ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 507 คำอธิบาย
บทที่ 507 คำอธิบาย
“ข้าไปด้วยก็ได้ แต่ต้องมีหลักประกันด้วยว่าจะไม่มีใครมารบกวนข้าที่นี่อีก” แม้อู๋ฝานจะอยากได้เงิน แต่ที่กังวลยิ่งกว่าคือความปลอดภัยของอูหย่า เพราะอีกฝ่ายแทบไม่ต่างอะไรกับชนักติดหลัง
“ไม่มีปัญหา หวงเจ๋อเจ้าอยู่ที่นี่ อย่าให้ใครหน้าไหนเข้ามาที่นี่ได้อีก” เจ้าฉีกล่าวบอก
เดิมนางก็ไม่มีความคิดจะพาหวงเจ๋อไปด้วยอยู่แล้ว ขณะนี้อู๋ฝานร้องขอมาพอดี นับเป็นข้ออ้างอันเหมาะสม
“แต่ข้าต้องคุ้มครองความปลอดภัยของท่านชายนะขอรับ” หวงเจ๋อแสดงความกังวล
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่ข้าไปด้วย ท่านชายของท่านจะปลอดภัยอย่างแน่นอน” อู๋ฝานตอบกลับ
“ใช่แล้ว เจ้าสู้อู๋ฝานไม่ได้ด้วยซ้ำ อยู่กับเขาปลอดภัยกว่าเจ้าเสียอีก” เจ้าฉีกล่าวตรง ๆ จนแทงใจ
อู๋ฝานมองหวงเจ๋อด้วยสีหน้าท่าทีราวกับกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ จนเกือบจะระเบิดหัวเราะออกมาแล้วด้วยซ้ำ นางพูดความจริงออกมาราวกับไม่เห็นใจผู้รับใช้แม้แต่น้อย
อู๋ฝานเดินไปหาหลี่จื่อหยางก่อนจะเอ่ย “ใต้เท้าหลี่ หลังจากนี้ข้าคงต้องออกไปธุระสักเล็กน้อย ตอนนี้คงอยู่พูดคุยต่อด้วยไม่ได้ ไว้เมื่อใดมีโอกาสข้าจะแวะเวียนไปพบที่จวนท่านนะขอรับ”
หลี่จื่อหยางมองเจ้าฉีที่อยู่ใกล้ ๆ จากนั้นก็หันไปบอกกับอู๋ฝาน “ในเมื่อใต้เท้าอู๋มีเรื่องต้องทำก็อย่าได้รอช้าเลยขอรับ อย่างไรข้าก็รอใต้เท้าอู๋ได้ทุกโอกาสอยู่แล้ว”
เมื่อสิ้นคำกล่าว หลี่จื่อหยางก็โค้งกายประสานมือให้กับทั้งอู๋ฝานและเจ้าฉี จากนั้นจึงหันกายกลับเดินจากไป เนื่องจากเขาทราบตัวตนของนางเป็นอย่างดี ขณะนี้อีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการไปกับอู๋ฝาน เขาหรือจะกล้าลากถ่วงชายหนุ่มเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายขอตัวอย่างชาญฉลาด เนื่องจากธุระที่มาที่นี่วันนี้ก็ไม่ได้สำคัญมากมายอะไร เพียงแค่มาพบเจอเพื่อพูดคุยหาทางสนิทสนมเท่านั้น อย่างไรชายหนุ่มก็เป็นถึงคนที่เคยได้ครอบครองจี้หยกนั้นเอาไว้ และเมื่อวานก็ยังช่วยชีวิตจักรพรรดิ อนาคตที่รอคอยจึงมีแต่ความสดใส หลี่จื่อหยางจึงคิดอยากขอพึ่งพาวาสนานามอู๋ฝานเพื่อแสวงความก้าวหน้าให้มากขึ้น
หลี่จื่อหยางไม่ได้คาดว่าวันนี้จะได้พบเจ้าฉีที่ลานบ้านชั่วคราวของอู๋ฝาน เรื่องนี้จึงยิ่งทำสถานะของชายหนุ่มในความคิดของเขาทั้งสูงส่งและยิ่งสำคัญ
หลังเห็นหลี่จื่อหยางกลับไปแล้ว สถานที่ในเวลานี้จึงชวนอึดอัดขึ้นมา จ้าวอิ๋งเฟิงที่ไม่ทราบควรทำอย่างไรจึงเร่งตามกลับออกไป แต่ก่อนกลับยังหันไปมองเจ้าฉี เมื่อครู่หลี่จื่อหยางทำความเคารพอีกฝ่าย เขาได้เห็นว่าท่าทีและการกระทำนั้นเป็นทางการและสุภาพถึงเพียงใด หากเป็นเพียงแค่คุณชายของครอบครัวขุนนางทั่วไป ต่อให้หลี่จื่อหยางจะสุภาพเพียงใดก็ไม่ควรทำด้วยถึงขนาดนี้ ดังนั้นจึงเป็นการบอกได้ชัดว่าตัวตนของเจ้าฉีต้องไม่ธรรมดา
อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่?
จ้าวอิ๋งเฟิงออกไปจากลานบ้านของอู๋ฝานด้วยความรู้สึกทั้งสงสัยและร้อนรน
อู๋ฝานยืนนิ่งมองตามหลี่จื่อหยางและจ้าวอิ๋งเฟิงที่กลับออกไปและครุ่นคิด
ตอนที่ไปติดต่อหน่วยงานพลเรือน ท่าทีของหลี่จื่อหยางก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงเพราะจี้หยกของเจ้าฉี ดังนั้นอีกฝ่ายจึงควรทราบว่าเจ้าของจี้หยกแท้จริงแล้วเป็นใคร
ตอนที่อู๋ฝานโยนจี้หยกให้เจ้าฉีต่อหน้าผู้คนมากมาย หลี่จื่อหยางเองก็อยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นอีกฝ่ายน่าจะทราบตัวตนของนางแล้ว แต่ขณะเกิดเรื่องที่จ้าวอิ๋งเฟิงใส่ร้าย กระทั่งขุนพลอวี่และผู้อื่นคิดจับกุมตัวลงไม้ลงมือ หลี่จื่อหยางกลับไม่พูดอะไรออกมาเพื่อเป็นการช่วยอีกฝ่าย แต่ทำเพียงยืนนิ่งเฉยรับชมสถานการณ์ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร
ข้อบ่งชี้มีเพียงหนึ่งเดียว หลี่จื่อหยางรู้จักตัวตนของเจ้าฉีอย่างชัดเจนและรู้ว่านางจะไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเลือกนิ่งเฉย กระทั่งปล่อยให้จ้าวอิ๋งเฟิงใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ต่อไป เนื่องจากในฐานะคู่แข่งต่อกัน หลี่จื่อหยางย่อมยินดีหากเจ้าฉีจะลงมือช่วยจัดการจ้าวอิ๋งเฟิงแทน
ท้ายที่สุดแล้วหลี่จื่อหยางก็ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ จ้าวอิ๋งเฟิงใส่ร้ายผู้อื่นสำเร็จ และทำให้เจ้าฉีโกรธจัดเป็นฟืนเป็นไฟ
‘ไม่ผิดแน่ สถานการณ์เช่นตอนนั้นแต่กลับนิ่งเฉยได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว’ อู๋ฝานได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
เรื่องนี้ยิ่งย้ำเตือนอู๋ฝานว่าอย่าได้ถูกหลี่จื่อหยางหลอกลวง อีกฝ่ายเป็นน้ำนิ่งไหลลึกจริง ๆ
แน่นอนว่าสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองยังถือว่าดี ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งใด ๆ ต่อกัน แม้จะมีเจ้าฉีเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลี่จื่อหยางก็ยังค่อนข้างเข้าหาอู๋ฝานอยู่ ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีเรื่องใดให้ต้องกังวล
“ตอนนี้ไปกันได้รึยัง?” เจ้าฉีเดินเข้ามาเอ่ยเร่งเร้า
“รอสักครู่ ข้าจะไปเปลี่ยนชุด จากนั้นก็พร้อมเดินทางไปกันได้” อู๋ฝานตอบกลับ
“เช่นนั้นก็รีบเข้า เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าดูอ้อยอิ่งเสียยิ่งกว่าข้ากัน” เจ้าฉีพึมพำ
อู๋ฝานยิ้มโดยไม่ตอบคำใดกลับ เขาเดินไปเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะปิดประตูลงในทันที
“ชิ! ระวังตัวแจเหมือนกลัวใครจะแอบดู” เจ้าฉีที่เห็นจึงบ่นพึมพำต่อ
“คนผู้นั้นเป็นใคร?” อูหย่าที่เห็นอู๋ฝานเข้ามาแล้วจึงเอ่ยถาม
“สตรีดื้อซนที่ชอบหนีออกจากบ้าน” อู๋ฝานตอบกลับ
“สตรี?” อูหย่าประหลาดใจก่อนจะเดินไปทางประตู และแอบมองผ่านรอยแยกดูภายนอก “ปลอมตัวได้ดี ไม่บอกข้าคงไม่รู้”
หากให้พูดตามตรง ชุดที่เจ้าฉีใช้ปลอมตัวถือว่าดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหรือทรงผมต่างก็ชวนให้มองว่าเป็นบุรุษ และส่วนที่สามารถใช้บ่งบอกเพศได้ดีที่สุดเช่นหน้าอกก็ยังเก็บซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน
แน่นอนว่าหากทราบเรื่องที่นางเป็นสตรีแต่แรก เมื่อพิจารณามองให้ดีย่อมตระหนักเห็นความแตกต่าง
“เดี๋ยวข้าต้องออกไปข้างนอกเสียหน่อย รออยู่ที่นี่อย่างสงบ อย่าเพ่นพ่านไปที่ใด ภายนอกยังมีคนตามหาตัวเจ้าไปทั่ว มีแค่ที่นี่จึงปลอดภัย” อู๋ฝานหยุดพูดถึงเจ้าฉี และบอกสิ่งที่ควรทำให้อูหย่าทราบ
“ข้ารู้แล้ว” อูหย่าตอบรับ
แม้ว่านางจะยังไม่ทราบว่าเพราะอะไรอู๋ฝานจึงต้องการช่วยเหลือตนเอง แต่อีกฝ่ายได้พิสูจน์ด้วยการกระทำแล้วว่ามีเจตนาต้องการช่วยเหลือจริง ๆ และหากเทียบกับสถานที่อื่น ที่แห่งนี้ถือว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว
“ผ่านไปสักพักลั่วเยวี่ยจะช่วยนำยามาให้ หลังได้รับยาแล้วก็พักผ่อน ร่างกายที่เจ็บป่วยเช่นนี้อย่างไรก็ยังไม่เหมาะสมจะหลบหนี” อู๋ฝานบอกต่อ
“นางเชื่อถือได้หรือไม่?” อูหย่าเอ่ยถาม
“เรื่องนั้นวางใจได้” อู๋ฝานตอบรับ “นางเป็นคนช่วยทำแผลให้เจ้าด้วยซ้ำ”
อูหย่าพยักหน้าตอบ
หลังอธิบายให้นางทราบ อู๋ฝานก็เปลี่ยนชุดลำลองก่อนจะเดินออกไป
“เรียบร้อยแล้ว ไปกันได้” อู๋ฝานบอกเจ้าฉี
“ดี” เจ้าฉีพยักหน้าตอบก่อนจะเดินออกไปพร้อมเสี่ยวชิงและอู๋ฝาน
เนื่องจากเจ้าฉีไม่ให้ชายหนุ่มใช้งานลั่วหยาง หน้าที่คนขับรถลากจึงตกเป็นของอู๋ฝานไปโดยปริยาย
หวงเจ๋อยืนที่ตรงหน้าประตูศาลาพักม้า ดูพวกอู๋ฝานเดินทางจากไปแล้วจึงโบกมือขึ้น
กลุ่มคนมากฝีมือจำนวนหนึ่งพลันปรากฏตัวข้างกายหวงเจ๋อ
“ตามองค์หญิงไปและคอยระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย หากเกิดเรื่องราวใดขึ้นให้รีบแจ้งโดยทันที!” หวงเจ๋อออกคำสั่ง
แม้หวงเจ๋อต้องอยู่ที่นี่เพราะคำสั่งขององค์หญิงเจ็ด และทราบดีว่าอู๋ฝานมีฝีมือยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ตัวตนขององค์หญิงเจ็ดเป็นอะไรที่พิเศษ เขาไม่กล้าคลายความระมัดระวังแม้เพียงนิด หากไม่อาจติดตาม เช่นนั้นก็ต้องขอให้คนของตนเองรับช่วงต่อ
“ขอรับ!” กลุ่มองครักษ์ที่หวงเจ๋อนำมาด้วยต่างรับคำเป็นเสียงเดียวก่อนจะตามพวกอู๋ฝานไป
……………………………