ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 536 ร้านของชำอู๋จี้
“ไม่พูดเรื่องของลั่วเยวี่ยแล้วดีกว่า เพราะเหมือนนางตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะติดตามเจ้า หากข้าคิดพรากนางให้แยกห่างจากเจ้าคงโดนเกลียดหน้าแน่” อูหย่าตอบกลับ “ข้ามีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วย”
“เรื่องอะไรกัน?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ช่วยข้าหาข้อมูลสถานการณ์ของอาณาจักรหนานปิงที” อูหย่าตอบกลับ “ข้าคาดเดาว่าข่าวคราวเรื่องภารกิจลอบสังหารล้มเหลวน่าจะถูกส่งกลับไปแล้ว เลยกังวลว่าเสด็จพ่อกับพี่น้องทั้งหลายจะเป็นอะไรหรือไม่”
ราชวงศ์แห่งอาณาจักรหนานปิงยังคงอยู่ภายใต้การคุมตัวของอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย แม้อูหย่าจะอยู่ที่นี่และสอนวิทยายุทธให้แก่ลั่วเยวี่ย แต่ใจของนางยังคงคิดถึงครอบครัวอยู่เสมอ
“ข้าจะลองดู” อู๋ฝานตอบรับ “บ่ายวันนี้บังเอิญข้าจะออกไปพบหลี่จื่อหยางพอดี เดี๋ยวจะลองถามเผื่อจะได้ข้อมูลใดมาบ้าง เจ้าเองก็ทราบดีว่าข้าเป็นคนนอกของนครเหยียนหยาง ไม่ได้รู้จักอะไรกับผู้คนที่นี่มากนัก เพราะแบบนั้นเลยมีเส้นสายข้อมูลที่ค่อนข้างจำกัด”
“ข้าเข้าใจ” อูหย่าตอบกลับ “เพราะแบบนั้นจึงต้องขอบคุณล่วงหน้า”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ขอแค่เจ้าอยู่ที่นี่อย่างสงบไม่เพ่นพ่านออกไปไหนก็พอแล้ว” อู๋ฝานตอบ
อู๋ฝานเองก็ทราบดีว่าอูหย่ากังวลและห่วงความปลอดภัยของครอบครัว หากหญิงสาวไม่ได้รับข้อมูลใดเพิ่มเติม ก็อาจส่งผลให้นางยอมเสี่ยงชีวิตออกไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง และเขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเกินคาดคิดขึ้นกับอีกฝ่าย ดังนั้นจึงรับหน้าที่หาข้อมูลมาให้ อย่างไรก็ดีกว่าปล่อยนางออกไป
‘หากเจ้าฉีอยู่ที่นี่ก็ดี เชื่อว่าด้วยสถานะเช่นนางคงคลี่คลายปัญหาเรื่องข้อมูลได้แน่’ อู๋ฝานรำพึงรำพันอยู่ในใจ
น่าเสียดายที่พอเจ้าฉีกลับเข้าวังไปแล้วก็ไม่กลับออกมาอีกเลย บางทีคงอยู่คอยดูแลจักรพรรดิ อย่างไรก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น นางจะใช้เวลาที่มีคอยดูแลผู้เป็นบิดาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
อูหย่าพยักหน้าตอบ “ข้าไม่ไปไหนหรอก ไม่ต้องกังวล”
“แค่นั้นก็ดีแล้ว” อู๋ฝานลุกขึ้นยืนพลางตอบ “งั้นข้าไม่รบกวนการฝึกแล้ว ขอตัว”
หลังออกจากห้องของลั่วเยวี่ย อู๋ฝานจึงนำลั่วหยางออกไปจากศาลาพักม้า
ตามถนนในตลาดยังคงมีทหารเดินลาดตระเวนไปมา แต่ตลาดในเวลานี้กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว ผู้คนราวกับคุ้นชินต่อสถานการณ์จนกล้าออกมาจับจ่ายใช้สอยเช่นที่เคยเป็น
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากฝึกการปรุงยาแล้ว อู๋ฝานยังชอบพาลั่วหยางเดินชมเมือง ต้องกล่าวว่าเมืองหลวงแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล คนทั้งสองเดินเตร่กันอยู่หลายวันแล้วก็ยังสำรวจได้ไม่ทั่วเลยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มพาลั่วหยางเดินอยู่ราวหนึ่งก้านธูปจนมาถึงหน้าร้านที่ทำเลไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ทว่าร้านแห่งนี้ไม่ว่าจะหน้าร้าน ป้ายร้าน หรือสินค้า ทั้งหมดล้วนดูสดใหม่ เห็นได้ชัดว่าเป็นร้านที่เพิ่งจะเปิดใหม่
ป้ายร้านเหนือประตูเขียนกำกับเอาไว้ว่า ‘ร้านของชำอู๋จี้’ เด่นเป็นสง่า
มันเป็นร้านใหม่ที่อู๋ฝานขอให้โจวกวงหาหน้าร้านที่เหมาะสมให้ หลังทำความสะอาดและตกแต่งอยู่หลายวัน วันพรุ่งนี้ก็ได้ฤกษ์ดีเปิดทำการ
ขณะอู๋ฝานเดินมาถึงพร้อมลั่วหยาง โจวกวงกำลังแนะนำคนงานซึ่งรับมาใหม่ และกำลังเตรียมการขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเตรียมเปิดร้าน
“นายท่านมาแล้วหรือขอรับ?” เมื่อเห็นอู๋ฝานมาถึง โจวกวงจึงรีบเข้ามาทักทาย
อู๋ฝานพยักหน้าตอบพลางสำรวจสภาพของร้าน “การเตรียมการมีปัญหาอะไรหรือไม่?”
“โดยภาพรวมไม่มีปัญหาอะไรขอรับ” โจวกวงตอบรับ “มีคนครบทุกหน้าที่ สินค้ามีพร้อมขายและจัดวางเรียบร้อยแล้วขอรับ เพียงแต่…”
“แต่อะไร?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“นายท่าน ร้านขายของชำในทำเลไกลห่างเช่นนี้ ทั้งยังเป็นร้านใหม่ …ข้าเกรงว่าลูกค้าจะยากแวะเวียนมาอุดหนุนขอรับ หากไร้ซึ่งลูกค้า ไม่ว่าสินค้าของพวกเราดีแค่ไหนก็คงขายไม่ออก” โจวกวงบอก
เรียกได้ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจริง ๆ แม้กลิ่นไวน์หอมแต่เกรงว่าเพราะอยู่ในตรอกซอยลึกเกินไปจึงยากจะมีผู้ใดได้กลิ่น ร้านของอู๋ฝานอยู่ในทำเลที่ไม่ดี ผู้คนสัญจรมีน้อยนิด เรียกได้ว่ายากจะทำให้เกิดกระแสและกระตุ้นให้ผู้คนรู้จักได้ เพราะมันไม่มีคนแวะเวียนมาอุดหนุน
ไม่ใช่ว่าโจวกวงและอู๋ฝานไม่อยากซื้อหน้าร้านในทำเลที่ดี แต่หน้าร้านเหล่านั้นไม่เพียงราคาแพง ทว่ามันยังเป็นความต้องการที่ไม่มีคนขาย ทำเลเหล่านั้นล้วนมีเจ้าของ หากเป็นผู้ครอบครองทำเลดังกล่าวย่อมคิดต่อได้ไม่ยากว่าต้องเป็นเถ้าแก่ผู้มั่งมี หรือไม่ก็ขุนนางในท้องถิ่น คนนอกเช่นอู๋ฝานที่ยังไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ การคิดหาร้านทำเลดีจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีปัญหาอื่นอีกหรือไม่?”
“มีอีกเรื่องขอรับ แม้พวกเราจะมีของมากมาย แต่จำนวนก็ไม่ได้มากนัก หากจำหน่ายหมดแล้ว ข้าจะไปหามาเติมจากที่ใดเล่าขอรับ?” โจวกวงเอ่ยถาม
สินค้าที่อู๋ฝานจำหน่ายในร้านขายของชำคือสิ่งที่นำมาด้วย ตอนออกเดินทางจากหมู่บ้านเร้นลับ มันมีสินค้าหลากหลายรายการ รวมถึงไวน์ที่เขาบ่มขึ้นมาเอง ทั้งยังมีชาตื่นรู้ รวมถึงของบางส่วนจากด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือวัสดุที่ล่าได้จากมอนสเตอร์เลเวลสูง รวมถึงสมุนไพรหลากหลาย และยาสมานแผลที่เขาปรุงขึ้นเองในระหว่างการฝึกฝนที่นี่
เรียกได้ว่าแต่ละรายการคือของดีทั้งสิ้น เพียงแต่จำนวนมีอย่างจำกัด อย่างไรการมาเยือนเมืองหลวงครั้งนี้ก็เพื่อเปิดทางสำรวจตลาดก่อน จึงทำให้เขาไม่ได้นำสินค้ามาด้วยมากมาย
“เหล้าองุ่นสุดเหนือเมฆและชาตื่นรู้ผลิตขึ้นที่หมู่บ้านเร้นลับ …เช่นนั้นตอนนี้สำรวจก่อนว่าการค้าขายที่นี่เป็นอย่างไร หากขายดีข้าจะแจ้งให้ทางหมู่บ้านเร้นลับนำสินค้ามาส่งที่นี่ ส่วนพวกสัตว์เลี้ยง แมวเมฆหิมะก็อยู่ที่โน่น ถ้าต้องการจับมาเพิ่มก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนพวกวัสดุจากมอนสเตอร์ เดาว่าคงขายได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังไงที่นี่ก็เมืองหลวง วัสดุพวกนั้นสำหรับเทศมณฑลชิงหยวนถือว่าไม่แย่ แต่กับเมืองหลวงนั้นยังไม่ดีมากพอ” อู๋ฝานตอบ “ส่วนเรื่องยา …ช่วงสองวันที่ผ่านมาข้าปรุงเพิ่มขึ้นมาใหม่เล็กน้อย น่าจะพอให้ใช้จำหน่ายสักระยะหนึ่ง”
หลังอู๋ฝานเอ่ยจบ ลั่วหยางจึงวางหีบห่อที่นำมาด้วย ภายในคือยาที่ชายหนุ่มปรุงขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ประกอบด้วยยาสมานแผล ยาทาผิวกระจ่าง ยาทาลบเลือนรอยแผลเป็น ยาที่ช่วยเติมพลังเลือดและอื่น ๆ อีกมากมาย เนื่องจากตอนนี้เขาคืออาจารย์ปรุงยาระดับมาสเตอร์ ดังนั้นจึงสามารถปรุงยาได้หลากหลายสูตร ทั้งความเร็วและอัตราการสำเร็จก็เพิ่มขึ้นสูงมากเช่นกัน
โจวกวงที่เห็นยาเหล่านั้นก็เผยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะรีบบอกให้คนงานของร้านนำไปเก็บให้เรียบร้อย “ในเมื่อนายท่านจะจัดการด้วยตัวเอง เช่นนั้นที่นี่ก็คงไม่มีปัญหาใด ๆ แล้วขอรับ”
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “ทำงานให้ดี หากการค้าที่นี่รุ่งเรือง กระเป๋าเงินในภายหน้าของพวกเราก็จะเต็มแน่นตามไปด้วย”
ชายหนุ่มทราบดีว่าการจะเลี้ยงคนมากมายโดยอาศัยเพียงการออกล่ามอนสเตอร์และขายวัสดุไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังติดหนี้หัวหน้าหมู่บ้านเอาไว้อีกก้อนใหญ่ ทำให้จำเป็นต้องหาเงินด้วยวิธีการอื่น และการเปิดร้านทำการค้าขายก็นับเป็นแนวคิดที่ดี ดังนั้นตนจึงค่อนข้างคาดหวังกับร้านแห่งนี้อยู่พอสมควร ว่ามันจะดำเนินไปได้ด้วยดี
……………………………