ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 496 รักษาบาดแผล
บทที่ 496 รักษาบาดแผล
“เจ้าหอคะ พวกเราควรติดต่อหาพวกศิษย์พี่หญิงในสำนักเพื่อขอความช่วยเหลือค่ะ” หลังคนทั้งสองกลับไปกันแล้ว เหมยอวี่ที่ทราบสถานการณ์จึงเอ่ยกับอู๋ฝาน
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้” อู๋ฝานตอบกลับ “ที่ตั้งสำนักค่อนข้างอยู่ไกลจากที่นี่ ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องเรียกระดมพลหรอกครับ”
“แต่วังเมฆาสีชาดเป็นสำนักชั้นสองที่ทั้งแข็งแกร่งและมีสมาชิกจำนวนมาก ลำพังแค่เจ้าหอจะรับมือทั้งหมดไหวเหรอคะ?” เหมยเสวี่ยกังวล
“ไม่เชื่อในตัวผมเหรอครับ?” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ผมก็ไม่ฝืนอยู่แล้ว ไว้พอถึงเวลาจะให้ทางพวกคุณติดต่อสำนักอย่างแน่นอนครับ”
“ค่ะ” ทั้งสองฝาแฝดต่างพยักหน้ารับคำ
หลังเวลาเที่ยงคืน อู๋ฝานจึงต้องหยุดคิดเรื่องโลกความเป็นจริงเพื่อเทเลพอร์ต วันนี้ตลอดทั้งวันเขายังต้องคอยกังวลถึงความปลอดภัยขององค์หญิงสามแห่งหนานปิง เพราะมันเกี่ยวข้องกับบทลงโทษของภารกิจพิเศษ
เพราะเหตุผลนั้นจึงทำให้เขาแทบไม่อาจอดใจรอการเทเลพอร์ตหลังเที่ยงคืนได้
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป ร่างของอู๋ฝานปรากฏตัวในห้องนอนของศาลาพักม้าที่นครเหยียนหยางอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อการเทเลพอร์ตเสร็จสมบูรณ์ เขาจึงรีบสำรวจห้องนอนเพื่อหาตัวองค์หญิงอูหย่า
จากนั้นชายหนุ่มก็ต้องผ่อนหายใจโล่งอกออกมา
อูหย่ายังอยู่ที่นี่ อีกฝ่ายนอนนิ่งกับพื้นตำแหน่งเดียวกับเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน แม้ไม่ทราบว่าตายแล้วหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่ง นั่นคือการที่เหล่าทหารภายในเมืองยังไม่พบเจอตัวอีกฝ่าย
อย่างน้อยเขาก็ยังไม่โดนลากไปเกี่ยวข้อง
อู๋ฝานรีบเข้าหาก่อนจะคุกเข่าลงตรวจสอบลมหายใจของหญิงสาว
“โชคดี แม้ลมหายจะรวยรินไปบ้างแต่ก็ยังไม่ตาย” เขาถึงกับต้องถอนหายใจโล่งอกออกมา
เห็นได้ชัดว่าอูหย่าบาดเจ็บหนักสาหัส สุดท้ายเพราะโดนอู๋ฝานฟาดใส่จึงยิ่งหนักหนาจนไม่อาจประคองสติ กระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่น
“ดูสภาพนางแบบนี้แล้ว ถ้าช้าไปอีกสักครึ่งวันคงตายเพราะขาดเลือดแน่” อู๋ฝานมองคราบเลือดบนพื้นพลางพึมพำกับตัวเอง
ไม่ว่าจะด้วยอะไร อูหย่าก็ยังไม่ตายหรือหายตัวไปไหน อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเขา มันยังพอมีโอกาสที่จะทำภารกิจพิเศษให้สำเร็จ แน่นอนว่าลำดับความสำคัญตอนนี้คือการช่วยรักษาบาดแผลให้อูหย่าอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงทนอยู่ต่อได้อีกไม่นาน
“อืม …บาดเจ็บเยอะพอสมควรเลยนะเนี่ย” อู๋ฝานเลิกแขนเสื้อของอูหย่าขึ้นสำรวจ ก่อนจะเห็นเป็นบาดแผลมากมาย อีกทั้งเสื้อผ้าส่วนอื่นของเธอก็เผยให้เห็นว่าได้รับความเสียหาย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้บาดเจ็บเพียงแค่แขน
“เพราะบาดเจ็บหนักมาตั้งแต่แรก ไม่งั้นโดนฟาดแค่นั้นคงไม่ถึงขั้นหมดสติจนถึงตอนนี้แน่ ก่อนอื่นคงต้องห้ามเลือดและรักษาบาดแผล แต่ก็ต้องถอดเสื้อผ้าออกก่อน” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเอง
กลายเป็นว่าเขาเริ่มกระดากใจขึ้นมา
เพราะหากไม่ถอดเสื้อก็ไม่อาจรักษาบาดแผล ดังนั้นจึงต้องทำ อย่างไรเรื่องราวตอนนี้ก็แตกต่างไปจากสถานการณ์ปกติระหว่างชายหญิง เป็นเพียงการช่วยชีวิต
อู๋ฝานลังเลไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปยังเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันนั้นก็บอกออกมาให้หญิงสาวรับรู้ด้วย “ข้าทำเพื่อช่วยชีวิต ไม่ใช่การลวนลามหรืออื่นใด เจ้าบาดเจ็บจึงต้องได้รับการรักษา หากไม่ถอดชุดเพื่อทำแผลข้าเองก็อับจน”
อูหย่าที่ยังบาดเจ็บหนักไม่ได้สติย่อมไม่มีทางตอบรับคำใดกับอู๋ฝานได้ ดังนั้นคำพูดของเขาจึงเพียงแค่ทำให้ตัวเองสบายใจ ไม่ใช่อธิบายให้อีกฝ่ายทราบแต่อย่างใด
“ไม่ได้!”
ขณะอู๋ฝานยื่นมือไปจนถึงคอเสื้อของอีกฝ่ายกลับต้องหยุดชะงักอีกครั้ง “เรื่องการเปลื้องผ้าคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักอะไรกันแบบนี้ ต่อให้เป็นสถานการณ์เดียวกันที่โลกความเป็นจริงก็ไม่อาจยอมรับได้ โดยเฉพาะกับยุคนี้ยิ่งแล้วใหญ่ หากนางตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่คงเอามีดแทงตัวตาย หรือไม่ก็หาทางฆ่าตัวตายล้างความอับอายแน่ ไม่ว่าจะทางไหนภารกิจของเราก็ล้มเหลว”
เมื่อครุ่นคิดสักพัก อู๋ฝานจึงละทิ้งความคิดช่วยรักษาอูหย่าเป็นการส่วนตัว แต่ยืนขึ้นและเดินไปที่ประตูเตรียมจะเปิด ทว่าก่อนจะทันเปิดออกไป เขากลับหันหน้าไปมองอูหย่าที่ยังคงมีผ้าบาง ๆ ปิดบังใบหน้า แต่ผ้านั้นไม่อาจกลบความงดงาม ในใจเวลานี้รู้สึกนึกเวทนาขึ้นมา
หลังสบถกับตัวเองหลายครั้ง เขาก็เปิดประตูเดินออกไป ก่อนจะรีบปิดประตูตามหลังและบอกกับข้ารับใช้ที่อยู่ในลานบ้าน “เรียกลั่วเยวี่ยมา แจ้งนางว่าข้ามีเรื่องต้องการพบ”
“ขอรับนายท่าน” ข้ารับใช้คนนั้นวางงานที่กำลังทำลง ก่อนจะไปช่วยอู๋ฝานตามคนมา
“นายท่านเรียกหาข้าหรือเจ้าคะ?” ลั่วเยวี่ยรีบตามข้ารับใช้มาจนถึงห้องนอนของอู๋ฝาน
“กลับไปทำงานได้” อู๋ฝานบอกกับข้ารับใช้คนนั้นก่อนจะมองทางลั่วเยวี่ย “มากับข้า”
ลั่วเยวี่ยเดินตามเข้าห้องนอนด้วยความสงสัย เพราะอู๋ฝานมักห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าห้องนอน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกห้องนอนตามใจชอบ ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่นางจะเข้ามา ดังนั้นการเข้าไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย ครั้งนี้จึงนับว่าเป็นครั้งแรก
ขณะลั่วเยวี่ยเข้ามาแล้ว นางถึงกับต้องชะงักเพราะเห็นอูหย่านอนนิ่งอยู่กับพื้นด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส
“อย่าเพิ่งชะงัก ปิดประตูด้วย” อู๋ฝานบอก
“อา… เจ้าค่ะ” ลั่วเยวี่ยรีบหันกลับไปปิดประตู ก่อนจะปิดก็ยังมองออกไปภายนอก เพื่อตรวจสอบว่ามีใครแอบมองมองทางนี้หรือไม่
“นายท่าน คนผู้นี้เป็นใครกันเจ้าคะ? ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้?” หลังปิดประตู ลั่วเยวี่ยก็มองอูหย่าที่นอนบนพื้นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถาม
“เป็นมือสังหาร” อู๋ฝานตอบ
“มือสังหาร? มาลอบสังหารนายท่านหรือเจ้าคะ?” ลั่วเยวี่ยที่ยังคงมอง มีท่าทีระมัดระวังขึ้นมา
“ไม่ใช่” อู๋ฝานส่ายหน้า “นางบาดเจ็บหนักได้รับบาดแผลมากมาย ข้าจะจัดการรักษาให้ก็ออกจะไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นจึงเรียกเจ้ามา”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เขาจึงยื่นสุดยอดยาสมานแผลที่ได้รับจากอาจารย์ปรุงยาหลี่ ก่อนจะออกเดินทางจากหมู่บ้านเร้นลับส่งให้กับลั่วเยวี่ย สรรพคุณของมันเลิศล้ำและเหนือกว่ายาสมานแผลทั่วไปมาก
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” ลั่วเยวี่ยพยักหน้าตอบ ก่อนจะรับเอาสุดยอดยาสมานแผลไปและนั่งลงเตรียมปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอูหย่าเพื่อช่วยรักษา
อู๋ฝานรีบหันไปมองทางอื่น แม้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้างหลังแต่ใจก็ยังคงเต้นรัว เมื่อเรียกลั่วเยวี่ยมาช่วยจัดการแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องมองอีกต่อไป
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะนายท่าน” ผ่านไปเกือบหนึ่งเค่อ ลั่วเยวี่ยจึงบอกกับอู๋ฝาน
อู๋ฝานหันกลับไปมองและพบว่าอูหย่าเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยแล้ว
“ข้าจะสั่งยาให้ ฝากออกไปจัดยาตามที่บอกแล้วนำกลับมาด้วย” อู๋ฝานบอก
เพราะตอนนี้ที่ทำไปก็เป็นเพียงการห้ามเลือดเพื่อชะลออาการบาดเจ็บ นางยังจำเป็นต้องได้รับยารักษา แม้ยังไม่ได้เรียนเรื่องการรักษาคนป่วย แต่ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านเร้นลับ อู๋ฝานได้จับกุมเชลยจากพวกโฉวหย่งเชามาไม่น้อย พวกเขาเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ หลังเป็นเชลยของหมู่บ้านย่อมไม่อาจปล่อยให้ตายไปทั้งแบบนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงขอให้อาจารย์ปรุงยาหลี่ช่วยรักษา ทำให้ช่วงเวลาที่ได้ติดตามพอทราบวิธีการรักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกของมีคมเล่นงาน