฟยและหวงกวงจึงมาที่ร้านตั้งแต่ช่วงกลางวัน เพราะกลัวว่าหากมาช้าจะไม่มีโต๊ะเหลือ และความจริงก็ได้พิสูจน์ว่าความกังวลของพวกเขาไม่ใช่เรื่องสูญเปล่า วันนี้มีลูกค้ามาใช้บริการร้านเยอะกว่าเมื่อวานจริง หลายคนกระทั่งมาก่อนพวกเขาซะด้วยซ้ำ
หลังได้ที่นั่งและเริ่มสั่งอาหาร บริกรก็นำขวดไวน์สุดเหนือเมฆออกมาเสิร์ฟ พวกเขาที่ไม่อาจอดใจได้ไหวจึงรินไวน์โดยไม่รีรอ
“ร้านเพิ่งนำเสนอไวน์นี้เมื่อวาน แต่วันนี้ชื่อเสียงกระจายออกไปไกลแล้ว คิดว่าถ้าขายจะราคาเท่าไหร่?” หวงกวงจิบไวน์พลางพูดคุยไปด้วย
“เท่าไหร่กันล่ะ?” จ้าวเฟยรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องดื่มมึนเมา ย่อมต้องมีการตรวจสอบข่าวคราวของไวน์ยี่ห้อนี้มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หนึ่งพัน!” หวงกวงตอบกลับ “แต่เป็นการเสนอราคาที่ไม่มีผู้ขายนะ”
“หนึ่งพันเลยงั้นเหรอ?” จ้าวเฟยถึงกับพูดไม่ออก
“หนึ่งพันอาจไม่ได้แพงเกินไปด้วยซ้ำ รสชาติของไวน์นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าไวน์ราคาหลักพันในตลาดด้วยซ้ำ จะบอกว่าดีกว่าก็ไม่ผิด” หวงกวงตอบกลับ “เพราะงั้นราคาของมันอาจสูงขึ้นได้อีก เพราะไวน์นี่คงมีขายแค่ที่ร้านแห่งนี้ ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามันจะถูกขายในราคาเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเป็นแค่ราคาคาดเดา”
“รสชาติของไวน์ก็ไร้ข้อกังขาจริง ๆ นั่นแหละนะ” จ้าวเฟยตอบรับ “แต่พูดก็พูดเถอะ ไวน์นี้มีอิทธิพลไม่ใช่เล่น เพิ่งนำมาเปิดตัวได้หนึ่งวันกลับเป็นที่นิยมเรียบร้อยแล้ว”
“ก่อนอื่นเลย เพราะรสชาติของไวน์ไม่มีที่ติ อย่างที่สองคือไวน์นี้ปรากฏตัวครั้งแรกที่ร้านแห่งนี้ คนที่มาใช้บริการร้านนี้เป็นพวกมีเงินใช้ไม่ขาดมือ พวกเขาที่เคยได้ดื่มไวน์ชั้นดีมามาก ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับรสชาติปกติของไวน์ชั้นดี ผลตอบรับของพวกเขาจะยิ่งทำให้การบอกเล่าปากต่อปากมีน้ำหนักมากขึ้น” หวงกวงตอบกลับ
“ก็จริง” จ้าวเฟยพยักหน้ารับ
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งได้รู้ที่ตั้งโรงงานจากผู้จัดการร้าน ไว้กินมื้อนี้เสร็จแล้วคงต้องแวะไปสักหน่อย” หวงกวงบอกออกมา
“ลงมือเร็วเป็นเรื่องที่ดี” จ้าวเฟยตอบกลับ “ช่วงบ่ายฉันว่างพอดี ขอไปกับนายด้วยก็แล้วกัน”
“ได้เลย” หวงกวงตอบรับ “จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้นายไม่ค่อยพอใจกับงานที่ทำอยู่นี่นา เคยคิดเรื่องลาออกบ้างหรือเปล่า?”
“คิดน่ะคิด แต่ทุกวันนี้หางานใหม่ทำก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” จ้าวเฟยถอนหายใจ
“เริ่มทำธุรกิจของตัวเองเป็นยังไงล่ะ?” หวงกวงเอ่ยถาม
“หมายความว่ายังไง?” จ้าวเฟยถามกลับ
“ฉันมองว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียว” หวงกวงเผยดวงตาเกิดประกายที่ปิดไม่มิด “ครั้งนี้ฉันเตรียมลาออกมาทำด้วยตัวเองแล้วด้วยซ้ำ!”
“ทำด้วยตัวเอง?”
“ใช่! ฉันทำงานในวงการนี้มาก็หลายปี ได้ทั้งประสบการณ์และเส้นสายมาก็มาก ไวน์สุดเหนือเมฆที่เพิ่งเปิดตัวทำให้ฉันมีแรงใจและคาดหวัง เพราะแบบนั้นก็เลยเตรียมลาออกมาเริ่มทำกิจการของตัวเอง ต่อสู้แย่งชิงสิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายของไวน์นี่” หวงกวงบอกเล่าความฝันออกมา แม้จะดูไม่ค่อยแน่ใจ แต่เห็นได้ว่าผ่านการไตร่ตรองมาแล้วเป็นอย่างดี ไม่ใช่การหุนหันลงมือ
“เคยได้ยินมาว่าถ้าอยากเป็นตัวแทนก็ต้องจ่ายหนักเลยไม่ใช่เหรอ?” จ้าวเฟยถาม
“ใช่ ตลอดหลายปีมานี้ฉันก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ถึงขนาดวางแผนขายบ้านขายรถเลยทีเดียว!” หวงกวงตอบกลับ
“ขายบ้านขายรถ?! นี่นายกำลังจะฝากความหวังทั้งชีวิตกับไวน์นี่งั้นเหรอ? นายที่ทำอยู่วงการนี้ก็รู้ดีว่าไวน์จะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรสชาติ แต่มันมีปัจจัยอื่นที่ต้องคำนึงถึงด้วย ไม่กลัวว่าจะทำพลาดรึไง?” จ้าวเฟยถึงกับตื่นตระหนกกับคำตอบของเพื่อนรัก
หวงกวงตอบกลับ “ฉันอยากจะลองให้สุดทาง ถ้าพลาดก็ไปเริ่มใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าสำเร็จฉันจะพลิกชีวิตได้เลยนะ เชื่อฉันสิว่าไวน์ยี่ห้อนี้ไว้ใจได้”
“แล้วบอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้ทำไมกัน?” จ้าวเฟยมองอีกฝ่าย “อยากจะให้ฉันร่วมหัวจมท้ายด้วยงั้นเหรอ?”
“เสนอความคิดให้ฟังน่ะ” หวงกวงตอบกลับ “แน่นอนว่าฉันอยากแนะนำให้นายตัดสินใจด้วยว่าจะทำยังไงต่อไปดี”
จ้าวเฟยไม่ตอบ แต่กำลังครุ่นคิด อีกฝ่ายก็ไม่ได้เร่งเร้า เพียงแค่ดื่มต่อไปอย่างเชื่องช้า เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดอย่างจริงจัง แต่ไม่ว่าเพื่อนจะตอบรับหรือไม่เขาก็วางแผนพร้อมจะลุยเดี่ยว
“ฉันต้องคิดให้ดีก่อน” จ้าวเฟยตอบกลับ
คนทั้งสองดื่มต่อพลางพูดคุย แต่เห็นได้ชัดว่าจ้าวเฟยไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะร่วมสนทนา เขากำลังมุ่งสมาธิและความคิดไปกับข้อเสนอของเพื่อนสนิท
หลังอู๋ฝานเดินทางออกจากร้านโลกในแหวนจึงมุ่งหน้าไปยังโกดังนอกเมือง คนที่หวงถิงเฟิงส่งมาคอยจับตายังคงอยู่ในพื้นที่ ทันทีที่เห็นเป้าหมายจึงโทรแจ้งหวงถิงเฟิงทันที
“มันโผล่หน้ามาแล้ว? มาคนเดียวงั้นเหรอ? เหมือนว่าจะยังไม่ได้ซื้อวัตถุดิบมาล่ะสิ ถ้าไม่ได้ซื้อวัตถุดิบมาแล้วจะมาโกดังที่นอกเมืองทำไม? เอาเป็นว่าอย่าเสียสมาธิและคอยจับตามองมันเอาไว้ ตราบใดที่หาพบว่าวัตถุดิบของมันมาจากที่ไหน ฉันจะเลี้ยงพวกนายอย่างดีเลยทีเดียว” หวงถิงเฟิงบอกผ่านปลายสายโทรศัพท์
ครับเถ้าแก่หวง พวกเราจะจับตามองเอาไว้” หนึ่งในอันธพาลตอบรับก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไป
นับตั้งแต่พวกเขาถูกอู๋ฝานเล่นงานเมื่อครั้งก่อน คนกลุ่มนี้จึงไม่กล้ามาคอยจับตามองด้วยตัวเอง แต่เลือกที่จะหาคนอื่นมาทำงานแทน หลังพบเห็นโอกาสจึงเข้าไปขโมยวัตถุดิบจากด้านในโกดังออกมา พวกเขาเหล่านี้นำส่งของที่ปล้นชิงให้กับหวงถิงเฟิง และแลกมาได้เป็นเงินก้อนโตจนยินดีกันถ้วนหน้า แม้ว่าหลังคนที่ลงมือจะถูกจับกุมตัวก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเหล่านี้ยอมถอยจากโอกาสทำเงิน ดังนั้นจึงเริ่มลงมือกันอีกครั้ง โดยการจับตามองสถานที่เอาไว้เพื่อหาโอกาสเข้าไปปล้นชิงวัตถุดิบ แต่การตรวจตราของที่นี่เข้มงวดขึ้นมากจนทำให้พวกเขาแทบไม่มีโอกาสได้เข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง
จนวันนี้ขณะที่กำลังเฝ้าจับตามอง พวกเขาก็ได้เห็นอู๋ฝานปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งจนรีบโทรแจ้งให้หวงถิงเฟิงทราบ