ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 515 การสนับสนุน
บทที่ 515 การสนับสนุน
ไวน์สุดเหนือเมฆที่อู๋ฝานนำมาใช้ต้อนรับพวกหวังจื่อหมิงในวันนี้ มันเป็นผลผลิตจากโลกแห่งเกม ดังนั้นรสชาติของมันจึงดียิ่งกว่าของสมนาคุณที่ทางร้านมอบให้ก่อนหน้านี้อยู่พอสมควร และที่โลกแห่งเกมยังใช้เวลาการบ่มเพียงแค่ไม่กี่วัน เรียกได้ว่าเร็วกว่าโลกความเป็นจริงพอสมควร แม้ฝั่งโลกความเป็นจริงก็ถือว่าใช้เวลาน้อยกว่าเครื่องดื่มยี่ห้ออื่นแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับความเร็วการบ่มของโลกแห่งเกม
ปัจจุบันอู๋ฝานไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านเร้นลับ แต่เป็นที่เมืองหลวงของอาณาจักรเหยียนเฟิง ดังนั้นจึงต้องพับโครงการบ่มไวน์เป็นการชั่วคราว ส่วนที่นำออกมาต้อนรับพวกหวังจื่อหมิงครั้งนี้ เป็นส่วนที่นำมาเมืองหลวงตั้งแต่ตอนออกเดินทางจากหมู่บ้านแล้ว จำนวนจึงมีอย่างจำกัด และตอนนี้ก็แค่ต้องการสำรวจตลาดก่อน ดังนั้นจึงยังไม่ถึงคราวให้หลิวอวี่กวงเป็นตัวแทนจำหน่าย
เมื่อหลิวอวี่กวงได้ยินคำตอบจึงผิดหวังไปครู่หนึ่ง นับตั้งแต่ตัดสินใจเป็นตัวแทนจำหน่าย เขาก็หวังจะได้นำเสนอของดีจนได้รับความนิยม ไวน์สุดเหนือเมฆของอู๋ฝานมีศักยภาพอย่างครบถ้วน และรสชาติของไวน์ที่กำลังดื่มอยู่ขณะนี้มันดียิ่งกว่าที่ให้เขาเป็นตัวแทนก่อนหน้านี้มาก
ทว่าที่อู๋ฝานบอกว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังพอมีความหวังให้หลิวอวี่กวง เขาเชื่อว่าตนเองยังมีโอกาสได้เป็นตัวแทนของไวน์นี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ตอนมาถึงที่นี่เมื่อกี้ ผมเห็นว่ากิจการของร้านฝั่งตรงข้ามอย่างคัลเลอร์แมนกำลังรุ่งเรืองพอสมควร รถหรูมากมายต่างจอดหน้าร้าน ป้ายทะเบียนก็คุ้นเคยดี” หลิวอวี่กวงบอก
“เรื่องปกติครับ” อู๋ฝานตอบรับอย่างสงบ
“ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็คิดว่าร้านคัลเลอร์แมนก็แค่กิจการทั่วไปภายใต้ร่มเงาของวังเมฆาสีชาด ไม่ใช่กิจการที่เอาจริงเอาจังอะไร ดังนั้นจะแวะเวียนไปหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด แต่ตอนนี้วังเมฆาสีชาดออกหน้าแล้ว ตระกูลใหญ่ในเจียงโจวเลยต้องไว้หน้า ตระกูลขนาดรองลงไปยิ่งไม่กล้าขัดความต้องการ ไม่แปลกที่กิจการของพวกเราจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา” หวังจื่อหมิงตอบกลับ
“แม้จะพูดแบบนั้น แต่การกระทำของพวกเขาก็เย็นชืดกันจนเกินไปแล้ว” ถังอวี่เฟยเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง
ส่วนทางด้านอู๋ฝานกลับนิ่งนอนใจ กระทั่งยิ้มตอบรับ “ปู่ของคุณไม่ได้บอกว่าอย่ามาร้านผมเหรอครับ? ทำไมวันนี้ยังมาที่นี่อีกกันล่ะ?”
“ฉันก็คือฉัน เขาก็คือเขา จะมาควบคุมบังคับจิตใจกันไม่ได้หรอกค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
อู๋ฝานมองถังอวี่เฟยพลางยิ้ม จากนั้นจึงหันไปบอกหวังจื่อหมิง “แล้วพี่หวังล่ะครับ ทางตระกูลปล่อยให้เข้าหาผมในช่วงเวลาแบบนี้เหรอครับ?”
“ตระกูลฉันไม่ได้เห็นต่างหรือโต้แย้งอะไร” หวังจื่อหมิงยิ้มตอบ “ตระกูลหวังอยู่ในเจียงโจวมานาน พวกเรามีพื้นเพอยู่พอสมควร นอกจากนี้สำนักเบื้องหลังตระกูลของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าวังเมฆาสีชาด”
ห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว ยกเว้นตระกูลถังต่างก็อยู่ภายใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่เช่นสำนักที่อยู่โลกเบื้องหลัง เรียกได้ว่าเป็นปกติซะด้วยซ้ำ เพราะเมื่อตระกูลพัฒนาจนถึงจุดหนึ่งแล้ว เมื่อนั้นก็จำเป็นต้องเข้าหาสำนัก ไม่เช่นนั้นการพัฒนาตระกูลจะเจออาการตีบตันจนยากจะก้าวหน้าไปต่อได้
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ตระกูลหวังจะมีสำนักอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน หากความแข็งแกร่งของสำนักดังกล่าวทัดเทียมกับวังเมฆาสีชาด เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นใดต้องไว้หน้าอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ใช่ถึงขนาดจะต่อต้านอีกฝ่ายอย่างออกหน้าเช่นกัน เพียงเท่านั้นก็ยังสามารถวางตัวอยู่ตรงกลางโดยไม่เกิดปัญหา
เรื่องที่หวังจื่อหมิงเข้าหาอู๋ฝานเพื่อตีสนิทจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แม้ชายหนุ่มจะค่อนข้างมีหน้ามีตาในแวดวงทายาทตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว แต่อย่างไรก็ไม่ใช่เสาหลักของตระกูลหวัง เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้สืบทอด ดังนั้นจึงไม่อาจใช้ตัวแทนของทั้งตระกูล ดังนั้นต่อให้วังเมฆาสีชาดไม่พอใจหวังจื่อหมิง อย่างไรก็ไม่อาจกล่าวโทษตระกูลหวังได้
อู๋ฝานมองทางหลิวอวี่กวงอีกครั้ง อีกฝ่ายจึงตอบกลับ “อย่ามองผมแบบนั้นเลยครับ พวกคุณก็ทราบสถานการณ์ของผมดี ผมเป็นคนที่โดนมองข้ามในตระกูลหลิวด้วยซ้ำ ยังไงก็ไม่มีทางเป็นตัวแทนแสดงท่าทีของทั้งตระกูลได้ ต่อให้เป็นวังเมฆาสีชาด ก็คงไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีคนอย่างผมอยู่ในตระกูลหลิว”
คำพูดของหลิวอวี่กวงเปรียบดังการถ่อมตัว แต่มันคือเรื่องจริง ตระกูลหลิวมีทายาทมากมาย หลิวอวี่กวงเป็นหนึ่งในทายาทก็จริง แต่เป็นคนที่ทางตระกูลมองข้าม ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่วังเมฆาสีชาดจะรับรู้ถึงตัวตนของคนเช่นเขา
ยิ่งไปกว่านั้น หลิวอวี่กวงยังตัดสินใจเกาะต้นขาอู๋ฝานเรียบร้อยแล้ว เขาย่อมเข้าใจดีว่าแม้จะเป็นสถานการณ์เช่นตอนนี้ก็ต้องไม่ถอย ไม่เช่นนั้นแล้วในอนาคตจะไม่ได้รับความเชื่อใจจากอีกฝ่าย เรียกได้ว่าครั้งนี้เป็นการเดิมพันก็ไม่ผิด หากชนะขึ้นมาเขาก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากอีกฝ่าย อาชีพการงานในภายหน้าจะยิ่งมั่นคงและก้าวหน้า แต่ถ้าพ่ายแพ้ ทางตระกูลคงไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ แม้จะเป็นคนที่โดนมองข้าม แต่ตระกูลหลิวก็ไม่ได้เพิกเฉยถึงขนาดนั้น เมื่อใดวังเมฆาสีชาดเอาจริงขึ้นมา ทางตระกูลหลิวก็ต้องหาคำอธิบายมอบให้ ถึงเวลานั้นคงส่งตัวหลิวอวี่กวงไปอธิบายการกระทำด้วยตนเอง
แม้ภายนอกแล้วอู๋ฝานดูมีความหวังจะได้รับชัยชนะ แต่หลิวอวี่กวงก็ยังมองว่าเป็นการเดิมพัน เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่มีอะไรให้ต้องเสียแล้ว แทนที่จะใช้ชีวิตอยู่ใต้เงา ตัวเขาคิดอยากทดลองเพื่อไขว่คว้าโอกาส
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ ความจริงเรื่องที่หลิวอวี่กวงมาที่นี่วันนี้ อย่างน้อยก็มีความหมายให้เขาต้องจดจำอีกฝ่ายเอาไว้ในใจแล้ว
จากนั้นเขาก็มองทางเกิ่งหย่าเฟย เธอยิ้มรับก่อนจะตอบกลับมา “ตระกูลเกิ่งของพวกเราไม่ใช่ตระกูลใหญ่โตอะไร ฉันก็เหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง สำนักใหญ่อย่างวังเมฆาสีชาดไม่มองมดตัวจ้อยอย่างพวกเราอยู่แล้วค่ะ และพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ฉันไปมาหาสู่ใช่เรื่องแปลกตรงไหน”
สำหรับคนธรรมดาแล้ว ตระกูลเกิ่งถือได้ว่าร่ำรวยอยู่พอสมควร แต่หากมองทั่วทั้งเจียงโจว เรียกได้ว่าไม่มีทางติดอันดับ ดังนั้นเกิ่งหย่าเฟยจะคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ถ้าคิดแบบนั้น บางทีคงเป็นการปรามาสสำนักพวกนั้นจนเกินไปนะครับ” อู๋ฝานตอบ “หมายถึงประเมินความไร้ยางอายของพวกเขาต่ำเกินไป”
อู๋ฝานไม่ค่อยทราบเรื่องราวในแวดวงผู้ฝึกตนสักเท่าใด แต่ทราบดีว่าสำนักมากมายพร้อมจะทำทุกทางเพื่อให้เป้าหมายบรรลุผลสำเร็จ แม้ครอบครัวของเกิ่งหย่าเฟยจะไม่ได้มีชื่อเสียงใดในเจียงโจว แต่อย่างไรก็ยังพอมีสถานะตัวตนอยู่ ในกรณีที่วังเมฆาสีชาดออกปากแล้ว แต่เกิ่งหย่าเฟยยังคงมาอุดหนุนร้านโลกในแหวน อย่างไรก็แทบไม่ต่างกับการยั่วยุวังเมฆาสีชาด และเนื่องจากตระกูลเธอไม่ได้ทรงอำนาจหรือมีสำนักเบื้องหลัง ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตกเป็นเป้าหมายของวังเมฆาสีชาด
“จริงเหรอคะ? คงไม่หรอกมั้ง” หลังได้ยินคำอธิบายของอู๋ฝาน เกิ่งหย่าเฟยก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ยังยิ้มออก “ช่างมันค่ะ ยังไงฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว จะให้ออกไปก็ยังไงอยู่ หรือต่อให้ออกไปตอนนี้ก็คงเท่านั้น”
แม้เกิ่งหย่าเฟยจะกังวลขึ้นมา แต่ก็มองว่าไม่มีทางที่วังเมฆาสีชาดจะลงมือกับตระกูลเกิ่งที่ขนาดค่อนข้างเล็ก เป็นไปได้ว่าอู๋ฝานอาจจะกังวลมากเกินไปเอง
อู๋ฝานไม่เอ่ยอะไรต่อ ที่เกิ่งหย่าเฟยพูดก็ไม่ผิด ในเมื่อเธอมาถึงที่นี่แล้ว ต่อให้ออกไปตอนนี้ วังเมฆาสีชาดก็คงไม่มีทางทำเหมือนว่าเธอไม่เคยมา
หากตระกูลเกิ่งต้องแบกรับเพราะเรื่องนี้จริง อย่างไรอู๋ฝานก็ไม่มีทางนิ่งดูดายอย่างแน่นอน
……………………………