ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 498 เหตุผลของการลอบสังหาร
บทที่ 498 เหตุผลของการลอบสังหาร
อู๋ฝานเองก็ทราบดีว่าการจับตัวหรือสังหารอูหย่าย่อมทำให้จักรพรรดิตกรางวัลอย่างงาม แต่เขาไม่อาจเลือกหนทางดังกล่าวได้
เมื่อวานนี้เขาได้ลงมือช่วยเหลือไปเรียบร้อยแล้ว หากจักรพรรดิมีจิตสำนึกอยู่บ้างก็คงไม่ลืมเลือนความดีความชอบดังกล่าว ขณะนี้หากช่วยอูหย่าได้ด้วยดีก็จะเปรียบเสมือนการโรยน้ำตาลลงบนขนม รางวัลเสริมที่จะได้รับย่อมไม่เลวร้าย
อีกทั้งก่อนหน้านี้สถานะของอู๋ฝานก็ค่อนข้างต่ำเตี้ย ความก้าวหน้าที่โดดเด่นเกินไปในคราวเดียวมีแต่จะตกเป็นเป้าของความเกลียดชัง การที่ไม่นานตนก็ก้าวหน้าขึ้นเป็นจื่อเจวี๋ย มากพอที่จะทำให้คนอย่างจ้าวอิ๋งเฟิงริษยาแทบตายแล้ว หากครั้งนี้ยังได้ดีเกินหน้าเกินตา ก็เกรงว่าจะมีคนไม่ชอบหน้ามากยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นก็จะกลายเป็นสถานการณ์ชวนลำบากใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจพิเศษที่ปรากฏอย่างกะทันหันไม่ได้ง่ายแม้แต่น้อย เรียกว่ายากเข็ญก็ยังไม่ผิด แต่รางวัลของภารกิจพิเศษครั้งก่อนก็ทำให้พอใจได้ ดังนั้นภารกิจพิเศษครั้งนี้เขาจึงคาดหวังขึ้นมา ทว่าการจะนำองค์หญิงสามแห่งหนานปิงเดินทางกลับบ้านเกิดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เพราะอะไรข้าจึงต้องเชื่อใจเจ้า?” อูหย่าเอ่ยถามเสียงเย็น “หากในใจเจ้ามีแผนการอื่นจะว่าอย่างไร”
“เพราะอาณาจักรเหยียนเฟิงกว้างใหญ่ เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อใจในตัวข้า” อู๋ฝานตอบกลับ
นางถึงกับเงียบตอบ แม้ไม่อยากยอมรับแต่ก็เข้าใจดีว่าคำพูดนั้นไม่ได้ผิด ที่นี่ไม่ใช่บ้านเกิดของนาง ดังนั้นจึงไม่มีใครให้หันไปพึ่งพิง นอกจากตัวนางเองแล้วก็เหมือนจะมีเพียงต้องเชื่อในตัวอู๋ฝาน
“ตอนนี้บอกมาได้แล้วว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่” อู๋ฝานถาม
อูหย่ายังคงเงียบ ราวกับไม่อยากตอบคำถามของชายหนุ่ม
“ท่าทีของเจ้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยนะ” อู๋ฝานเอ่ยขึ้น “ทั้งที่ข้าช่วยเหลือเอาไว้ และตอนนี้ก็ยังเป็นคนเดียวที่มอบความช่วยเหลือให้ได้ เพราะแบบนั้นเจ้าก็ควรจะเชื่อใจข้าและบอกสถานการณ์ของตัวเจ้าให้ได้ทราบ เพื่อที่จะได้หาทางช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป”
“เพราะที่นี่ปลอดภัย” อูหย่าตอบกลับ
“ปลอดภัย?” อู๋ฝานชะงักไป “ทราบหรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด? ที่แห่งนี้คือศาลาพักม้า! ที่นี่มีแต่ขุนนางของราชสำนักเหมือนอย่างข้า แต่นี่เจ้าถึงขั้นบอกว่าที่นี่ปลอดภัย… นอกจากข้าแล้วหากเป็นผู้อื่นพบเจ้า ก็คงพร้อมใจกันรายงานโดยไม่ลังเล”
“ข้าคงไม่เปิดโอกาสให้พวกมันไปรายงาน” อูหย่าตอบกลับ
“ข้ามีโอกาสไปรายงานเรื่องเจ้ามากมาย” อู๋ฝานหัวเราะ
“นั่นมันเรื่องบังเอิญ!” อูหย่าโต้เถียง “เพราะการตรวจสอบก่อนหน้านี้ของข้า นอกจากเจ้าแล้วคนอื่นที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็มีแต่ขุนนางพลเรือนทั่วไป ต่อให้ข้าได้รับบาดเจ็บพวกมันก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของข้า หัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ตัวจ้อยเช่นเจ้าเป็นตัวแปรที่มีฝีมืออย่างผิดคาด”
“เหมือนว่าแผนการลอบสังหารของเจ้าจะผ่านการไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี กระทั่งมีแผนสำหรับการถอยหนี” อู๋ฝานตอบกลับ
“ใช่” อูหย่าตอบกลับ “สถานที่ที่อันตรายที่สุดย่อมปลอดภัยที่สุด พวกมันคงไม่คิดว่าข้าจะมาซ่อนตัวที่นี่”
“เช่นนั้นเหตุใดไม่หาที่ซ่อนตัวในวัง อย่างไรสถานที่อันตรายก็ถือว่าปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรือ?” อู๋ฝานถามกลับ
สิ่งที่อูหย่าพูดเป็นความจริง ทหารมากมายต่างออกตระเวนค้นหาทั่วทั้งเมือง บางทีอาจแทบพลิกแผ่นดินทั้งเมืองหลวงหาตัวอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่พวกเขาซึ่งอยู่ที่นี่แทบไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เห็นได้ชัดว่าผู้ที่รับผิดชอบออกค้นหามือสังหารไม่ได้คาดว่าคนร้ายจะถึงขั้นไปซ่อนตัวในศาลาพักม้าที่เต็มไปด้วยขุนนางพลเรือนและคนมีตำแหน่ง
“เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นหรือ?” อูหย่าจ้องมองอู๋ฝานตอบกลับ “วังหลวงแห่งนครเหยียนหยางในเวลานี้คงถึงขั้นขุดดินหาด้วยซ้ำไป การเฝ้าระวังจะยิ่งเข้มงวดกว่าครั้งไหน ๆ แม้กระทั่งแมลงวันคงออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ หากข้าปะปนแทรกแซงอยู่ในนั้น ไม่ช้าก็เร็วคงถูกเจอตัวอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ก็ฉลาดดีนะ” อู๋ฝานหัวเราะ “แต่เพราะอะไรถึงลอบสังหารฝ่าบาทของพวกเรากันเล่า? อาณาจักรหนานปิงยังคงอยู่ภายใต้อาณาจักรเหยียนเฟิง และตลอดมาสัมพันธ์ก็ค่อนข้างดี เพราะอะไรถึงต้องลงมือสังหาร? ไม่กลัวอาณาจักรเหยียนเฟิงจะกวาดล้างหรือ?”
“สัมพันธ์อันดี? เหอะ!” อูหย่าแค่นเสียงตอบกลับ “นั่นมันอดีต!”
“หมายความว่ายังไง?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ตลอดหลายปีมานี้กองทัพภายใต้ราชสำนักของพวกเจ้าฉ้อฉลหนักจนเกิดความวุ่นวาย กองทัพที่อยู่ใกล้กับอาณาจักรหนานปิงของเรานั้น บางครั้งพวกมันก็เข้ามาคุกคามคนของพวกเรา ไม่ว่าจะการข่มขืนหรือปล้นสะดม ตลอดมาพวกเราทำได้เพียงโกรธแค้นอยู่ภายใน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอาณาจักรมันไม่เหลือตั้งนานแล้ว สิ่งที่เจ้ารู้ก็แค่ฉากหน้า” อูหย่าตอบกลับ
“ต่อให้ก่อนหน้านี้มีสัมพันธ์ไม่ดีกัน แต่อาณาจักรของเจ้าก็มีกำลังอ่อนด้อยกว่า ทำเช่นนี้ไม่กลัวองค์เหนือหัวของพวกเราส่งกองทหารไปกวาดล้างเอาหรือ?” อู๋ฝานยังคงถาม “มั่นใจได้เลยว่าการลอบสังหารของเจ้าครั้งนี้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็จะเป็นชนวนให้ฝ่าบาทลงมือแน่”
“ข้าทราบ …แต่ไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว” อูหย่าตอบกลับ
“หมายความว่ายังไงกัน?” อู๋ฝานงุนงง
“ไม่นานมานี้อาณาจักรเฮยสุ่ยเปิดฉากโจมตีอาณาจักรหนานปิงอย่างกะทันหัน” อูหย่าตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา “เดิมพวกเราก็เป็นรองอยู่แล้ว ครั้งนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อาณาจักรเฮยสุ่ยที่มีอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยหนุนหลังไม่ใช่อะไรที่พวกเราจะต่อกรได้ ครั้งนั้นพวกเราร้องขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรเหยียนเฟิงของเจ้าแล้ว แต่พวกมันไม่ส่งกำลังทหารมาช่วยเพราะเรื่องชายแดนกับโลกอสูร สุดท้ายพวกเราก็ไม่อาจต้านรับได้ไหว!”
ข้อมูลเหล่านี้เขาฟังมาบ้างแล้ว แต่ไม่ได้ทราบละเอียดนัก
“เดิมพวกเรายังสามารถต้านรับไว้ได้ระยะหนึ่ง อย่างน้อยก็จนกว่าเรื่องราววุ่นวายของอาณาจักรเหยียนเฟิงจะจบลงและส่งกำลังทหารมาช่วยเหลือ แต่มีหน่วยหนึ่งจากอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยทะลวงแนวป้องกันเข้ามา บุกรุกจนกระทั่งถึงวังหลวงของพวกเรา ก่อนจะพาตัวบิดาข้าและพี่น้องทั้งหลายไปเป็นตัวประกัน ช่วงเวลานั้นเพราะข้าบังเอิญอยู่นอกวังพอดีจึงสามารถรอดพ้นมาได้” อูหย่าบอกเล่าออกมา
“มีเรื่องขนาดนี้? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” อู๋ฝานรับคำด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องนี้อาณาจักรสุ่ยเยวี่ยไม่ได้ประกาศให้ภายนอกรับรู้ แม้กระทั่งในราชวงศ์ของพวกเราก็มีคนทราบเพียงน้อยนิด” อูหย่าตอบกลับ
“เพราะอะไรกัน?” อู๋ฝานถาม
“เพราะพวกมันต้องการใช้ข้ามาลอบสังหารจักรพรรดิของอาณาจักรเจ้า” อูหย่าที่เอ่ยคำออกมาเผยดวงตาทอประกายเย็นเยียบ
“คนจากอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยวางแผนให้เจ้ามาลอบสังหาร?” อู๋ฝานถามกลับ
“เป็นเช่นนั้น” นางตอบรับ “หลังบิดาข้าและครอบครัวคนอื่น ๆ ถูกจับกุมกักขัง คนของอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยก็ติดต่อหาข้าเพื่อขอให้ลงมือแฝงตัวเข้าไปลอบสังหาร เพื่อแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของบิดาข้าและเหล่าพี่น้อง …ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก”
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ ในเมื่อเป็นเช่นที่ว่าก็สมเหตุสมผล อาณาจักรสุ่ยเยวี่ยและอาณาจักรเหยียนเฟิงต่างก็เป็นหนึ่งในสี่อาณาจักรใหญ่ ตลอดมาตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเสียส่วนใหญ่ ไม่น่าประหลาดใจหากอีกฝ่ายต้องการลอบสังหารจักรพรรดิแห่งเหยียนเฟิง ขณะที่อาณาจักรหนานปิงซึ่งอ่อนแอกว่า เป็นได้ก็เพียงตัวหมากบนกระดานแห่งอำนาจให้พวกเขาใช้เดิน ยังไม่กล่าวถึงจักรพรรดิ องค์หญิง และองค์ชายทั้งหลายที่ถูกจับกุมไว้เป็นตัวประกัน อูหย่าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือลอบสังหาร
“ยังมีอีกเรื่องที่ข้านึกไม่ออก” อู๋ฝานครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “อย่างไรวังหลวงแห่งอาณาจักรหนานปิงก็ไม่น่าจะบกพร่องด้านการป้องกัน ทั้งยังเป็นในช่วงศึกสงคราม เพราะอะไรถึงปล่อยให้หน่วยจากอาณาจักรอื่นเข้าไปง่าย ๆ ถึงขนาดนั้น?”
ต่อให้ไม่ใช่วังหลวง ลำพังแค่ตระกูลใหญ่ก็มีหน่วยองครักษ์คุ้มกันอย่างแน่นหนารอบจวนแล้ว วังหลวงแห่งหนานปิงที่น่าจะต้องมีการคุ้มกันสูงสุด เพราะอะไรถึงปล่อยให้คนทั้งหน่วยลักลอบเข้าไปได้?
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่มั่นใจนัก” อูหย่าส่ายหน้าตอบ