ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 539 ตายกันหมด
บทที่ 539 ตายกันหมด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อูหย่าหรือหลี่จื่อหยางบอก เนื้อหาล้วนแล้วแต่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าราชวงศ์แห่งหนานปิงในปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของกลุ่มคนจากอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย
อูหย่าไม่อาจทำภารกิจลอบสังหารจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิงได้สำเร็จตามที่อาณาจักรสุ่ยเยวี่ยคาดหวัง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนของอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยจะต้องปล่อยตัวสมาชิกราชวงศ์แห่งหนานปิง แต่เพราะอะไรองค์ชายสี่แห่งหนานปิงถึงขึ้นครองบัลลังก์อย่างกะทันหัน?
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักขอรับ” หลี่จื่อหยางตอบกลับ “ในเมื่อองค์เหนือหัวถูกลอบสังหาร ทางราชวงศ์จึงจับตามองอาณาจักรหนานปิง ทั้งยังเฝ้าระวังและสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางด้านนั้น จนได้พบถึงต้นสายปลายเหตุที่องค์หญิงสามลงมือลอบสังหาร แต่เพราะเหตุอะไรอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยถึงปล่อยองค์ชายสี่แห่งหนานปิงขึ้นครองบัลลังก์ มันยังเป็นเรื่องราวที่ไม่กระจ่างนัก”
อู๋ฝานขมวดคิ้ว ตลอดมาเขารู้สึกว่าเรื่องราวต้องไม่เรียบง่าย เพราะหากเป็นตัวเขาเอง ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปล่อยคนของราชวงศ์แห่งหนานปิง
“กล่าวไปแล้วยังมีอีกข่าวหนึ่ง” หลี่จื่อหยางเอ่ยขึ้น “ทางด้านอาณาจักรหนานปิง นอกจากองค์ชายสี่อูเฉียนที่รอดชีวิตและได้ครองบัลลังก์ สมาชิกราชวงศ์คนอื่นรวมถึงจักรพรรดิแห่งหนานปิงต่างก็ตายกันหมดสิ้น”
“ว่าอะไรนะ? ตายกันหมด!” อู๋ฝานที่ได้ทราบถึงกับต้องอุทาน กระทั่งเผยสีหน้าราวกับไม่เชื่อ
“ใช่ พวกเขาตายกันหมดแล้วขอรับ” หลี่จื่อหยางพยักหน้าตอบเป็นการยืนยัน “นอกจากนี้ หลังองค์ชายสี่ขึ้นครองบัลลังก์ก็มีท่าทีค่อนข้างเข้าหาทางอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย ดังนั้นเสนาบดีทั้งหลายในราชสำนักจึงคาดเดาว่าองค์ชายสี่ยอมจำนนแก่อาณาจักรสุ่ยเยวี่ยจึงรักษาชีวิตรอดมาได้ กระทั่งได้ขึ้นครองตำแหน่งเป็นจักรพรรดิ แต่ไปยอมจำนนแก่อาณาจักรสุ่ยเยวี่ยเมื่อใด เรื่องนี้ก็ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ”
อู๋ฝานขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่เคยคาดคิดมาก่อน เขาทราบดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาอูหย่ากังวลและห่วงหาครอบครัวเพียงใด หากทราบว่าทุกคนตายหมด ก็ไม่ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองอย่างไร
“ข่าวพวกนี้เป็นเรื่องจริงหรือขอรับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ไม่น่าจะใช่ข่าวปลอมขอรับ” หลี่จื่อหยางตอบกลับ “หลังองค์เหนือหัวถูกลอบสังหาร ก็ได้เตรียมการตอบโต้อาณาจักรหนานปิงเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง หลังได้ทราบเรื่องราว คล้ายว่าการตอบโต้ก็จะหยุดพักไปก่อนเป็นการชั่วคราวขอรับ”
หากอาณาจักรหนานปิงยอมศิโรราบต่ออาณาจักรสุ่ยเยวี่ย เช่นนั้นภารกิจล้างแค้นอีกฝ่ายก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป อย่างน้อยก็ไม่อาจบุ่มบ่ามลงมือ ไม่เช่นนั้นอาณาจักรหนานปิงและอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยอาจรวมหัว จนเกิดเป็นการโจมตีจากสองทิศทาง ลำพังแค่อาณาจักรหนานปิงนั้นไม่เป็นไร แต่อาณาจักรสุ่ยเยวี่ยไม่ได้ด้อยไปกว่าอาณาจักรเหยียนเฟิง ถ้าต้องสู้รบกันจริงขึ้นมาจริง ๆ อาณาจักรเหยียนเฟิงจะไม่มีทางชิงความได้เปรียบโดยง่าย
“ตอนนี้พวกเราได้ทราบเหตุผลที่องค์หญิงสามแห่งหนานปิงลงมือแล้ว องค์เหนือหัวจะยกเลิกคำสั่งออกค้นหาตัวนางหรือไม่ขอรับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
สำหรับอาณาจักรหนานปิง คนที่อู๋ฝานรู้จักและคุ้นเคยด้วยมีเพียงอูหย่า เพราะภารกิจที่ได้รับมา เขาจึงต้องการหลักประกันความปลอดภัยให้แก่นาง ส่วนคนอื่นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั้นตนไม่คิดใส่ใจ
แต่ภายหลังหลี่จื่อหยางได้ยินคำถามของอู๋ฝาน เขาถึงกับต้องมองตอบด้วยสายตาที่แปลกออกไป “ใต้เท้าอู๋ องค์หญิงสามเกือบจะลงมือลอบสังหารฝ่าบาทได้สำเร็จ นั่นเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่ต้องโทษถึงประหารเก้าชั่วโคตร! แม้นางจะมีเหตุผลอย่างไร แต่อาชญากรรมร้ายแรงเช่นนั้นมีหรือจะละเว้นโทษให้ได้?”
ก็เป็นจริงดังที่ว่า เรื่องที่หวังออกจะเกินไปหน่อย
และเมื่อคิดถึงสภาพปัจจุบันของอาณาจักรหนานปิงที่เลือกเข้าหาอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย อูหย่าที่เป็นองค์หญิงแห่งหนานปิงยิ่งไม่มีเหตุใดให้ต้องละเว้น ยิ่งไปกว่านั้นนางยังก่ออาชญากรรมร้ายแรง จักรพรรดิย่อมไม่สนใจถึงเหตุผล แต่จะจับกุมตัวนางมาลงโทษทัณฑ์ให้จงได้
“ข้ากล่าวผิดไป นางที่ลอบสังหารองค์เหนือหัวนั้นมีโทษสมควรตาย” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ
“เป็นเช่นนั้นขอรับ นางสมควรตาย ทว่าพวกเราออกค้นหาทั่วทั้งเมืองมาแล้วหลายวันแต่ก็ยังไม่พบตัว ไม่ทราบเลยว่านางไปซ่อนอยู่ที่ใด” หลี่จื่อหยางตอบกลับ
“หรือบางทีนางอาจจะออกนอกเมืองไปแล้ว?” อู๋ฝานตอบ
“ไม่น่าเป็นไปได้ขอรับ” หลี่จื่อหยางตอบกลับ “นับตั้งแต่เกิดเรื่อง ประตูเมืองทั้งสี่ทิศมีการตรวจตราและคุ้มกันอย่างแน่นหนา พวกเขาไม่เคยหย่อนยานแม้จนถึงตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะหลุดรอดออกไป”
“คาดว่าองค์เหนือหัวต้องใช้เวลาพักรักษาตัวอีกประมาณใด?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ” หลี่จื่อหยางตอบกลับ “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครได้เข้าเฝ้าองค์เหนือหัว ข้าเดาว่าเว้นแต่จะจับกุมตัวองค์หญิงสามแห่งหนานปิงได้ หรือยืนยันว่านางหนีออกไปนอกนครเหยียนหยางแล้ว หากไม่ใช่สองกรณีดังกล่าวทหารก็คงไม่หยุดการออกค้นหา”
ดูเหมือนว่าหากต้องการส่งตัวอูหย่าออกไปภายนอก ก็คงมีแต่ต้องรอพึ่งใบบุญเช่นเจ้าฉีช่วยพาออกไป อย่างไรตนก็ต้องรอจนกว่าจักรพรรดิจะพร้อมให้เข้าเฝ้าอีกครั้ง ขณะนี้จึงยังไม่อาจจากไปไหน ส่วนต้องรอนานเพียงใดนั้นสำหรับเขาไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ค่อนข้างครื้นเครง ตัวเอกหลักของงานยังคงเป็นอู๋ฝานผู้ที่มีสถานะต่ำเตี้ยที่สุด ขณะที่หลี่จื่อหยางและพรรคพวกพยายามผูกมิตรเข้าหากันอย่างออกหน้า ดังนั้นตั้งแต่เริ่มจนถึงจบงาน ชายหนุ่มแทบไม่ได้มีช่วงเวลาว่างเว้นหรือรู้สึกเป็นส่วนเกินของงานแต่อย่างใด
“ใต้เท้าอู๋ ขออภัยที่ข้าไม่รู้ความ แต่ชานี้ควรเตรียมการอย่างไรหรือขอรับ?” หลังงานเลี้ยง หลี่จื่อหยางที่เมาเอ่ยถามราวงงงวยขณะถือชาตื่นรู้ที่อู๋ฝานนำมาให้
ยุคนี้ไม่มีเครื่องดื่มสำเร็จรูป สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ดื่มก็จะเป็นน้ำบ่อ เหล้าองุ่น และชา แน่นอนว่าตอนที่อู๋ฝานเอ่ยถึงชาตื่นรู้ก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกว่ามันควรเป็นเหมือนชาเช่นที่พวกเขาเคยดื่ม แต่พอจะชงจริงกลับพบว่ามันไม่ใช่ใบชา แต่เป็นน้ำมาแล้ว
“ชาตื่นรู้นี้ไม่จำเป็นต้องต้มอีกขอรับ มันสามารถดื่มได้โดยตรงเลยขอรับ” อู๋ฝานเปิดฝาขวดพร้อมยกขึ้นดื่ม “ดื่มเช่นนี้เหมือนน้ำเปล่า”
หลี่จื่อหยางและคณะขมวดคิ้วกันเล็กน้อย ในความเห็นของพวกเขาการดื่มน้ำโดยตรงนับเป็นเรื่องไม่งาม ไม่ว่าจะเพราะหิวกระหายหรือเพื่อเอาใจแขกก็ตาม พวกเขามักคุ้นชินกับการต้มชาในกาและรินดื่ม ขณะนี้ชาตื่นรู้ของอู๋ฝานกลับดื่มประหนึ่งน้ำเปล่า ทำให้ในใจของพวกเขาเกิดความรู้สึกยากจะยอมรับ
แต่อู๋ฝานก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว แม้พวกเขาไม่อยาก แต่ก็ต้องยกขึ้นดื่มอึกหรือสองอึกไปตามเรื่องราว
หลี่จื่อหยางเป็นคนยกดื่มเป็นคนแรก เขากระทั่งเตรียมใจก่อนดื่มด้วยซ้ำว่ามันอาจจะยากกลืนเข้าไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ทันทีที่ของเหลวสัมผัสถึงริมฝีปาก ชาตื่นรู้ที่หอมหวานให้ความรู้สึกอร่อยล้ำกลับท่วมท้นจากริมฝีปากไปถึงฟัน มันไม่ได้เย็นหรือจืดชืดดังน้ำเปล่า
เพียงมันไหลผ่านลำคอ หลี่จื่อหยางก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นทันที สภาพจิตใจที่อ่อนล้าเพราะการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาและการทำงานตลอดทั้งคืนที่ผ่านมากระจ่างและเลือนหาย มันเป็นความรู้สึกมีแรงอย่างที่ไม่เคยนึกว่าจะรู้สึกได้อย่างกะทันหันถึงเพียงนี้
“ใต้เท้าหลี่เป็นอะไรไปขอรับ?” เมื่อเห็นเรื่องที่เกิดขึ้น ขุนนางที่อยู่ข้าง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
หลังเห็นท่าทีของหลี่จื่อหยาง อู๋ฝานยังต้องรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
หรือว่าคนในยุคสมัยนี้ไม่คุ้นกับเครื่องดื่มสำเร็จ แต่สิ่งที่นำเสนอนี้ไม่ใช่อะไรแปลกใหม่เช่นน้ำอัดลม ทว่าแค่เป็นน้ำที่มีรสชาติหวานกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้นเอง