ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 517 งานเลี้ยงหงเหมิน
บทที่ 517 งานเลี้ยงหงเหมิน
“เรื่องจำเป็นต้องคลี่คลายครับ” อู๋ฝานเผยยิ้มบางตอบรับ “ต่อให้วันนี้ผมไม่ไปตามคำเชิญ พวกเขาก็คงไม่ปล่อยไปอยู่ดี และครั้งถัดไปอาจมาเคาะถึงหน้าประตูบ้านอย่างที่ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้อีก”
พวกหวังจื่อหมิงไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ พวกเขาทราบดีว่ามันจะเป็นเช่นที่อู๋ฝานพูด วังเมฆาสีชาดให้เวลาปิดร้านโลกในแหวนสามวัน ขณะนี้ผ่านพ้นกำหนดแล้ว แต่ร้านยังคงเปิดทำการ ไม่มีทางที่เรื่องจะสิ้นสุดลงเพียงแค่เท่านี้ อีกฝ่ายส่งเทียบเชิญมาให้ย่อมเป็นการแสดงออกว่าคำข่มขู่ก่อนหน้าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ต่อให้วันนี้ชายหนุ่มไม่ไป เรื่องราวก็ไม่มีทางจบ
“ให้คนตามไปด้วยดีไหม?” หวังจื่อหมิงเอ่ยแนะนำขึ้น
หวังจื่อหมิงมาเยี่ยมตลอดช่วงสามวัน ดังนั้นจึงทราบดีว่าอู๋ฝานไม่มีกำลังเสริมใดมาสนับสนุนทั้งสิ้น จนถึงตอนนี้ก็ยังโดดเดี่ยว ปัจจุบันได้รับคำเชิญให้ไปพบ เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาดี หากมีคนอื่นไปด้วยอาจจะช่วยทำให้ปลอดภัยมากขึ้น
“ไม่จำเป็นครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ถ้าผมจะกลับ ก็ไม่มีใครหน้าไหนหยุดเอาไว้ได้!”
อู๋ฝานไม่เคยข้องเกี่ยวกับคนของวังเมฆาสีชาด ดังนั้นจึงไม่ทราบพละกำลัง แม้ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะพวกเขาเหล่านั้นได้หรือไม่ แต่หากกล่าวถึงแค่การออกมา คนจากวังเมฆาสีชาดจะไม่มีทางหยุดยั้งได้ เรื่องนี้ตนมั่นใจยิ่งกว่าใคร!
“ภูเขาน้ำแข็ง เธอไม่ห่วงอู๋ฝานเลยงั้นเหรอ?” ถังอวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะถามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เงียบมาโดยตลอด
“ไม่ห่วง” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับมาอย่างสงบ “เจ้าวังเมฆาสีชาดคงไม่มีทางออกหน้าเพราะเรื่องเล็กน้อยของโลกเบื้องหน้า ไม่ว่าจะด้วยอะไรมันก็เป็นแค่เรื่องของกิจการโลกเบื้องหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นจานเฮ่อที่เป็นผู้อาวุโสนอกสำนักแห่งวังเมฆาสีชาดต่างหากที่ต้องรับผิดชอบ อย่างมากอีกฝ่ายก็แข็งแกร่งราวขอบเขตสว่างขั้นสูง ขอบเขตแค่นั้นแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางเทียบอู๋ฝานได้ เพราะแบบนั้นต่อให้เขาไปงานเลี้ยงครั้งนี้ก็ไม่มีอันตรายอะไร”
แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะดูค่อนข้างไม่ใส่ใจ แต่เธอได้ลอบหาข้อมูลของวังเมฆาสีชาดมาแล้ว โดยทั่วไปสำนักผู้ฝึกตนจะแทบไม่สนใจเรื่องราวของโลกเบื้องหน้า แม้ร้านคัลเลอร์แมนจะสามารถทำเงินได้ แต่ก็ไม่มีอิทธิพลถึงขนาดนั้น อย่างไรวังเมฆาสีชาดก็ไม่ได้ทำธุรกิจแค่อย่างหรือสองอย่าง ดังนั้นเรื่องราวที่นี่ย่อมไม่มีทางไปถึงหูของเจ้าวังเมฆาสีชาด
ดังนั้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงไม่กังวลกับตัวตนของจานเฮ่อ อย่างไรอู๋ฝานก็เคยสังหารเถาหรูไห่ที่เป็นขอบเขตแปรสภาพขั้นกลางมาได้ ดังนั้นต่อให้มีขอบเขตมืดขั้นสูงมายุ่งเกี่ยวก็ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามแก่ชายหนุ่ม
แน่นอนว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ทราบเรื่องที่อู๋ฝานไม่ใช่คนสังหารเถาหรูไห่จริง ๆ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตอัญเชิญ แน่นอนว่าแม้เป็นสิ่งอัญเชิญแต่ก็ถือเป็นความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งของเขา เครดิตเช่นเรื่องการสังหารเถาหรูไห่จึงตกเป็นของอู๋ฝานอยู่ดี
“ก็ตามที่ว่านั่นแหละครับ!” อู๋ฝานเอ่ยคำชื่นชม “วันนี้เป็นงานเลี้ยงหงเหมิน*[1]จริง ๆ แต่ยากจะบอกว่าใครจะเล่นงานใครกันแน่”
อู๋ฝานทราบดีว่าการนัดพบวันนี้ต้องไม่ใช่การพูดคุยธรรมดา แต่อย่างไรเขาก็ต้องไป ไม่เช่นนั้นแล้วเรื่องนี้จะไม่มีทางคลี่คลาย มันจะดีที่สุดหากสามารถเจรจากับวังเมฆาสีชาดได้ แต่หากว่าไม่ เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกฝ่าย
เมื่อเห็นอู๋ฝานแสดงความมั่นใจ กลุ่มคนจึงหยุดการเกลี้ยกล่อม
“ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วดีกว่า” อู๋ฝานเอ่ยตัดบท “นายน้อยหลิว สถานการณ์การจำหน่ายสุดเหนือเมฆเป็นยังไงบ้างครับ?”
ร้านโลกในแหวนเป็นกิจการของอู๋ฝาน ไวน์สุดเหนือเมฆก็เช่นกัน เรื่องธุรกิจไม่มีทางหยุดอยู่กับที่ได้
ไวน์สุดเหนือเมฆเริ่มออกวางจำหน่ายแล้ว นอกจากเจียงโจวก็มีตัวแทนจำหน่ายจากเมืองอื่นใกล้เคียง รากฐานจะเริ่มจากเจียงโจวกระจายออกไปเป็นวงกว้าง สุดเหนือเมฆจะเริ่มขยายไปยังเมืองอื่นที่อยู่ไกลออกไป ฝ่ายขายของทางโรงงานก็กำลังโปรโมตกันอย่างเต็มที่ แน่นอนว่ายิ่งเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ไกลห่างออกไปเท่าใด การโปรโมตก็ยิ่งทำได้ยากเท่านั้น แต่เชื่อว่าด้วยรสชาติของตัวสินค้าและคำบอกเล่าปากต่อปากที่กำลังกระจายออกไปนั้น การจะวางขายได้ทั่วประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลเกินเอื้อม
“ยอดขายดีมากเลยครับ” หลังได้ยินคำถามของอู๋ฝาน หลิวอวี่กวงจึงดวงตาเป็นประกายราวกับหลอดไฟที่สว่างขึ้น
“เพราะได้รับการนำเสนอผ่านร้านโลกในแหวนด้วยส่วนหนึ่ง รวมกับการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสุดเหนือเมฆระดับต้นหรือระดับสูงต่างก็ติดตลาดอย่างรวดเร็ว รวมกับคำเล่าลือปากต่อปากของผู้ที่ได้ลิ้มลองจึงยิ่งมีกระแสดีครับ” หลิวอวี่กวงตอบกลับมาด้วยอาการตื่นเต้นยินดี
ช่วงที่ผ่านมา หลิวอวี่กวงเป็นเพียงทายาทตระกูลผู้ทำได้เพียงรอได้กินไปจนตาย แม้เขาพยายามอยากจะเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อทดลองหลายครั้งกลับพบว่าล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ จนกระทั่งได้พบอู๋ฝานและตัดสินใจเกาะต้นขาอีกฝ่ายไว้ สถานการณ์ของเขาจึงเริ่มเปลี่ยนแปลง การได้รับเลือกเป็นตัวแทนจำหน่ายสุดเหนือเมฆ ทำให้เขารู้สึกว่ามันคือการเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
“งั้นก็ดีแล้วครับ” อู๋ฝานตอบรับ
แท้จริงแล้วเขาทราบจากสถานการณ์การขนส่งพัสดุจากทางโรงงานแล้ว เรียกได้ว่าสุดเหนือเมฆขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทุกวันจะมีการส่งออกไปจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง อู๋ฝานจับตลาดการขายกลุ่มเริ่มต้นที่ราคาขวดละห้าสิบแปดหยวน ขณะที่ตามหลักความเป็นจริงแล้วไวน์สุดเหนือเมฆระดับต้น เทียบได้กับเครื่องดื่มชนิดเดียวกันระดับสูงราคาหลักหลายร้อยถึงหลายพัน ส่วนต่างราคาและรสชาติที่ดีกว่าจึงสามารถทำให้จับตลาดได้
รสชาติที่ดีรับกับราคาที่ถูกถือเป็นของที่ใครก็ชื่นชอบ
“นายน้อยอู๋ พอจะให้ส่วนแบ่งสุดเหนือเมฆระดับสูงเพิ่มได้ไหมครับ ทางฝั่งผมค่อนข้างขาดแคลนสินค้าพอสมควร” หลิวอวี่กวงเอ่ยปากขอจากอู๋ฝาน
“ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้ครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “กระบวนการบ่มไวน์ทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกัน ปริมาณที่สามารถผลิตได้จึงแตกต่างกันค่อนข้างมาก ที่จัดสรรให้นั้นถือว่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในปัจจุบันแล้วครับ”
สุดเหนือเมฆระดับต้นมีอาจารย์หลี่รับผิดชอบ มันจัดทำขึ้นโดยใช้อุปกรณ์และกระบวนการบ่มไวน์ที่ทันสมัยและก้าวหน้า ดังนั้นจึงมีสัดส่วนการใช้แรงงานที่มากเพื่อผลการผลิตสูงสุด จำนวนการส่งออกต่อวันถือว่ามากจนจะรองรับตลาดได้แล้ว
ส่วนสุดเหนือเมฆระดับสูงคือส่วนที่อู๋ฝานจัดตั้งขึ้นมาเอง มันต้องผ่านกระบวนการบ่มขึ้นด้วยมือ มีความละเอียดอ่อน รสชาติของมันจึงดีกว่าสุดเหนือเมฆระดับต้นอยู่หลายเท่า แต่เพราะความละเอียดอ่อนจึงทำให้ผลิตได้จำนวนน้อย แน่นอนว่าเขามีแผนขยายขนาดการผลิตให้ไวน์ทั้งสองชนิดอยู่แล้วเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากทั้งสองอย่างนั้นแล้ว ยังมีสุดเหนือเมฆแบบจำกัดจำนวนอยู่ด้วย อู๋ฝานบ่มพวกมันขึ้นที่โลกแห่งเกม รสชาติดีกว่าของที่ผลิตขึ้นในโลกความเป็นจริง ผู้ที่เคยได้ลิ้มลองอย่างหวังจื่อหมิงและหลิวอวี่กวงต่างก็บอกว่าไม่ต่างกับการได้ขึ้นสวรรค์ รสชาติหอมหวานกระจายทั่วทั้งปากประหนึ่งได้อยู่ในดินแดนเทพเซียนร่ำสุรา
แต่สุดเหนือเมฆแบบจำกัดจำนวนนั้น เพราะอู๋ฝานยังไม่ได้เดินทางกลับหมู่บ้านเร้นลับจึงยังไม่มีทางบ่มเพิ่มเติมได้ จึงต้องมองว่าเป็นของที่มีตลาดแต่ไม่มีสินค้าเป็นการชั่วคราว ทว่าสำหรับการดื่มในกลุ่มเพื่อนฝูงยังพอมี ดังนั้นจึงทำให้ทั้งหวังจื่อหมิงและหลิวอวี่กวงแวะเวียนมาที่ร้านทุกวันไม่ขาด
“ทราบแล้วครับ ถ้านายน้อยอู๋จะเปิดขวดไวน์ที่นี่อีกเมื่อไหร่ก็อย่าลืมเชิญชวนผมด้วยนะครับ” หลิวอวี่กวงเคยไปเยี่ยมเยือนโรงงานสุดเหนือเมฆมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงทราบดีว่าอะไรเป็นอะไร ขณะนี้จึงไม่คิดกดดันอะไรอีก และสิ่งที่หาได้ยากมักมีราคาแพงขึ้นอยู่แล้ว ยิ่งไวน์สุดเหนือเมฆระดับสูงมีน้อยเท่าไหร่ ราคาของมันก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น อู๋ฝานเปิดราคาขายสุดเหนือเมฆระดับสูงที่ห้าร้อยแปดสิบแปดหยวนต่อขวด แต่ราคาที่มีการนำไปขายต่อในตลาดมืดนั้นพุ่งขึ้นไปเกือบถึงหนึ่งพันเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่บางช่วงเวลาเกิดภาวะคนให้ราคาสูงแต่ไร้ผู้ขายก็มี
ทั่วทั้งเจียงโจวในเวลานี้ สถานที่หนึ่งเดียวซึ่งหากมาแล้วจะได้ดื่มสุดเหนือเมฆระดับสูงแน่นอน ก็มีแต่ที่ร้านโลกในแหวนเพียงแห่งเดียวเท่านั้น!
[1] งานเลี้ยงหงเหมิน เป็นเหตุการณ์ช่วง 206 ปีก่อนคริสตกาลในราชวงศ์ฉิน ในช่วงที่เซี่ยงอวี่และหลิวปังกำลังชิงความเป็นใหญ่ เซี่ยงอวี่ได้จัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่ฉลองความสำเร็จแก่หลิวปัง แต่แท้จริงเป็นงานเลี้ยงเลือดที่ซ่อนทั้งอาวุธและมือสังหารเพื่อลอบสังหารหลิวปัง
……………………………