ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 499 หน่วยค้นหามาเยือน
บทที่ 499 หน่วยค้นหามาเยือน
ความสับสนที่อู๋ฝานแสดงออกผ่านทางสีหน้าไม่ใช่ของปลอม เพราะทั้งเขาและนางต่างก็สงสัยในประเด็นเดียวกัน
องครักษ์ประจำวังเป็นอย่างไรนางทราบดี แม้จะไม่อาจเทียบกับอาณาจักรใหญ่เหมือนดังอาณาจักรเหยียนเฟิงหรือสุ่ยเยวี่ยได้ แต่อย่างไรก็ไม่น่าจะปล่อยให้คนลักลอบเข้าไปประหนึ่งไม่มีการตรวจสอบ
แต่ช่วงนั้นนางอยู่นอกวัง สถานการณ์ภายในแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรจึงไม่อาจทราบได้อย่างแน่ชัด อีกทั้งยังโดนส่งตัวมาที่นี่จนไม่มีเวลาให้สืบข้อมูลใด ๆ
“ตอนนี้ภารกิจลอบสังหารล้มเหลวแล้ว บิดาและพี่น้องคนอื่นของเจ้าจะปลอดภัยดีหรือไม่?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ข้าไม่มั่นใจ” อูหย่าส่ายหน้า แต่ใบหน้าหมองหม่นลง เห็นได้ชัดว่ากังวลถึงความปลอดภัยของครอบครัว
“ไม่เป็นไร ตอนนี้คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา บางทีอาจทำให้เรื่องราวเลวร้ายขึ้นด้วยซ้ำ” อู๋ฝานปลอบ “ตอนนี้อยู่ที่นี่กับข้าก่อน ไว้จะหาโอกาสส่งตัวเจ้ากลับบ้านเกิดอีกที”
อูหย่าราวกับครุ่นคิดถึงครอบครัวจนไม่สนใจจะตอบอู๋ฝาน
ขณะนี้เองที่เกิดเสียงดังจากภายนอก รวมถึงเสียงฝีเท้ามากมายเข้ามาใกล้ ทั้งอู๋ฝานและอูหย่าต่างมองหน้ากันราวกับนึกเรื่องเดียวกันขึ้นมาได้
เสียง ‘แก๊ก’ ดังพร้อมกับอูหย่าที่ลุกขึ้นยืนเผยมีดในมือ สีหน้าของนางเย็นยะเยือกและแววตาก็ทอประกายฆ่าฟัน
แต่เพราะร่างกายยังไม่หายดี ขณะตั้งท่าเตรียมพร้อมลงมือ ร่างกายกลับเสียสมดุลจนเท้าซวนเซหลายครั้ง
“คิดทำอะไร?” อู๋ฝานถามขณะช่วยประคอง
“ฆ่าเบิกทาง!” น้ำเสียงเย็นเยือกตอบกลับมา
“แค่เดินให้มั่นคงยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับฆ่าคน ฆ่าไก่ยังไม่น่าจะทำได้ด้วยซ้ำ ยังจะโอ้อวดไปทำไม?” อู๋ฝานตอบกลับ
“งั้นจะให้ข้ารอความตายหรือ?” อูหย่าตั้งคำถามอย่างโกรธเคือง
“ไม่ต้องร้อนใจไป ข้าจะออกไปตรวจสอบเอง” อู๋ฝานตอบกลับ “อยู่ที่นี่และผ่อนคลาย อย่าเพ่นพ่านออกไปไหน ข้าจะไล่พวกเขากลับไปเอง”
อูหย่ามองดวงตาของชายหนุ่ม ราวกับไม่อาจทราบว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายจึงใจดีกับตนเองเพียงนี้
“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น ดังที่บอกออกไปก่อนหน้า ว่าข้าจะช่วยพาเจ้ากลับบ้านเกิด” อู๋ฝานตอบกลับ “ตอนนี้สงบใจอยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหนเข้าใจหรือไม่? ไม่เช่นนั้นแล้วไม่เพียงเจ้าจะตายที่นี่ แต่ข้าก็จะถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย”
เมื่อเห็นอูหย่าสงบใจลงเขาจึงหันกลับ เดินออกจากห้องนอนก่อนจะปิดประตูไล่หลัง
เพียงเขาออกไป อูหย่าจึงเข้าไปใกล้ประตูเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอกผ่านช่องประตู เพราะหากเมื่อใดสถานการณ์ไม่ถูกต้องนางก็พร้อมจะต่อสู้หาทางหลบหนีออกไป แม้ความเป็นไปได้จะต่ำ แต่ก็ดีกว่าถูกจับกุมตัว
หลังออกจากห้องนอน อู๋ฝานหันไปมองด้านหลัง และเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตามออกมาด้วยจึงโล่งใจลงหลายส่วน
“ส่งคนมาตรวจสอบทางนี้ด้วย”
“ส่งสองคนไปตรงนั้น”
“ค้นหาให้ทั่วและถี่ถ้วน ไม่อนุญาตให้พลาดแม้แต่นิดเดียว!”
เสียงทหารติดชุดเกราะหนักเดินเข้ามา พวกเขากำลังค้นหาสถานที่ทั้งหลายไปทั่ว
คล้ายว่าทหารที่ออกค้นหาในเมืองทั้งวันทั้งคืนจะไม่อาจหาตัวมือสังหารเจอ สุดท้ายจึงเริ่มค้นหายังสถานที่ที่เดิมไม่น่าสงสัยแล้ว
“ทำอะไรกัน? พวกเจ้ามาทำอะไร? ใครปล่อยให้เข้ามา?!”
“ข้าคือจางเต๋อ เป็นผู้ปกครองมณฑลหรงอวิ๋น ขอสั่งให้พวกเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
“พวกทหารไร้มารยาท ไม่รู้ความแต่ยังอวดดี เสียมารยาทกันเกินไปแล้ว!”
การสืบหาและตรวจค้นของทหารในสถานที่แห่งนี้ทำให้เหล่าขุนนางเกิดความไม่พอใจ เหมือนดังที่อูหย่าบอกไว้ก่อนหน้านี้ ว่าบรรดาผู้ที่มาอาศัยอยู่ที่ศาลาพักม้า นอกจากอู๋ฝานที่เป็นคนจากฝ่ายทหารแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นขุนนางที่มีตำแหน่ง เรื่องราวพิพาทระหว่างขุนนางและทหารดำเนินมาช้านานและไม่เคยลงรอย ขณะนี้เมื่อเห็นกลุ่มทหารตรวจค้นอย่างอุกอาจ ไม่แปลกหากพวกเขาจะโวยวายกันขึ้นมา
“พวกเราได้รับคำสั่งจากองค์เหนือหัวให้ออกค้นหามือสังหารภายในมือง เพื่อไม่ให้คนร้ายหลบหนีไปได้จึงไม่มีการละเว้นสถานที่ใดทั้งสิ้น!” ขุนพลที่นำกำลังคนมาด้วยตัวเองบอกเสียงดัง “สถานที่ส่วนใหญ่ภายในเมืองถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถัดมาจึงเป็นสถานที่ของทางการ ศาลาพักม้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เขาก็หันไปมองคนของตนเองและตะโกนเสียงดังขึ้น “ค้นหาให้ทั่วและถี่ถ้วน ต้องไม่ตกหล่นแม้แต่มุมเดียว!”
“ขอรับ!” หน่วยทหารตอบรับเสียงดัง
ทว่าขุนนางที่อ่านแต่ตำราก็ไม่ใช่อะไรที่จะเข้าไปยุ่งได้ง่าย ๆ พวกเขาที่ไม่ได้ชอบคนของฝ่ายทหารอยู่แล้วจึงไม่มีความกลัวเกรง
เรื่องนี้จึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นมา ทว่าการค้นหาก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้เหล่าขุนนางไม่ยินดี แต่คนของฝ่ายกองทัพก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรในตัวขุนนางอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ยังเป็นคำสั่งเด็ดขาดของจักรพรรดิ พวกเขาจึงไม่มีทางงดเว้นคนเหล่านี้เพียงเพราะเรื่องมารยาท
ดังนั้นแม้เหล่าขุนนางในศาลาพักม้าจะพยายามขัดขวางสุดชีวิตแต่ก็ไม่อาจเป็นผล หนอนหนังสือย่อมไม่มีแรงต่อต้านหมาป่าที่ออกล่าเหยื่อ ที่ทำได้ก็เพียงสบถก่นด่าลับหลังเหล่าทหาร
บริเวณลานจวนที่อู๋ฝานใช้อาศัย กลุ่มทหารเร่งเข้ามาเตรียมตรวจสอบและค้นหา เหล่าข้ารับใช้ที่หลี่จื่อหยางส่งมาต่างหดศีรษะไม่กล้าส่งเสียงใดออกมาแม้แต่น้อย
“รอเดี๋ยว!” หลังเห็นกลุ่มทหารกำลังจะเริ่มการตรวจสอบค้นหา อู๋ฝานจึงเอ่ยห้ามปรามขึ้น
ขุนพลผู้นำกำลังคนออกค้นหาได้ยินเสียงดัง จึงหันไปบอกอู๋ฝานด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ขอความร่วมมือในการตรวจสอบและค้นหาครั้งนี้ด้วย หากขัดขวางก็อย่าหาว่าพวกเราไร้มารยาท”
อู๋ฝานขมวดคิ้วก่อนจะตอบคำกลับ “ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างก็รับใช้ราชสำนัก ทุกคนต่างจงรักภักดีต่อองค์เหนือหัว แทนที่จะไปค้นหามือสังหารที่อื่นแต่กลับสงสัยขุนนางซึ่งอยู่ที่นี่งั้นหรือ? นี่เป็นเจตนาของท่านขุนพลเองหรือว่าไม่ใช่กันแน่?”
“ใช่แล้ว พวกเจ้าจงใจใช่หรือไม่?!” เหล่าขุนนางที่อยู่ไกล ๆ ต่างตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“พวกเราได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้ตรวจสอบทุกสถานที่ ดังนั้นพวกเราจะไม่ปล่อยให้มีที่ใดหลุดรอด!” ขุนพลตอบกลับมา
“ฝ่าบาทขอให้พวกท่านตรวจสอบสถานที่ที่น่าสงสัย ไม่ใช่มาเสียเวลากับพวกเรา!” อู๋ฝานตอบกลับ “แทนที่จะเสียเวลาที่นี่ ท่านควรไปตรวจสถานที่อื่นในเมืองให้เข้มงวดกว่านี้ การเสียเวลาที่นี่อาจเป็นช่องว่างทำให้มือสังหารมีโอกาสได้พักหายใจ จนหาสถานที่ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและหลุดรอดไปได้”
“ที่นี่ก็น่าสงสัยไม่แพ้สถานที่อื่น” ขุนพลไม่คล้อยตาม “ไม่ใช่ขุนนางทุกคนจะภักดีกับองค์เหนือหัว โดยเฉพาะกับพวกขุนนางอย่างพวกท่าน!”
เห็นได้ชัดว่าขุนพลผู้นี้มองอู๋ฝานเป็นฝ่ายขุนนางด้วยเช่นเดียวกัน
“คำพูดนั้นทำให้ข้าสงสัยว่าการค้นหาสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เพราะสงสัยว่ามีมือสังหารหลบซ่อน แต่กำลังจงใจหาข้ออ้างสร้างปัญหาให้เหล่าขุนนางต่างหาก” อู๋ฝานตอบกลับ
อู๋ฝานชี้มือไปทางทหารที่อยู่ไกล ๆ ซึ่งทำตัวประหนึ่งหมาป่ากำลังออกล่าเหยื่อที่เรียกว่าฝ่ายขุนนางก่อนจะเอ่ยต่อ “ดูสิว่าคนของพวกท่านทำอะไรลงไปบ้าง ไฉนข้าไม่รู้สึกว่าเป็นการค้นหามือสังหาร แต่เป็นการพังบ้านเรือน! นี่ใช่การกระทำที่ฝ่าบาทสั่งมาแน่งั้นหรือ?”