ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 502 ตรวจสอบหรือว่าไม่ตรวจ
บทที่ 502 ตรวจสอบหรือว่าไม่ตรวจ
“จิตสังหาร? ของนามธรรมเช่นนั้นใต้เท้าอู๋กล้านำมาใช้เป็นข้อแก้ตัวงั้นหรือ?” จ้าวอิ๋งเฟิงไม่เชื่อคำตอบดังกล่าว “ก็นึกว่าเพราะเหตุใดใต้เท้าอู๋จึงเอ่ยเตือนก่อนใครได้ ที่แท้ก็จิตสังหาร แต่มันไม่มีจิตสังหารอะไรทั้งนั้น เพราะท่านและองค์หญิงสามแห่งหนานปิงร่วมมือกันต่างหาก! ดังนั้นจึงทราบแผนการลอบสังหารและจังหวะการลงมือ มันจึงทำให้สามารถกล่าวเตือนฝ่าบาทได้ก่อนนางจะทันลงมือ!”
คนมากมายในที่นี้ที่ได้ยินคำพูดของจ้าวอิ๋งเฟิงต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน คำพูดนั้นยังพอมีเหตุมีผล และอธิบายได้ว่าเพราะอะไรอู๋ฝานจึงสามารถเตือนจักรพรรดิได้ก่อนผู้ใด กระทั่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่มือสังหารจะลงมือ
“โชคดีที่ข้าทราบว่าเจ้าไม่ได้อยู่ข้างข้าอะไรทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วคงเชื่อข้อกล่าวหานี้แน่!” อูหย่าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนพึมพำออกมา
ขนาดมือสังหารยังคิดเช่นนั้น ผู้อื่นในที่นี้จะคิดเห็นเช่นไรคงไม่ต้องกล่าวถึง
ขุนพลอวี่ที่เชื่อในตัวอู๋ฝานจึงไม่ได้ตรวจค้นบ้าน ขณะนี้รู้สึกเสียดายและสงสัยว่าก่อนหน้านี้ตนเองถูกอีกฝ่ายหลอกหรือไม่ ส่วนเรื่องจิตสังหารที่เพิ่งถูกกล่าวถึงนั้น แม้เขาทราบแต่ก็ไม่ได้เชื่อถือมากนัก เพราะตนไม่เคยสัมผัสหรือรับรู้ด้วยตัวเองมาก่อน
“ต้องขอบอกว่าใต้เท้าจ้าวมีความสามารถในการสร้างเรื่องราวอันยอดเยี่ยมออกมาได้จริง ๆ” อู๋ฝานตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทีสงบ “แต่ …หากว่าข้าและองค์หญิงสามแห่งหนานปิงร่วมมือกัน เพราะอะไรข้าจึงต้องเตือนฝ่าบาทและเข้าช่วยเหลือด้วยกันเล่า?”
“เหมือนที่ข้าบอกไปแล้วว่ามันเป็นแผนการแสดงของเจ้า!” จ้าวอิ๋งเฟิงตอบกลับ “ส่วนว่าทำไมเจ้าถึงเอ่ยเตือนก่อนนั้น คงเป็นเพราะใต้เท้าอู๋ร้อนใจอยากจะเปิดม่านการแสดงจนทนไม่ไหวกระมัง”
อู๋ฝานถึงกับต้องเหม่อมองอีกฝ่าย
จ้าวอิ๋งเฟิงเห็นสีหน้าท่าทีตอบสนองเช่นนั้นจึงเผยรอยยิ้มภาคภูมิ “ว่ายังไง ข้าพูดถูกต้องใช่หรือไม่? ใต้เท้าอู๋ถึงกับพูดอะไรไม่ออกแล้วกระมัง?”
อู๋ฝานส่ายหน้า “ข้ากำลังคิดว่าใต้เท้าจ้าวมีจินตนาการสูงส่ง น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปเขียนนิยายให้เป็นเรื่องราว”
“นิยายคืออะไร?” จ้าวอิ๋งเฟิงถามกลับ
“ก็ไม่มีอะไร” อู๋ฝานตอบรับ “แต่ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงข้อสงสัยของใต้เท้าจ้าว มีหลักฐานอะไรหรือไม่ที่พิสูจน์ว่าข้าเกี่ยวข้องกับมือสังหาร?”
“ไม่ใช่ว่าของในมือนางก็เป็นหลักฐานแล้วรึไง?” จ้าวอิ๋งเฟิงชี้ไปยังลั่วเยวี่ย “หรือใต้เท้าอู๋อยากอธิบายเรื่องยาหน่อยเป็นอย่างไร?”
“หากข้าบอกว่านำมาใช้กับตัวเองเล่า?” อู๋ฝานตอบกลับ
“ใต้เท้าอู๋คิดว่าพวกเราเหล่านี้หน้าโง่งั้นหรือ?” จ้าวอิ๋งเฟิงค่อนแคะ “คิดว่าจะมีใครเชื่อข้อแก้ตัวนั้น?”
“แล้วเหตุใดจึงไม่เชื่อ?” อู๋ฝานหันหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเผยบริเวณลำคอด้านซ้ายของตนเองให้จ้าวอิ๋งเฟิงและผู้อื่นได้เห็น “เห็นหรือไม่? รอยแผลบนคอของข้าทำให้ต้องซื้อยามาใช้รักษาตัวเอง หรือข้ารักษาตัวเองก็ไม่ได้กันเล่า?“
เมื่อจ้าวอิ๋งเฟิงและผู้อื่นมองมา แน่นอนว่าย่อมเห็นรอยบนลำคอของอู๋ฝาน คล้ายว่าจะได้รับบาดเจ็บโดยอาวุธมีคม แต่เป็นรอยบางที่มีเพียงเลือดซิบออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ไม่ว่าแผลจะเล็กแค่ไหนก็ยังเป็นแผล อู๋ฝานจะซื้อหายามารักษาตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ทว่าจ้าวอิ๋งเฟิงยังไม่ยอมลดละ ขณะนี้ยังคงโต้เถียงต่อ “เมื่อวานใต้เท้าอู๋แสดงความกล้าหาญได้ยอดเยี่ยม ไฉนวันนี้จึงต้องยุ่งยากซื้อยามารักษาบาดแผลเล็กน้อยแค่นั้น?”
“แล้วข้าทำไม่ได้หรือไร?“ อู๋ฝานถามกลับ
จ้าวอิ๋งเฟิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเจ็บแค้น กระทั่งกัดฟันกรอด “มันก็แค่ข้อแก้ตัว เจ้าต้องจงใจทำแน่ เจ้ากำลังแอบซ่อนมือสังหารเอาไว้!”
“หากใต้เท้าจ้าวมั่นใจเพียงนั้น ได้เห็นกับตาตัวเองงั้นหรือ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ต่อให้ข้าไม่ได้เห็น แต่เจ้าจะต้องซุกซ่อนมือสังหารเอาไว้แน่!” จ้าวอิ๋งเฟิงยังคงยืนกราน
“คล้ายใต้เท้าจ้าวจะพูดอะไรเลอะเลือนไม่มีเหตุผลแล้ว” อู๋ฝานเริ่มแสดงท่าทีโกรธออกมา “ข้าคือจื่อเจวี๋ยที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้ง หากยังใส่ร้ายข้าเช่นนี้ข้าคงต้องทูลให้ฝ่าบาทได้ทราบเรื่อง เมื่อถึงเวลานั้นจะคอยรับชมว่าฝ่าบาทจะเชื่อผู้ใด!”
อู๋ฝานตอบกลับมาด้วยท่าทีไม่ยี่หระจนทำให้จ้าวอิ๋งเฟิงต้องแตกตื่นไปเอง เพราะเขาไม่ทราบแน่ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังมั่นใจล้นพ้นหรือว่าแค่คุยข่มกันแน่
จ้าวอิ๋งเฟิงที่ไม่อาจตัดสินใจได้จึงหันมองทางขุนพลอวี่และกลุ่มคนที่เรียกมา “ตอนนี้มันเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว เหตุใดยังไม่ค้นบ้านที่มันพักอาศัย หากปล่อยมือสังหารให้รอดพ้นไปความผิดจะอยู่กับพวกเจ้า!”
‘เดรัจฉานตัวนี้ไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้าด้วยตัวเอง แต่กำลังคิดลากพวกเราไปเกี่ยวข้อง!’ ขุนพลอวี่สบถออกมาในใจ
แต่พวกเขามีหน้าที่ต้องตรวจค้นหามือสังหารจริง ๆ และยังมีข้อสงสัยในตัวอู๋ฝาน หากไม่ตรวจสอบก็คงเป็นปัญหา ถ้าจ้าวอิ๋งเฟิงนำเรื่องราวนี้ไปฟ้องหาความรับผิดชอบ
หากพวกเขาตรวจสอบก็ไม่ใช่จะหลุดพ้นปัญหา หากเจอมือสังหารในบ้านของอีกฝ่ายก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ อู๋ฝานจะกล่าวโทษพวกเขาจนโดนตำหนิต่อว่าจนเป็นปัญหาเช่นกัน อย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็เป็นจื่อเจวี๋ย ทั้งยังช่วยชีวิตองค์เหนือหัวเอาไว้ครั้งคราหนึ่ง
ดังนั้นขุนพลอวี่และคณะจึงรู้สึกลำบากใจ กระทั่งนึกเสียดายที่ตอนมีโอกาสไม่รีบไปให้พ้นจากที่นี่ การเลือกอยู่รับชมต่อกลายเป็นลากให้ไปจมบ่อโคลนได้ครึ่งตัวเสียแล้ว
ไม่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร จ้าวอิ๋งเฟิงก็ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะอีกฝ่ายแค่ช่วยสืบหาความเป็นไปได้ เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบหาตัวมือสังหาร หากไม่เจออีกฝ่ายก็รอดตัว แต่ถ้าเจออีกฝ่ายจะคว้าเอาความดีความชอบไป เรียกได้ว่าคำนวณผลได้ผลเสียมาแล้วอย่างดีเยี่ยมก็ไม่ผิด
ขณะขุนพลอวี่และคณะกำลังลังเล อู๋ฝานเองก็ไม่ได้วางใจเช่นกัน
แม้ทุกข้อสงสัยที่อีกฝ่ายหยิบยกขึ้นมาได้รับการอธิบายไปหมดแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็สุดท้ายก็แล้วแต่ความคิดของผู้อื่น อีกทั้งจ้าวอิ๋งเฟิงยังจ้องมองประหนึ่งหมาบ้าพร้อมกัด ต่อให้ผู้อื่นไม่มั่นใจ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายปักธงมั่นใจล้นเหลือไปแล้ว อีกทั้งต่อให้หลังการตรวจค้นไม่พบมือสังหารอีกฝ่ายก็ลอยตัวเหนือปัญหา เนื่องจากคนที่ลงมือตรวจสอบเป็นคนอื่น เขาทำก็เพียงชี้แนะข้อคิดเห็นเท่านั้น
เมื่อใดที่เหล่าทหารถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จ ผู้ที่จะตกอยู่ในปัญหาคือเขา เนื่องจากองค์หญิงสามแห่งหนานปิงที่ลอบสังหารจักรพรรดิอยู่ในห้องนอนจริง ๆ หากเมื่อใดตรวจสอบก็จะเจออย่างไม่มีอะไรผิดคาด
อูหย่าที่ซ่อนตัวในห้องนอนได้พบเช่นกันว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี หากจ้าวอิ๋งเฟิงไม่กัดเป็นหมาบ้าเช่นนี้ ลำพังแค่คำอธิบายของอู๋ฝานกับตัวตนและความดีความชอบที่มีก็สมควรผ่านพ้นไปได้แล้ว เหล่าทหารคงออกไปตรวจสอบหาที่อื่นกันเรียบร้อย ทว่าตอนนี้เรื่องราวค่อนข้างเกินกว่าที่จะสามารถควบคุมได้อีก
อูหย่ากำมีดในมือแน่น เพราะทันทีที่ทหารเหล่านั้นเข้ามานางก็พร้อมจะต่อสู้เบิกทาง
“อู๋ฝาน เจ้าอยู่ที่นี่ใช่ไหม? ข้ามาจ่ายหนี้แล้ว!” ขณะบรรยากาศในศาลาพักม้ากำลังอึมครึมและตึงเครียด เสียงเจื้อยแจ้วกลับดังจากภายนอก