ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 522 พบเจอ
บทที่ 522 พบเจอ
ปัจจุบันคือโอกาส!
ในฐานะสำนักชั้นหนึ่งแห่งเจียงโจว อิทธิพลของพวกเขาถือว่ายิ่งใหญ่ ขณะนี้สำนักเรืองอำนาจดังกล่าวกำลังช่วยเหลือพ่อของหลี่ปิง ดังนั้นเรื่องการเข้ายึดตระกูลเกิ่งจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ
เพราะเหตุผลดังกล่าวพ่อลูกตระกูลหลี่จึงตระหนักได้ถึงความคับข้องระหว่างอู๋ฝานและวังเมฆาสีชาด หากครั้งนี้อู๋ฝานหาทางไกล่เกลี่ยกับวังเมฆาสีชาดได้ขึ้นมา เมื่อนั้นพวกเขาคงไม่ให้การช่วยเหลือเรื่องยึดตระกูลเกิ่งอีก
แต่ขณะนี้อู๋ฝานไม่มีทีท่าเป็นเช่นนั้น กระทั่งเลือกต่อกรกับวังเมฆาสีชาด เช่นนั้นสำนักใหญ่แห่งเจียงโจวมีหรือจะยอมนิ่งเฉย?
อู๋ฝานมีชะตาต้องตาย! ตระกูลเกิ่งกำลังเผชิญหายนะ!
“ลูกพ่อ ช่วงที่พ่อออกไปข้างนอกคอยเฝ้าบ้านเอาไว้ให้ดี ถ้ามีความคืบหน้าอะไรก็บอกให้รู้ด้วย” หลังพ่อของหลี่ปิงวางสายโทรศัพท์ เขาก็ลุกขึ้นยืนสวมเสื้อคลุม ก่อนจะหันไปบอกกับหลี่ปิงและเดินออกไป
“ทราบแล้วครับ” หลี่ปิงพยักหน้าตอบรับ “พ่อคงไม่เล่นงานเกิ่งหย่าเฟยจนถึงตายหรอกใช่ไหมครับ?”
“อะไรกัน? ลูกสนใจเธอคนนั้นงั้นเหรอ?” พ่อของหลี่ปิงถาม
“ไม่ครับ แต่พอไล่ตามเธอคนนั้นนานเข้า มือกลับยังไม่เคยได้จับ แม้จะช่วยไม่ได้ แต่ผมก็เริ่มชอบเธอขึ้นมาแล้วครับ” หลี่ปิงตอบ
“รู้แล้ว” พ่อของหลี่ปิงพยักหน้าตอบ “พ่อจะสยบเด็กน้อยเกิ่งนั่นให้เอง ลูกรอไม่นานหรอก”
“ขอบคุณครับ!” หลี่ปิงตอบรับด้วยความตื่นเต้นยินดี
ไม่ว่าจะหลี่ปิงหรือผู้เป็นพ่อต่างก็รู้สึกว่าตระกูลเกิ่งคงไม่มีทางรอดจากการลงมือของวังเมฆาสีชาด เมื่อใดเริ่มต้นเมื่อนั้นย่อมต้องถูกบีบบังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้ เกิ่งหย่าเฟยที่อาจจะยอมรับเรื่องราวไม่ได้อาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย
หลี่ปิงไม่สนว่าเกิ่งหย่าเฟยจะอยู่หรือตาย เพียงแต่ต้องการร่วมรักกับเธอคนนั้นให้สาแก่ใจจะได้ไม่มีอะไรค้างคา ส่วนหลังจากนั้นอีกฝ่ายจะเลือกเดินบนหนทางใดต่อ เขาไม่คิดใส่ใจแม้แต่น้อย
‘เกิ่งหย่าเฟย ชอบเมินฉันดีนักใช่ไหม? ครั้งนี้จะเป็นเธอที่ต้องร้องขอความเมตตาฉันบนเตียง!’ หลี่ปิงครุ่นคิดถึงฉากได้ทารุณกรรมเกิ่งหย่าเฟย และอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มชั่วร้ายพลางส่งเสียงหัวเราะออกมา
ส่วนทางด้านอู๋ฝานที่เขาเกลียดชังยิ่งกว่า หลี่ปิงไม่คิดสนใจแล้ว ในเมื่อวังเมฆาสีชาดมีเป้าหมายหลักคืออีกฝ่ายโดยตรง เขาไม่คิดว่าคนคนนั้นจะสามารถเอาชีวิตรอดไปจากเจียงโจวได้ หากรอดก็ต้องหลบหนีจากเจียงโจวด้วยความอับอายล้นเหลือ หรือไม่ก็โดนฆ่าตายจนไม่เหลือตัวตน
ความเป็นไปได้ไม่มีทางเกินสามประการนี้!
นอกจากเจียงอวี่และหลี่ปิงที่ให้ความสนใจเรื่องทางฝั่งอู๋ฝาน หวังจื่อหมิง หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เกิ่งหย่าเฟย และถังอวี่เฟยต่างก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน แต่หากเทียบกับพวกเจียงอวี่และหลี่ปิงที่หวังได้เห็นหายนะแก่ชายหนุ่ม พวกหวังจื่อหมิงกำลังกังวลถึงความปลอดภัย
อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงวังเมฆาสีชาด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเล่นบทคนดี และอู๋ฝานยังไปลำพังโดยที่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับอันตราย
แต่อู๋ฝานไม่ต้องการให้พวกเขาช่วย ดังนั้นพวกหวังจื่อหมิงจึงทำได้เพียงอดทนและรอว่าเรื่องราวจะดำเนินไปจนถึงจุดใด
ไม่นานหลังอู๋ฝานเข้ามายังร้านคัลเลอร์แมน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นสองของร้านคัลเลอร์แมนเช่นกัน แต่เธอในวันนี้ปลอมแปลงโฉมอย่างเนียบเนียน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าเป็นเธอ
แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะแสดงออกเหมือนไม่ได้กังวลหรือห่วงหาในช่วงที่ทุกคนกำลังคาดคิดกันไป ทว่าเธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ อย่างไรร้านคัลเลอร์แมนก็เป็นเจ้าถิ่น แม้อู๋ฝานจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ
ดังนั้นเธอจึงลอบมาที่นี่โดยลำพัง
เหล่านายน้อยและคุณหนูจากตระกูลใหญ่ในเจียงโจวต่างก็กำลังจับตามองสถานการณ์ที่ร้านคัลเลอร์แมนกันอย่างใกล้ชิด
ขณะดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกมารวมกันที่นี่ อู๋ฝานที่เป็นหนึ่งในต้นเรื่องกลับยังสงบนิ่ง เพราะหวงถิงเฟิงนำทางให้ เขาจึงมาถึงห้องส่วนตัวที่ใหญ่โตและหรูหราที่สุดของทางร้าน และภายในห้องมีคนผู้เดียวนั่งอยู่ เป็นชายอายุราวห้าสิบปี
“ผู้อาวุโสจาง อู๋ฝานมาแล้วครับ” หวงถิงเฟิงบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมแก่ชายชรา
ชายชรามองอู๋ฝานก่อนจะดื่มไวน์ต่อพลางทานอาหาร
ผู้ฝึกตนมักไม่ฟุ้งเฟ้อในวัตถุของโลกเบื้องหน้า พวกเขาไม่มีความสนใจในอาหารเหมือนคนธรรมดา ส่วนผู้อาวุโสที่น่าจะรับการฝึกฝนมายาวนานหลายปีเช่นจานเฮ่อมีท่าทีเช่นนี้ บ่งบอกว่านับตั้งแต่เป็นผู้อาวุโสนอกสำนักแห่งวังเมฆาสีชาดก็รับผิดชอบเรื่องโลกเบื้องหน้ามาโดยตลอด ดังนั้นวิถีชีวิตจึงต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทสังคมตามความเหมาะสม หากจะรักชอบการดื่มและกินก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“เหมือนผู้อาวุโสจางจะยุ่ง งั้นเอาไว้พูดคุยกันคราวหลังก็แล้วกัน” อู๋ฝานมองจานเฮ่อก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
เพียงเอ่ยจบ อู๋ฝานก็หันกลับเตรียมเดินออกไป
หวงถิงเฟิงไม่คาดว่าอีกฝ่ายที่มาถึงที่นี่แล้วจะยังกล้าหันกลับไป ตอนนี้จึงมาหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว “อู๋ฝาน วันนี้แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
“ผู้จัดการหวงคิดอยากจับคนขังประหนึ่งเรือนจำรึไง?” อู๋ฝานมองหวงถิงเฟิงพลางถามด้วยอาการสงบ แต่ดวงตาทอประกายคมกล้า
หวงถิงเฟิงที่เผชิญกับสายตาคู่นี้ถึงกับตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเคยรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย และทราบดีว่าตนเองไม่อาจต่อกรได้ เหตุผลที่เขามาห้ามเอาไว้เมื่อครู่เป็นการกระทำโดยไม่รู้ตัว ขณะนี้พอนึกถึงความสามารถของชายหนุ่มแล้ว เขาจึงรู้สึกว่าตนเองแสนจะอ่อนแอขึ้นมาในทันที
หวงถิงเฟิงมองทางจานเฮ่อเป็นการขอความช่วยเหลือ ราวกับหวังว่าอีกฝ่ายจะออกตัวช่วย หรืออย่างน้อยก็หยุดการกินดื่ม
“คนหนุ่มสาวสมัยนี้นับวันยิ่งไม่มีมารยาท ไม่รู้เลยรึไงว่าควรต้องคำนับทักทายใคร นี่เหรอท่าทีที่มีต่อผู้ที่อาวุโสกว่า?” จานเฮ่อวางแก้วไวน์ลงพลางจ้องมองอู๋ฝานด้วยสายตาเย็นชา
“ผู้อาวุโส?” อู๋ฝานหันกลับไปมองอีกฝ่ายพลางถาม “อยู่ที่ไหนกันเหรอ? เหมือนจะเห็นแต่ตาแก่ไร้ยางอายคิดแต่จะกลั่นแกล้งคนอื่น”
“อายุยังน้อยแต่ฝีปากคมกล้าดี!” จานเฮ่อตอบกลับ “แต่ไม่รู้ว่าความมั่นใจและความกล้าหาญนี้จะมีความสามารถรองรับหรือไม่!”
“อยากทดสอบงั้นสิ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“อู๋ฝาน ฉันคนนี้รู้ดี!” จานเฮ่อไม่ตอบคำถามของอู๋ฝาน แต่เลือกที่จะเอ่ยถึงเรื่องอื่น “ร้านโลกในแหวนเป็นกิจการของแก และก็เป็นแกที่มอบวิชาระดับลึกล้ำออกมาในงานเลี้ยงของตระกูลถัง”
“ทุกคนในเจียงโจวก็รู้สองเรื่องนี้กันทั้งนั้น กระทั่งรู้ดีกันด้วยซ้ำ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาทบทวนอะไร” อู๋ฝานยังคงอยู่ในอาการสงบตอบคำกลับ
“ไอ้หนู อย่าคิดจะกระตุ้นโทสะคนอย่างฉัน มันไม่ใช่อะไรที่คนอย่างแกจะรับได้ไหว!” จานเฮ่อหรี่ตาก่อนจะตอบคำด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม “ที่ฉันเรียกแกมาที่นี่วันนี้ก็ไม่มีอะไร ส่งมอบร้านโลกในแหวนมา แล้วฉันจะปล่อยให้แกมีชีวิตรอดไปจากเจียงโจว”
“วังเมฆาสีชาดใช้วิธีสยบคนอื่นกันแบบนี้?” อู๋ฝานตอบกลับโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “คิดจะยึดกิจการของคนอื่นโดยบีบบังคับให้ส่งมอบ เสร็จแล้วก็ขับไล่ฉันคนนี้ไปจากเจียงโจวอย่างนั้นเหรอ พอได้ฟังจากปากคนอย่างแกแล้วมันน่าสะอิดสะเอียนดีจริง ๆ นี่ต้องพูดคำว่าเป็นเกียรติที่ได้รับใช้ด้วยไหม?”
“ฉันไม่สนใจว่าคนอย่างแกจะคิดยังไง” จานเฮ่อตอบกลับ “มันเป็นคำสั่งของฉัน ต่อให้ไม่อยากฟังก็ต้องฟัง ถ้าทำตามที่ฉันบอก แกก็จะออกไปจากเจียงโจวได้อย่างปลอดภัย ถ้าไม่…”
ยิ่งจานเฮ่อพูดมากขึ้นเท่าไหร่น้ำเสียงก็ยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้นเท่านั้น เจตนาข่มขู่ในถ้อยคำแสดงออกชัดอย่างไม่คิดปิดบัง
……………………………