ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 526 พลั้งมือ
บทที่ 526 พลั้งมือ
“โอ้ ตามมากันจริงด้วย”
หลังอู๋ฝานออกจากร้านคัลเลอร์แมนและขึ้นรถ ก็ได้เห็นผ่านทางกระจกมองหลังว่ามีรถที่ขับตามมา เรียกว่าไม่ต้องเสียเวลาคิดก็ทราบว่าเป็นใคร
หลังทราบว่ามีคนตามมา เขาจึงไม่ตรงกลับร้านโลกในแหวนหรือว่าบ้าน ไม่แม้กระทั่งโทรเรียกความช่วยเหลือ แต่หมุนพวงมาลัยขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังบริเวณที่เปล่าเปลี่ยว
รถที่ตามหลังมาเปลี่ยนทิศทางขับตามมาเช่นกัน
“ตึก!”
อู๋ฝานหยุดรถลงบริเวณซอยเปล่าเปลี่ยวไกลห่าง หลังลงจากรถจึงเห็นรถคันเดิมที่ตามมาตั้งแต่แรกจอดอยู่ด้านหลังไกลออกไป
เมื่อรถหยุด คนสองคนจึงเดินลงมา พร้อมก้าวเข้าหาอู๋ฝานด้วยสีหน้าขึงขัง
“มาจากวังเมฆาสีชาดงั้นสิ?” อู๋ฝานเอ่ยถามอย่างเฉยชา ขณะยืนนิ่งมองสองคนที่เข้ามาใกล้
“ไม่เลวนี่!” หนึ่งในสองคนตอบกลับ “ผู้อาวุโสสั่งให้พวกเรามาตามส่ง”
“วังเมฆาสีชาดนี่น่าเวทนาดีจริง ๆ หรือว่าเป็นผู้อาวุโสจางคนนั้นที่มั่นใจเกินไปกันแน่? คิดได้ยังไงว่าพวกนายสองคนจะฆ่าฉันได้? ไม่คิดแม้แต่จะมาด้วยตัวเอง?” อู๋ฝานเอ่ยออกมา
“แค่ฆ่าคนอย่างแก ลำพังพวกเราก็เกินพอแล้ว ไม่ต้องถึงมือผู้อาวุโสหรอก!” ชายอีกคนหนึ่งตอบกลับมา ก่อนจะโบกมือเผยท่าที “ตายซะ!”
“ตึง!”
ขณะชายคนนั้นกำลังจะบุกเข้าหา รถคันหนึ่งกลับโผล่ออกมาจากมุมซอย ตรงเข้าชนใส่ร่างจนกระเด็น หลังร่างกระแทกพื้นก็กระอักเลือดคำโตออกจากปาก สุดท้ายร่างนั้นกระตุกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนิ่งงันไม่ขยับเคลื่อนไหว
ตาย!
โดนรถที่โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่ทราบชนตาย!
เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จนไม่ว่าจะอู๋ฝานหรืออีกคนจากวังเมฆาสีชาดก็พบว่าเรื่องเกินคาดคิด รถยนต์ที่ปรากฏมาอย่างกะทันหันชนคนจนตาย ทั้งยังไม่เร่งร้อนหนีความผิด แต่จอดรถก่อนจะเปิดประตูพร้อมลงมาจากรถ
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?” อู๋ฝานที่เห็นอีกฝ่ายถึงกับต้องประหลาดใจจนเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้ผ่อนคลายหรือวางใจ แต่ลอบติดตามจนเข้าไปถึงร้านคัลเลอร์แมน พออู๋ฝานออกมาเธอก็ติดตามต่อ ก่อนจะพบว่ามีสองคนที่น่าจะได้รับภารกิจลอบติดตามชายหนุ่ม เธอทราบจากร่างกายของอีกฝ่ายว่าเป็นผู้ฝึกตน ดังนั้นจึงเข้าใจทันทีว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ด้วยเหตุนี้จึงขับรถตามหลังมาอีกทีหนึ่ง จนสุดท้ายพอสองคนดังกล่าวลงจากรถจึงขับชนหนึ่งในเป้าหมายจนตายคาที่
“ฉันไม่วางใจค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองศิษย์วังเมฆาสีชาดอีกคนหนึ่งที่เหลือ ขณะตอบเบา ๆ ให้อู๋ฝานได้ยิน
“แต่รถนั่น…” อู๋ฝานชี้มือไปยังรถที่ก่อเหตุ “มาชนได้จังหวะพอดีเลยนะครับ”
“อุบัติเหตุหยุดรถไม่ทันค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบราวไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
อู๋ฝานและศิษย์วังเมฆาสีชาดถึงกับพูดไม่ออก กระทั่งมองร่างที่แน่นิ่งกับพื้นพลางสูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะภาวนาให้อีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ว่าช่างเป็นความตายของผู้ฝึกตนที่ชวนเวทนา
“อึก!”
ขณะอู๋ฝานมองร่างศิษย์วังเมฆาสีชาดที่สิ้นชีพ อีกคนหนึ่งกลับไม่เลือกหลบหนี เป้าหมายของเขาคือการสังหาร เป็นภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ ทั้งยังมั่นใจว่าจะสามารถทำสำเร็จได้ ต่อให้มีเพียงคนเดียวก็เชื่อว่าภารกิจนี้จะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
“รนหาที่ตาย!” อู๋ฝานแค่นเสียงเย็นชาผ่านจมูกก่อนทั้งร่างจะพุ่งเข้าหาอีกฝ่าย
“ตึง!”
สองหมัดปะทะกันอย่างรุนแรง
“แกร๊ก”
เสียงกระดูกหักดังให้ได้ยินชัด ทั้งสามคนในที่นี้ต่างก็ได้ยินกันครบถ้วน
“อ๊าก!”
ศิษย์วังเมฆาสีชาดแผดเสียงร้องชวนเวทนาออกมา สีหน้าซีดขาวและบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดเล่นงาน เขาทราบอย่างชัดเจนว่าแขนและมือหัก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะปะทะกับหมัดของอู๋ฝาน กระดูกของเขาถึงกับแตกออกในพริบตา
มันเปรียบเสมือนการส่งไข่ไปกระทบกับหิน!
แต่อู๋ฝานไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายนึกเสียใจ ครั้งที่หนึ่งสำเร็จผล ครั้งที่สองจึงปล่อยอีกหนึ่งหมัดตรงเข้าใบหน้าอีกฝ่าย
“ตึง!”
ร่างคนที่โดนแรงปะทะถึงกับกระเด็นออกไป เรี่ยวแรงมหาศาลทำให้ตัวคนโค้งงอกลางอากาศ เลือดภายในร่างทะลักออกมาเปรอะเปื้อน มันเป็นสภาพชวนเวทนา ลมหายใจของร่างนี้ขาดช่วงจนใกล้สิ้นชีพ
“เหมือนถึงจะไม่มีฉันคุณก็ไม่เป็นไรนะคะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินเข้ามาพลางพูดคุย
เมื่ออู๋ฝานตัดสินใจลงมือก็พร้อมจะเล่นงานโดยตรง หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่มีแม้โอกาสได้ลงมือช่วยด้วยซ้ำ
“ยังไงก็ต้องขอบคุณครับ” อู๋ฝานตอบ “และคืนนี้คงยังไม่จบง่าย ๆ แน่ครับ”
“หมายถึงจานเฮ่อเหรอคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ ตอนไปที่ร้านคัลเลอร์แมนเขาเผยจิตสังหารชัดเจน แต่ไม่ลงมือ ไม่ใช่ว่าไม่อยากฆ่าผม แค่ไม่อยากลงมือในร้านคัลเลอร์แมนต่างหาก”
“เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสินะคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบรับ
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “ก็น่าจะเป็นแบบนั้นครับ”
“แล้วจะทำยังไงต่อดีคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถาม
“ทำยังไง?” อู๋ฝานมองศิษย์วังเมฆาสีชาดบนพื้นที่กำลังทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ทันใดนี้เองที่จิตสังหารหนาหนักแผ่ซ่านออกมาจากร่างชายหนุ่ม “ในเมื่อพวกมันคิดฆ่า ก็คงไม่จำเป็นต้องมากมารยาทด้วยแล้ว!”
ด้วยเหตุนี้อู๋ฝานจึงเข้าหาศิษย์ของวังเมฆาสีชาดซึ่งยังไม่ตาย “โทรหาจานเฮ่อ ให้มันออกมา”
ศิษย์วังเมฆาสีชาดจ้องอู๋ฝานอย่างโกรธแค้น กระทั่งถ่มเลือดที่อยู่ในปากออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่คิดทำตาม
“ดื้อดึงดี” อู๋ฝานเพียงออกแรงเท้ากดลงเล็กน้อย ร่างคนก็กระตุกรุนแรงไม่กี่ครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป
ตาย!
อู๋ฝานขมวดคิ้ว เพราะอีกฝ่ายเพียงแค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วทั้ง ๆ ที่ถูกเลือกตัวส่งมาเป็นมือสังหาร ทว่าเขาก็ไม่คิดมากมารยาทกับคนเหล่านี้ เมื่อครู่เพียงคิดทรมานให้อีกฝ่ายติดต่อหาจานเฮ่อ แต่เหมือนว่าจะได้ผลตรงกันข้าม
“ลงเท้าหนักไปสินะ“ อู๋ฝานพึมพำด้วยสีหน้าเฉยเมย
ส่วนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทำได้เพียงยืนมองอู๋ฝาน ใจเธอกำลังแตกตื่นกับเรี่ยวแรงของชายหนุ่ม แค่หนึ่งหมัดกลับสามารถฆ่าคนที่แข็งแกร่งจนเกือบตาย เมื่อครู่ยังพลั้งมือฆ่าด้วยซ้ำ เช่นนั้นหมัดแรกมันแรงขนาดนั้น?
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ทราบว่าอู๋ฝานในเวลานี้สวมใส่อุปกรณ์ครบทุกชิ้น พละกำลังที่ได้รับการเสริมจากอุปกรณ์ มันทำให้เขาเทียบเท่าขอบเขตมืดขั้นสูงสุดซะด้วยซ้ำ และแต่ไหนแต่ไรชายหนุ่มก็เด่นด้านพละกำลัง รวมกับศิษย์วังเมฆาสีชาดที่ถูกส่งตัวมาครั้งนี้ประมาทไม่ทันป้องกัน จนสุดท้ายแขนหักเพราะถูกเล่นงานตอบโต้ กระทั่งเสียชีวิตในเวลาเพียงชั่วพริบตา ทั้งหมดนี้ไม่มีเรื่องใดชวนให้ต้องประหลาดใจ
“อย่างน้อยผมก็มีเบอร์ของหวงถิงเฟิง” อู๋ฝานไม่ใส่ใจสายตาที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองมา ที่ทำคือส่งยิ้มให้ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ของตนเองออกมา
หวงถิงเฟิงคือผู้จัดการของคัลเลอร์แมน ดังนั้นคนมากมายในเจียงโจวย่อมทราบเบอร์โทรศัพท์ของเขา หวังจื่อหมิงและคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน ดังนั้นการที่เขาจะหาเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาได้จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
……………………………