ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 530 ยาเม็ดเล็ก
บทที่ 530 ยาเม็ดเล็ก
‘มันเป็นอัจฉริยะจริงเหรอเนี่ย?’ จานเฮ่อครุ่นคิดอย่างแตกตื่นอยู่ในใจ ‘ไม่ได้แล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเราต้องแพ้แน่!’
จานเฮ่อรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องราวยิ่งไม่เป็นไปตามที่คาดคิด คนหนุ่มตรงหน้าที่ตอนแรกเขาแทบไม่ให้ความสนใจหรือความสำคัญใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะนี้กำลังต่อสู้ได้ดีเยี่ยมมากขึ้น หากปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ต่อไป จะกลายเป็นเขาซะเองที่ไม่เหลืออะไรให้ต่อต้าน
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลังจานเฮ่อรับฝ่ามือของอู๋ฝานจึงก้าวเท้าถอยไป ชั่วพริบตาก็หยิบเม็ดยาออกจากอกเสื้อ ก่อนจะกลืนมันลงไปด้วยสีหน้าเจ็บปวดและชอกช้ำ ต่อมาใบหน้าของจานเฮ่อเริ่มแดงก่ำ ดวงตาทอประกายคลุ้มคลั่ง ออร่าจากทั้งร่างพลุ่งพล่านขึ้นมา
อู๋ฝานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นภาพนั้นก็ถึงขั้นต้องประหลาดใจ เพราะจากวิชาตรวจสอบ ความแข็งแกร่งของจานเฮ่อก้าวหน้าขึ้นเป็นขอบเขตมืดขั้นสูงสุด แม้จะเป็นขอบเขตเดียวกัน แต่ออร่าของจานเฮ่อแสดงออกชัดเจนว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา
‘นั่นมันเม็ดยาอะไรกัน ทำได้ขนาดนี้เลยงั้นเหรอเนี่ย?’ อู๋ฝานนึกทึ่งอยู่ในใจ
ที่โลกแห่งเกม เขาเคยได้ยินจากอาจารย์ปรุงยาหลี่ว่ามียาบางชนิดที่มีสูตรยาค่อนข้างพิเศษ มันสามารถช่วยเสริมกำลังการต่อสู้ได้ชั่วคราวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงคือการทำร้ายร่างกายของผู้ใช้ หรืออาจถึงขั้นกระทบกับรากฐานการฝึกฝน
แน่นอนว่ามันย่อมมียาวิเศษที่สามารถส่งเสริมความแข็งแกร่งโดยไร้ซึ่งผลข้างเคียงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่สูตรยาวิเศษดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยากจะได้รับ ทั้งยังหายากอย่างถึงที่สุด เพียงแค่หามาได้สักสูตรหนึ่งก็เป็นเรื่องยากราวปีนป่ายขึ้นสวรรค์แล้ว
ตอนนี้จึงเห็นได้ชัดว่ายาที่จานเฮ่อกินเข้าไปคล้ายจะช่วยเสริมกำลังสู้รบในช่วงสั้น ๆ แต่จะมีผลข้างเคียงหรือไม่นั้น เขายังไม่ทราบแน่ชัด
“ตาย!”
ขณะออร่าของจานเฮ่อพวยพุ่งจนถึงขีดสุด ทั้งร่างจึงเปรียบดังสิงโตขนตั้งชี้ชัน สีหน้าท่าทีดุร้าย ทั้งร่างบุกทะยานเข้าหาอู๋ฝาน ความแตกต่างระหว่างตอนนี้กับก่อนหน้าราวเป็นคนละคน ถึงขนาดทำให้ชายหนุ่มต้องถอยกลับเพื่อตั้งรับ
แน่นอนว่าการถอยกลับนี้ยังมีการเหวี่ยงหมัดลองเชิงออกไปด้วยเช่นกัน
“ตึง!”
หมัดทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ยังต้องถอยกลับไปทั้งคู่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากก่อนหน้า คือการที่อู๋ฝานถอยเท้าไปมากกว่าจานเฮ่อ เห็นได้ชัดว่าเวลานี้อีกฝ่ายมีกำลังเหนือกว่า
อู๋ฝานยืนนิ่ง สายตาประเมินจานเฮ่ออย่างระแวดระวัง มือขวาที่ปะทะเมื่อครู่ถึงกับสั่นอยู่หลายครั้งเพราะความเจ็บปวดเล่นงาน กระทั่งเหลือบมองจึงเห็นว่ามันแดงก่ำ
แน่นอนว่าจานเฮ่อก็ไม่ได้มีสภาพดีไปกว่าอู๋ฝาน มือนั้นแดงไม่ต่างกัน
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายราวกับกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด เขายังคงยืนนิ่งก่อนจะพุ่งทะยานเข้าหาอู๋ฝานอีกครั้งครา
“ตาย!”
จานเฮ่อคำรามเสียงดังอีกครั้ง ออร่าในครั้งนี้ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าครั้งก่อนหน้า กระทั่งว่ามีสายตาแห่งความคลุ้มคลั่งที่เกรี้ยวกราดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ซะด้วยซ้ำ
อู๋ฝานขมวดคิ้ว แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้เขาก็ยังไม่หลบเลี่ยง แต่เลือกที่จะแลกหมัดกับจานเฮ่อ
“ตึง ตึง ตึง!”
คนทั้งสองปะทะกันหลายหมัดในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ละหมัดแข็งแกร่งและมีเรี่ยวแรงหนักอึ้งมหาศาล การแลกหมัดไม่มีการหลบเลี่ยง มันปะทะกัน อู๋ฝานเลือกไม่หลบ แต่จานเฮ่อราวกับไม่ทราบว่าการหลบคือสิ่งใด หลังทานยาเม็ดเล็ก ๆ เข้าไปกำลังการต่อสู้ของอีกฝ่ายก็ทะยานขึ้นอย่างมหาศาล ทว่าคล้ายจะสูญเสียสภาพจิตใจ ในหัวเวลานี้มีคำสลักไว้เพียงหนึ่งเดียว
สู้!
อู๋ฝานไม่ทราบว่ายาที่อีกฝ่ายทานจะสามารถส่งผลได้นานเพียงใด แต่ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบทีละน้อย
เขาหันไปมองทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกล สุดท้ายก็ต้องละทิ้งการใช้ป้ายอัญเชิญ แม้เธอจะดูเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องราวสักเท่าไหร่ แต่หากเขาใช้งานป้ายอัญเชิญขึ้นมาจริง ๆ เธอจะต้องตั้งข้อสงสัยขึ้นในใจและหาคำตอบอย่างแน่นอน
แม้ไม่อาจใช้งานป้ายอัญเชิญ ก็ไม่ใช่ว่าอู๋ฝานจะไม่มีทางเลือกอื่นให้ลงมือ
ธงรบสีแดง!
ธงรบสีเทา!
ขณะจานเฮ่อพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง อู๋ฝานลอบใช้งานธงรบทั้งสองสีเพื่อเพิ่มพลังโจมตีและป้องกัน ทำให้พลังของเขาพุ่งทะยานสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ธงรบทั้งสองใช้งานง่าย ทั้งยังสามารถถือเอาไว้ในมือ หรือพกติดเอาไว้ในร่างกาย กระทั่งใส่ไว้ด้านในกระเป๋าหลังก็สามารถใช้งานได้ทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะเห็นสิ่งใดผิดแปลก
“ตึง!”
ทันทีที่หมัดอีกฝ่ายพุ่งมาครั้งนี้ อู๋ฝานพลันใช้เท้าเตะส่งออกไป เป็นวิชาขาห่วงโซ่!
ขาของอู๋ฝานและฝ่ามือของจานเฮ่อปะทะกัน อู๋ฝานที่ได้รับการเสริมกำลังขึ้นอีกขั้นไม่ต้องแบกรับพลังอันหนักหนาเหมือนครั้งก่อน หลังเตะหมัดของอีกฝ่ายออกไปพ้นทางจึงเริ่มใช้ลูกเตะออกเป็นชุดซะด้วยซ้ำ
ขาห่วงโซ่ไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังรวดเร็วจนสามารถคาดหวังได้ ขาของอู๋ฝานในเวลานี้เปรียบดังมีการติดมอเตอร์จักรกลเอาไว้ ขาห่วงโซ่เตะออกไปไม่หยุดพักและไม่ถอยกลับ แค่สองถึงสามวินาทีกลับเตะรัวออกไปอย่างน้อยราวห้าสิบครั้ง
จานเฮ่อที่เผชิญหน้ากับการระเบิดพลังครั้งนี้ แม้ในใจยังคิดสู้ต่อ ทว่าไม่เห็นโอกาส แขนทั้งสองต้องใช้เพื่อตั้งรับป้องกันการโจมตีของอู๋ฝานที่เตะมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเท้าก็ต้องพยุงร่างกายเอาไว้ไม่อาจใช้งาน
แต่อู๋ฝานทราบดีว่าแม้การโจมตีของตนเองจะดุดันเพียงใด ทว่ากลับไม่อาจสร้างความเสียหายแก่จานเฮ่อผู้คลุ้มคลั่งอย่างที่ควรจะเป็นได้ ภายใต้ประสิทธิภาพของยาเม็ดดังกล่าว อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นทั้งพลังการโจมตีและการป้องกัน
ตอนนี้ฝ่ายที่รับชมเรื่องราวเช่นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พลันตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้ กระบี่ยาวในมือของเธอหมายแทงใส่หัวใจจานเฮ่อจากทางด้านหลัง กระบี่ยาวราวกับถูกประกายแสงเจิดจ้าปกคลุม มันสะท้อนแสงอันเย็นเยือกออกมา
“ฟึ่บ!”
จานเฮ่อผู้กำลังจมดิ่งในห้วงการต่อสู้กับอู๋ฝาน ย่อมไม่ทันได้ตระหนักถึงหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เคลื่อนตัวเข้ามาหมายสังหารจากทางด้านหลัง ดังนั้นร่างจึงถูกแทงโดยไม่อาจหลบเลี่ยง
แต่ตอนนี้จานเฮ่อราวกับเผชิญสภาวะคลุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์ แม้โดนแทง ทว่ากลับไม่มีท่าทีเจ็บปวด หลังถูกแทงเขาก็ขยับร่างให้หลุดจากระยะโจมตีของกระบี่ ทั้งยังมีท่าทีราวไม่คิดใส่ใจอาการเจ็บปวด กระทั่งหันกลับไปจ้องหมายจะสังหารหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
หญิงสาวราวกับไม่คาดว่าจานเฮ่อจะหันกลับมาหมายสังหารตนเองทันทีที่โดนเล่นงาน การตอบสนองของเธอจึงไม่อาจตามได้ทัน รวมกับความแตกต่างทางพละกำลังของทั้งสอง จึงทำให้การตอบสนองของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ช้ากว่าจานเฮ่อ
“ตึง!”
เมื่อเห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กำลังจะถูกจานเฮ่อเล่นงาน อู๋ฝานจึงสบโอกาสได้ลงมือ โดยการเตะเข้าใส่สีข้างของอีกฝ่ายจนกระเด็น แม้อีกฝ่ายจะไม่ล้มลงไปนอนกับพื้น แต่ก็เบี่ยงเบนทิศทางที่คิดลงมือโจมตีได้สำเร็จ
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงรอดพ้นไป
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ!?” อู๋ฝานตะโกนถาม
“ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดึงสติมาคืนอาการสงบเช่นที่เคยเป็น แม้ความคลุ้มคลั่งของจานเฮ่อจะทำให้ประหลาดใจ แต่เธอไม่ใช่ไก่อ่อนไม่รู้จักโลก กระบี่ยาวในมือเวลานี้ถูกกระชับไว้แน่นอีกครั้ง พร้อมตั้งท่าหมายจะสังหารอีกฝ่าย
เมื่อเห็นดังนี้อู๋ฝานจึงตามติดเพื่อร่วมลงมือ