ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 529 ความตาย
บทที่ 529 ความตาย
เมื่อเห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ขวางทาง หวงถิงเฟิงก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยตนเองหนีไปง่าย ๆ ดังนั้นจึงตัดสินใจลงมือสังหารเธอเพื่อหาทางหลบหนีไปจากที่นี่
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายระวังหรือตื่นตัว เขาจึงจงใจแสร้งทำเป็นว้าวุ่นและหวาดกลัว เพื่อรอโอกาสให้อีกฝ่ายคลายความระมัดระวังแล้วจึงจะลงมือสังหาร
ตอนนี้เขารู้สึกว่าสมควรแก่เวลาและน่าจะสำเร็จ เนื่องจากตนสามารถเข้าใกล้ได้โดยอีกฝ่ายไม่ระแวดระวังแม้แต่น้อย หากลงมือช่วงเวลานี้ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็มีแต่ต้องตาย!
หากเป็นคนทั่วไปเผชิญหน้าการกระทำนี้ของหวงถิงเฟิงคงไม่ทันตอบสนอง จนสุดท้ายต้องเสียชีวิตไปตามแผนการ หรือไม่ก็บาดเจ็บอย่างสาหัส
ทว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้ฝึกตน ทั้งยังเป็นขอบเขตสว่างขั้นสูงสุด แม้ผู้ฝึกตนระดับเดียวกันจะถูกอู๋ฝานสังหารไปเมื่อครู่ได้อย่างง่ายดาย แต่หากเผชิญหน้ากับคนธรรมดา อย่างไรก็ได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง
หวงถิงเฟิงลงมือลอบสังหารอย่างกะทันหันนั้นทำให้เธอประหลาดใจ เนื่องจากไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือถึงขั้นนี้ อีกฝ่ายควรจะหวาดกลัวจนร้องขอความเมตตา หากเป็นเช่นนั้นเธอมองว่าสมเหตุสมผล แต่การลอบสังหารนับว่าเกินคาด
แต่ประหลาดใจก็ส่วนประหลาดใจ หญิงสาวสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว โดยการยื่นมือขวาออกไปจับข้อมือของหวงถิงเฟิง ก่อนจะบิดมันลงและดึงกลับคืน จนทำให้มีดแปรเปลี่ยนทิศทางตามไปด้วย
เดิมหลิ่วเหยียนเอ๋อร์คิดชิงมีดจากมือของอีกฝ่าย แต่หวงถิงเฟิงมีเจตนาฆ่ากันให้ตาย ดังนั้นเรี่ยวแรงที่ใช้แทงจึงไม่ใช่น้อย ทำให้การตอบโต้ครั้งนี้ถึงขนาดทำข้อมือหัก และแม้มีดจะเปลี่ยนทิศทางแล้ว แต่ร่างของเขาก็ยังคงพุ่งไปต่อ
“อั่ก!”
หวงถิงเฟิงที่พุ่งตัวเข้าไปบังเอิญโดนมีดที่เปลี่ยนทิศทางจากมือของตนแทงเข้าใส่ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ลงมืออย่างรวดเร็ว หวงถิงเฟิงไม่ทันได้ตอบสนอง ทำให้ไม่อาจปล่อยมีดออกจากมือ สุดท้ายมีดนั้นก็ย้อนคืนมาแทงใส่ตัวเอง ทั้งยังเป็นตำแหน่งหัวใจ ด้วยแรงกายกับความคมของมีดทำให้มันแทงลงไปลึก
เมื่อเห็นเรื่องเป็นเช่นนั้น เธอก็ขมวดคิ้วพร้อมปล่อยข้อมือของอีกฝ่าย ก่อนจะก้าวเท้าถอยหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เลือดที่จะกระอักจากปากของอีกฝ่ายเปรอะเปื้อนตนเอง
“อั่ก!” หวงถิงเฟิงผู้ได้รับอิสระกลับคืนไม่อาจไล่ตามเธอไปต่อ ทั้งยังไม่สามารถหลบหนี ทำได้เพียงก้มหน้าลงมองไปยังตำแหน่งหัวใจ ที่ซึ่งเวลานี้มีมีดปักเข้าไป และมีดนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เขาขอจากจานเฮ่อมาเพื่อใช้ป้องกันตัวเองในช่วงก่อนจะออกมาจากร้านคัลเลอร์แมน
หวงถิงเฟิงเคยใช้มีดมาก่อน แต่ไม่ใช่เพื่อแทงคนเพราะหมายสังหาร แต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ขัดขวางและปฏิเสธไม่ให้เขาออกไปจากที่นี่ ดังนั้นเขาจึงคิดตอบโต้จนสุดท้ายกลายเป็นการแทงใส่ตัวเอง ทั้งยังเป็นตำแหน่งสำคัญถึงขนาดจะเสียชีวิตได้
เรื่องนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินจะรู้ตัว จนกระทั่งตอนนี้หวงถิงเฟิงยังตอบสนองตามไม่ทัน ไม่ทราบว่าเพราะอะไรหญิงสาวถึงได้ตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่ตัวเขาเข้าไปใกล้เพื่อแทงแล้ว แต่เธอกลับยังสามารถตอบโต้กลับมาได้
ทั้งยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรเธอถึงมีกำลังมากกว่าตนเอง ทั้งยังเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ขนาดย้อนหันปลายมีดจากข้อมือผู้แทงสู่ตัวผู้แทงซะเอง
และที่หวงถิงเฟิงไม่อาจเข้าใจได้ยิ่งกว่า คือการที่มีดในมือเขากลับย้อนมาแทงตนเอง มันยากจะเชื่อ ยากจะยอมรับ แต่ว่าก็เกิดขึ้นแล้ว
“พลั่ก!”
หวงถิงเฟิงไม่อาจประคองร่างกาย และล้มลงคุกเข่ากับพื้น ก่อนสุดท้ายจะต้องล้มตัวลงนอน
“ช่วย… ฉันด้วย…” หวงถิงเฟิงยื่นมือออกไปหาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เพื่อขอความช่วยเหลือ สายตาในเวลานี้กำลังมองเธอประหนึ่งพระผู้ช่วยที่มาโปรด
เขานึกเสียใจ
หากทราบว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้เขาคงไม่หาเรื่องอู๋ฝานตั้งแต่แรก แม้กิจการของร้านโลกในแหวนจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ร้านคัลเลอร์แมนก็ไม่ถึงขนาดต้องเลิกกิจการ เนื่องจากเขาเป็นเพียงผู้จัดการของร้าน ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องนำร้านก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของเจียงโจวเลยด้วยซ้ำ
ถ้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เขาคงไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากจานเฮ่อ แต่จะยอมกล้ำกลืนสักเล็กน้อยและอยู่ต่อ ทว่าตอนนี้จานเฮ่อที่มาช่วยเหลือยังไม่อาจปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ ส่วนเขาก็กำลังนอนรอความตาย ไม่ว่าอย่างไรก็ยากจะรอดชีวิต ทั้งหมดนี้คือการทำตัวเองทั้งสิ้น
เขานึกเสียใจจนอยากจะร้องไห้
น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่ารู้แบบนี้แล้วจะย้อนกลับไปแก้ไขได้ ต่อให้เสียดายจนตายก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงที่เกิดขึ้น
“เฮือก!”
หวงถิงเฟิงสูดหายใจเฮือกสุดท้ายเข้าไปก่อนจะนอนแน่นิ่งกับพื้น เลือดเริ่มไหลออกมาจากใต้ร่างที่นอนคว่ำ เสื้อผ้าถูกย้อมให้กลายเป็นสีแดง
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยืนอยู่ไม่ไกลจากหวงถิงเฟิง สายตามองเรื่องตรงหน้าอย่างเงียบสงบ สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
โลกของผู้ฝึกตนก็มักจะโหดร้ายเช่นนี้ แค่เห็นหวงถิงเฟิงตายต่อหน้าไม่ได้ส่งผลกระทบใดกับสภาพจิตใจของหญิงสาว ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นคนที่คิดสังหารเธอโดยวิธีการสกปรกซะด้วยซ้ำ ขณะนี้ตายลงด้วยความผิดพลาดของตัวเอง ไม่มีอะไรที่จะต้องรู้สึกใส่ใจทั้งสิ้น
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เคลื่อนสายตาจากร่างหวงถิงเฟิงไปมองอู๋ฝานและจานเฮ่อที่กำลังประมือ หากเทียบกับความตายของชายตรงหน้า สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความปลอดภัยของชายหนุ่ม
โชคดีที่อู๋ฝานยังคงมีสภาพดีเยี่ยม แม้จะยังไม่อาจจัดการจานเฮ่อ แต่ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเหนือกว่าจนเห็นได้ชัด
อู๋ฝานต่อสู้อย่างง่ายดาย กล่าวได้ว่าค่อนข้างยินดีด้วยซ้ำหากการต่อสู้ครั้งนี้จะใช้เวลานาน เพราะในอดีตไม่ว่าจะมอนสเตอร์หรือศัตรูคนใดที่เจอ ทั้งหมดล้วนพ่ายแพ้แก่เขาง่าย ๆ ทั้งสิ้น มันยังไม่เคยมีครั้งใดที่ตนต้องออกแรงเพื่อจัดการ
ขณะที่จานเฮ่อแตกต่างออกไป ความแข็งแกร่งโดยรวมของอีกฝ่ายด้อยกว่า แก่ชรากว่า ทว่าประสบการณ์ต่อสู้มีมากกว่า ดังนั้นการต่อสู้จริงเช่นนี้คือโอกาสอันดีสำหรับเขา แม้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ก็ยังไม่อาจสังหารจานเฮ่อในชั่วพริบตาเหมือนศิษย์ของวังเมฆาสีชาดก่อนหน้านี้
แต่เรื่องยังเรียบร้อยดี การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอันตรายใด ทั้งยังจะเป็นหินให้อู๋ฝานเหยียบย่ำเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เขาจึงยินดีหากจะได้สู้กับจานเฮ่อสักระยะหนึ่ง
ทว่าความยินดีของอู๋ฝาน กลับกลายเป็นความไม่ยินดีของจานเฮ่อ
ตอนนี้นอกจากโทสะอันเกรี้ยวกราด จานเฮ่อกำลังแตกตื่นอยู่ในใจ เพราะยิ่งต่อสู้กับอีกฝ่ายเท่าไหร่ เขาก็ยังต้องตะลึงขึ้นเท่านั้น
อู๋ฝานแข็งแกร่ง เขารับรู้ได้ตั้งแต่ช่วงแรกของการต่อสู้แล้ว แต่ก็ไม่ได้คาดว่าประสบการณ์การต่อสู้ของชายหนุ่มจะเกินกว่ามือใหม่คนหนึ่ง เดิมเขาคิดใช้ความได้เปรียบจากประสบการณ์เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ แต่กลายเป็นว่าเรื่องราวไม่อาจสำเร็จ แม้ประสบการณ์การต่อสู้ของอู๋ฝานจะไม่ได้ดีเยี่ยม แต่ก็เรียกได้ว่าไม่เลวร้าย ขนาดว่าสามารถรับมือได้อย่างสงบซะด้วยซ้ำ
และที่ทำให้จานเฮ่อตะลึงยิ่งกว่าคือความสามารถในการเรียนรู้ของอู๋ฝานที่ชวนสะพรึง แรกเริ่มชายหนุ่มรับมือการโจมตีของเขาได้ก็จริง แม้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ก็ค่อนข้างมีจุดบกพร่องอยู่ด้วยเช่นกัน ทว่าพอเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง อีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายเริ่มมั่นคงหนักแน่นและสู้กลับอย่างสบายใจยิ่งกว่าช่วงแรกซะด้วยซ้ำ
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใต้จมูกและต่อหน้าต่อตาของจานเฮ่อ ทั้งยังเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แค่ชั่วครู่ ทำให้เขาถึงขนาดอดไม่ได้ที่ต้องแตกตื่นต่อการเป็นสักขีพยานและรับรู้ด้วยร่างกายของตนเอง
……………………………