ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 533 สายโทรพิฆาต
บทที่ 533 สายโทรพิฆาต
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเผยสีหน้าดำมืด ความกังวลก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว
ตอนนี้เองที่โทรศัพท์พ่อของเกิ่งหย่าเฟยดังขึ้น เสียงที่เดิมค่อนข้างชวนเสนาะหูแต่เวลานี้ฟังแล้วกลับทิ่มแทง ทำให้เจ้าของโทรศัพท์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ลูกพี่เกิ่งไม่รับโทรศัพท์เหรอครับ?” พ่อของหลี่ปิงยิ้มอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่ารับชม
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อรับสาย
ผู้โทรเป็นลูกค้าของทางบริษัท และอีกฝ่ายยังพูดทันทีที่โทรติด กล่าวว่าจะไม่ร่วมมือกับบริษัทของตระกูลเกิ่งอีกต่อไป
“คุณจ้าว ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ? ตลอดมาระหว่างพวกเราก็ทำการค้ากันด้วยดีเสมอมาไม่ใช่เหรอครับ?” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยถามด้วยท่าทีร้อนรน
คุณจ้าวที่อยู่ปลายสายคือลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทครอบครัวเกิ่ง หากสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัท ไม่แปลกหากพ่อของเกิ่งหย่าเฟยจะกังวลขึ้นมา
“มีคนส่งข้อความถึงผม เพราะแบบนั้นเรื่องครั้งนี้มันเกินกว่าผมจะตอบรับอะไรได้ หวังว่าคุณเกิ่งจะเข้าใจนะครับ” หลังปลายสายเอ่ยจบ ก็วางสายไปโดยไม่รอคำตอบ
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยยังคงถือโทรศัพท์เอาไว้ไม่วางลง อีกทั้งยังมีสีหน้าเหม่อลอย เห็นได้ชัดว่ายังดึงสติจากเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ไม่ได้ บริษัททั้งสองทำการค้ากันด้วยดีเสมอมา แต่ขณะนี้พวกเขากล่าวว่าจะไม่ร่วมมือทางการค้าอีกต่อไปแล้ว
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยหันไปมองพ่อของหลี่ปิง พลางนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งกล่าว ในใจเริ่มปรากฏเค้าลางบางอย่างขึ้นมา
ก่อนพ่อของเกิ่งหย่าเฟยจะเอ่ยถาม โทรศัพท์กลับดังขึ้นอีกครั้ง เพราะมันดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เขาต้องตระหนกตกใจ เมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามาจึงถึงกับเปลือกตากระตุก
เป็นลูกค้าอีกรายหนึ่ง!
“ลูกพี่เกิ่ง รับโทรศัพท์สิครับ” พ่อของหลี่ปิงยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม
เสียงโทรศัพท์ที่ดังราวกับเป็นการเตือน ทำให้พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเกิดความไม่สบายใจอยู่ตลอด
ไม่ว่าจะด้วยอะไร อย่างไรก็ต้องรับสาย โดยเฉพาะกับผู้โทรที่เป็นถึงลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท
แต่หลังรับสาย พ่อของเกิ่งหย่าเฟยกลับต้องขมวดคิ้วมุ่นและเริ่มแสดงสีหน้าเหยเกออกมา
เพราะมันเป็นอีกหนึ่งสายที่โทรแจ้งยกเลิกความร่วมมือทางการค้ากับบริษัท อีกฝ่ายให้เหตุผลเหมือนกับคุณจ้าวก่อนหน้านี้ กล่าวว่าเพราะมีคนส่งข้อความหา
แม้พ่อของเกิ่งหย่าเฟยจะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายผ่านโทรศัพท์อย่างไร สุดท้ายก็ไม่ได้ผล อีกฝ่ายยืนยันจะปฏิเสธความร่วมมือทางการค้าอย่างหนักแน่น
และอีกห้านาทีถัดจากนั้น โทรศัพท์พ่อของเกิ่งหย่าเฟยยังคงดังอย่างต่อเนื่อง บริษัทคู่ค้ารายใหญ่แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือผู้ผลิตต่างก็โทรหา เนื้อหาทั้งหมดล้วนเหมือนกัน
นับจากเวลานี้ ไม่มีบริษัทใดทำการค้าร่วมกับบริษัทของตระกูลเกิ่งอีก
เรื่องที่รุมเร้าอย่างกะทันหันทำให้พ่อของเกิ่งหย่าเฟยทรุดลง คู่ค้าหลายคนตัดสินใจพร้อมกันถึงขนาดนี้ มันย่อมส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อบริษัทของตระกูลเกิ่ง และมันอาจรุนแรงถึงขนาดจะล้มละลายในช่วงเวลาสั้น ๆ!
“พ่อคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” เกิ่งหย่าเฟยมองพ่อของตนที่มีสีหน้าซีดเผือดเดินซวนเซไปทางโซฟา เพราะความกังวลเธอจึงรีบลุกขึ้นไปช่วยประคอง
“ที่พวกเขาขอยุติความร่วมมือกับบริษัท …เพราะวังเมฆาสีชาดอย่างนั้นเหรอ?” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยมองข้ามลูกสาว โดยหันไปถามจากพ่อของหลี่ปิง แต่เสียงนี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและไร้ซึ่งความมั่นใจเหมือนก่อนหน้า หากได้ฟังย่อมรับรู้ได้ถึงความอ่อนแรงและความสิ้นหวัง
“เป็นตามที่ว่าครับ” พ่อของหลี่ปิงพยักหน้ารับ “เพราะหลานสาวคนนี้ไปกระตุ้นโทสะของวังเมฆาสีชาด ทางฝั่งนั้นจึงต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อเป็นตัวอย่างว่าเมื่อต่อต้านแล้วจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดก็เพื่อคงความยิ่งใหญ่ของพวกเขา รวมถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต่อต้านบริษัทของพวกเรา”
“หนูทำอะไรก็เป็นเรื่องที่ทำเองทั้งนั้น วังเมฆาสีชาดอยากจะลงโทษอะไรก็ต้องลงที่หนู ทำไมถึงเป็นบริษัทของตระกูลได้!?” เกิ่งหย่าเฟยร้องตอบ ตอนนี้หญิงสาวตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาแล้ว เป็นก่อนหน้านี้เธอไม่คิดว่าวังเมฆาสีชาดจะเพ่งเล็งตนเอง อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาอันเหมาะเจาะ ทั้งยังเลือดเย็น โดยการเล่นงานตรงเข้ายังจุดสำคัญของบริษัท
“หลานรักประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว เป้าหมายเป็นหลานก็ใช่ แต่วังเมฆาสีชาดต้องการแสดงอำนาจให้คนในเจียงโจวได้เห็นและทราบ ว่าพวกเขานั้นแท้จริงแล้วมีอำนาจเพียงใด และหลานยังเป็นแค่คนธรรมดา เล่นงานหลานไปพวกเขาจะถูกตีหน้าจากสำนักอื่นในแวดวงผู้ฝึกตนเอาได้” พ่อของหลี่ปิงเผยยิ้มตอบรับ
“ไร้ยางอายจนถึงแก่นแท้!” เกิ่งหย่าเฟยสบถออกมา พลางคิดว่าปัญหาทั้งหมดที่ครอบครัวของเธอต้องเผชิญเป็นเพราะตัวเธอ ในใจของหญิงสาวเวลานี้กำลังถูกความรู้สึกผิดและกล่าวโทษถาโถมเข้าใส่
“ฉันไม่เข้าใจ … พวกนายเองก็เป็นหุ้นส่วนของบริษัท ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่ลำดับถัดจากฉันด้วย ตอนนี้บริษัทประสบปัญหา ทำไมถึงยังมีสีหน้าเบิกบานกันอยู่ได้?” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยมองพ่อของหลี่ปิงพร้อมกับเอ่ยถาม
“เพราะสิ่งที่วังเมฆาสีชาดต้องการคือเล่นงานตระกูลเกิ่ง ไม่ใช่บริษัทน่ะสิครับ!” พ่อของหลี่ปิงตอบกลับ “พวกเขาติดต่อหาฉัน และขอให้ฉันรับช่วงต่อบริษัทหลังเรื่องนี้จบลง… ส่วนลูกพี่เกิ่งที่ทุ่มเทให้กับบริษัทมานาน … ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาพินาศเพราะเรื่องแค่นี้”
“ต้องการอะไรกันแน่?” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเอ่ยถาม
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่พี่ยอมถอนตัวจากตำแหน่ง โอนหุ้นทั้งหมดที่มีให้พวกเรา พิจารณาจากความพยายามอันยาวนาน พวกเราจะเหลือหุ้นไว้ให้เล็กน้อย แต่นับจากนี้ลูกพี่คงต้องถอนตัวจากการบริหารบริษัท ไม่ว่าจะลูกพี่หรือครอบครัวก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาก้าวก่ายการบริหารของบริษัทอีกต่อไป” พ่อของหลี่ปิงอธิบายออกมา
“เหล่าเกิ่งเองก็ไม่ได้หนุ่มแล้ว ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะสละตำแหน่งแล้วไปใช้ชีวิตเกษียณก็แล้วกัน”
“เหล่าเกิ่ง ถ้ายอมถอนตัวแต่โดยดีก็จะเป็นผลดีกับบริษัทของเรา แต่หากถ่วงเวลาต่อไปบริษัทคงล้มละลาย คงไม่อยากเห็นบริษัทที่ปั้นมากับมือแทบทั้งชีวิตต้องพินาศลงใช่ไหม?”
“คุณเกิ่ง ต่อให้ถอนตัวไปแล้วคุณก็ยังคงเป็นลูกพี่ของพวกเราเหมือนเดิมนะครับ”
บรรดาบอร์ดบริหารที่มาพร้อมกับพ่อของหลี่ปิงพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อของเกิ่งหย่าเฟย พวกเขาเสนอแนะกันออกมาราวกับมีเจตนาดี แต่ไม่อาจปิดบังความละโมบในใจได้แม้แต่น้อย
“พวกคุณทำกันแบบนี้ได้ยังไง? บริษัทนี้พ่อของฉันเป็นคนตั้งและฟูมฟักมันขึ้นมา จะขับไล่กันแบบนี้เนี่ยนะ?” เกิ่งหย่าเฟยชี้หน้าบอร์ดบริหารทุกคนด้วยความโกรธ ‘ลุง’ เหล่านี้ที่เธอเคยเรียกและนับถือได้พลิกเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา สายตาที่หญิงสาวมองพวกเขาเวลานี้มีเพียงความเกลียดชัง
“พูดแบบนั้นก็เกินไป พวกเราทำเพราะเห็นแก่คุณเกิ่งทั้งนั้น”
“พวกเราตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาด้วยกันกับเหล่าเกิ่งต่างหาก มันเติบโตและพัฒนามากับพวกเราทั้งนั้น จะบอกว่าพวกเราไม่ได้ทุ่มเทลงเรี่ยวแรงเลยรึไง?”
“หลานรัก เรื่องในครั้งนี้ทั้งหมดเป็นเพราะหลาน พวกเราเสนอทางออกเพื่อช่วยเหลือตระกูลเกิ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่ตอนนี้หลานคงไม่เหลือเงินแม้แต่เศษเหรียญด้วยซ้ำ ขนาดนี้แล้วยังจะกล่าวโทษพวกเราอีกงั้นเหรอ?”
กรรมการบริษัทเช่นพวกเขากำลังกล่าวโทษเกิ่งหย่าเฟย