ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 541 เปลี่ยนแปลงภารกิจ
บทที่ 541 เปลี่ยนแปลงภารกิจ
“หากเจ้าไม่รับปาก ข้าก็ไม่ลุกขึ้น!” อูหย่าตอบกลับ
“เจ้าคุกเข่าไปก็เท่านั้น” อู๋ฝานตอบกลับ “เจ้าเองก็ทราบว่าข้าเป็นอย่างไร เป็นแค่จื่อเจวี๋ยตัวจ้อยคนหนึ่ง ไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่อะไรในอาณาจักรเหยียนเฟิง เช่นนั้นจะเอาความสามารถใดไปล้างแค้นให้?”
อูหย่าเงียบตอบ นางเองก็ไม่ได้มีทางเลือกอื่นใดมากนัก ดังนั้นจึงร้องขอให้อู๋ฝานช่วยเหลือ อย่างไรตนในเวลานี้ก็ตัวคนเดียวแล้ว ทั้งข้ารับใช้และขันทีในวังที่ร่วมทางมาด้วยก่อนหน้านี้ต่างก็ถูกประหารจนหมดสิ้น นอกจากอีกฝ่ายนางก็ไม่เหลือใครให้พูดคุย ระบาย หรือว่าพึ่งพาอีกต่อไป
นางไม่ทราบว่าเวลาเช่นตอนนี้ควรต้องทำอย่างไร และทราบดีว่าลำพังเพียงแค่ตัวนาง การคิดล้างแค้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด
ลั่วเยวี่ยอ้าปากคิดอยากจะกล่าวอะไรออกมา แต่สุดท้ายไม่ได้เอ่ยคำใด แน่นอนว่านางต้องการช่วยอูหย่า แต่ตัวนางเองก็ไม่นับเป็นอะไรสำหรับอู๋ฝาน และก็ทราบสถานการณ์ของผู้เป็นเจ้านายดี หากต้องต่อกรกับทั้งอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย มันนับเป็นเรื่องที่อันตรายจนเกินไป
[กำลังเปลี่ยนแปลงภารกิจ!]
ขณะอู๋ฝานกำลังจะดึงตัวอูหย่าให้ลุกขึ้น เสียงจักรกลอันคุ้นเคยกลับดังขึ้นให้ได้ยินอีกครั้ง จนทำให้การกระทำของเขาต้องชะงักไปครู่หนึ่ง
เปลี่ยนแปลงภารกิจ?
จะเปลี่ยนอะไรอีก?
[เปลี่ยนแปลงภารกิจเสร็จสิ้น!] อู๋ฝานรอไม่นานเสียงเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[ภารกิจเดิม ช่วยเหลือส่งกลับ ตอนนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นภารกิจล้างแค้น : จงช่วยเหลืออูหย่าล้างแค้นและสังหารองค์ชายสองแห่งอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย เหยียลวี่หงเฟย]
[บทเริ่มต้นภารกิจรองแห่งการล้างแค้น : ส่งอูหย่ากลับบ้านเกิด]
หือ?
อู๋ฝานประหลาดใจที่ได้พบว่าภารกิจเดิมที่มีเพียงแค่ส่งตัวอูหย่ากลับบ้านเกิด มันได้กลายเป็นภารกิจต่อเนื่องเสียแล้ว อีกทั้งการส่งตัวอูหย่ากลับไปยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของภารกิจต่อเนื่องเท่านั้น
หากจะบอกว่าเป็นบทเริ่มต้น มันก็ต้องมีบทที่สอง บทที่สาม และบทอื่น ๆ อีกเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ!
และที่ปลายทางของภารกิจล้างแค้นต่อเนื่อง มันคือการสังหารองค์ชายสองแห่งอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย ผู้มีนามว่าเหยียลวี่หงเฟย จากเนื้อหาภารกิจมีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคือต้นเหตุของการสังหารหมู่ราชวงศ์แห่งอาณาจักรหนานปิง หรือกระทั่งเป็นจอมบงการผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง!
แต่การบอกให้ไปสังหารเหยียลวี่หงเฟยไม่ใช่เรื่องง่าย อีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชายลำดับที่สองแห่งอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย เป็นผู้มีสถานะอันสูงส่ง อู๋ฝานยังไม่เคยพบหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการให้ไปสังหาร
เมื่อได้ทราบเนื้อหาภารกิจเขาถึงกับอยากจะเลือกปล่อยมันทิ้งไปซะ ทว่าภารกิจนี้ถูกนำเสนอขึ้นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เพียงแค่ส่งอูหย่ากลับบ้าน หมายความว่ามันคือภารกิจบังคับให้ตอบรับ ไม่มีหนทางให้ปฏิเสธ
อีกทั้งเขายังได้พบว่าบทลงโทษหากทำภารกิจล้มเหลวรุนแรงมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ลดเลเวลเพียงแค่สาม และลบทักษะการใช้ชีวิตกับทักษะต่อสู้อย่างละหนึ่งเป็นการถาวร ปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไป ว่าหากเมื่อใดทำภารกิจล้มเหลว เลเวลจะลดลงถึงห้า และลบทักษะอีกประเภทละสองทักษะ นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษเป็นการลดค่าสถานะเดิมลงไปอีกรายการละห้าหน่วย!
บทลงโทษที่เพิ่มเข้ามานี้หนักหนาสาหัส มันหนักจนอู๋ฝานไม่กล้าปล่อยให้มันล้มเหลวได้!
‘เรื่องยังดีที่แค่ให้สังหารองค์ชายสองแห่งสุ่ยเยวี่ย ไม่ใช่จักรพรรดิแห่งอาณาจักร ยังไงฆ่าเด็กน้อยนั่นก็ดีกว่าให้ไปฆ่าตาแก่ที่อยู่บนจุดสูงสุด’ อู๋ฝานทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง
ภารกิจนี้เขาไม่มีอำนาจตัดสินใจ มันคือการยัดเยียดให้ยอมรับ ไม่สามารถปฏิเสธได้แม้แต่น้อย
“ลุกขึ้นก่อน แล้วมาพูดคุยเรื่องการล้างแค้นของเจ้า” อู๋ฝานช่วยประคองอูหย่าขึ้นมา
“หือ?” อูหย่าที่เดิมรู้สึกเหน็บชาไปทั้งกายเพราะความสิ้นหวังรุมเร้า ขณะนี้เงยหน้าขึ้นด้วยอาการประหลาดใจ “เจ้าตกลงยอมช่วยข้างั้นหรือ?”
“ใช่” อู๋ฝานพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง “พวกเราเป็นสหาย เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า การล้างแค้นของเจ้าก็คือการล้างแค้นของข้า ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าจะยากเย็นหรืออันตรายเพียงใด ข้าจะช่วยอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เจ้าได้ล้างแค้น และนำพาความตายของจอมบงการที่อยู่เบื้องหลังมาไว้ต่อหน้าเจ้า!”
คำพูดของอู๋ฝานเปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรม อูหย่าหวั่นไหวจนหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย กระทั่งกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้แน่นพร้อมเอ่ยอย่างตื้นตัน “ขอบคุณ ขอบคุณมาก!”
สถานการณ์เช่นตอนนี้นางไม่ทราบว่าจะกล่าวคำอะไรอื่นนอกจากขอบคุณ
ลั่วเยวี่ยที่ยืนข้าง ๆ อูหย่าแสดงออกทั้งความประหลาดใจและความกังวล นางรู้สึกยินดีที่มีคนช่วยอูหย่าล้างแค้น ทั้งยังรู้สึกเสียใจและโกรธแค้นต่อความตายของคนที่อีกฝ่ายรักและห่วงหา แต่อีกทางหนึ่ง เด็กสาวก็กังวลว่าการที่อู๋ฝานเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวการล้างแค้นครั้งนี้ มันคือการก้าวเข้าไปสู่หนทางที่อันตราย เห็นได้ชัดว่าลั่วเยวี่ยไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นนาย
‘เราต้องฝึกฝนให้หนักขึ้น เพื่อให้เก่งกาจกว่านี้ จะได้เป็นกำลังให้แก่นายท่านได้!’ ลั่วเยวี่ยตัดสินใจอยู่ในใจ
“ตอนนี้มาคุยกันเรื่องสภาพราชวงศ์ของเจ้าก่อน” อู๋ฝานบอกกับอูหย่า “บิดาของเจ้าผู้เป็นจักรพรรดิ และพี่น้องคนอื่นของเจ้าต่างถูกสังหาร เหลือรอดเพียงแค่องค์ชายสี่อูเฉียน ทั้งยังได้ขึ้นครองบัลลังก์ เห็นได้ชัดว่าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังกับอาณาจักรสุ่ยเวี่ย พวกเราจำเป็นต้องตรวจสอบญาติผู้นี้ของเจ้าให้กระจ่างเสียก่อน ส่วนว่าใครเป็นผู้ลงมือสังหาร องค์ชายสี่จะเป็นคนบอกให้พวกเราทราบเอง”
“พี่สี่งั้นหรือ?” อูหย่าครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง “ข้าค่อนข้างประทับใจพี่สี่ที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี ถ่อมตัวและสุภาพ เหล่าเสนาบดีในราชสำนักต่างก็ชื่นชอบเขากันทั้งนั้น แต่เสด็จพ่อคล้ายจะไม่ชอบเขาสักเท่าไหร่ ครั้งหนึ่งยังเคยบอกกับข้าเป็นการส่วนตัว …ว่าพี่สี่ภายนอกเป็นดวงตะวันสาดส่องแสง แต่ภายในดำมืดยิ่งกว่ายามราตรี ตอนนั้นข้านึกคิดไปว่าเสด็จพ่อเข้าใจอะไรผิดไป ขณะนี้เหมือนว่าคำพูดของท่านจะถูกต้องแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าคดีฆาตกรรมราชวงศ์แห่งหนานปิง อาณาจักรสุ่ยเยวี่ยไม่ได้ลงมือฝ่ายเดียวเสียทั้งหมด เพราะหลังองค์ชายสี่อูเฉียนขึ้นครองบัลลังก์ อีกฝ่ายไม่เพียงแสวงหาความตายของครอบครัว แต่ยังเลือกเข้าหาอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยอย่างออกนอกหน้า เป็นการแสดงออกว่าต้องมีปัญหาที่ตัวบุคคล กระทั่งอูหย่ายังคาดเดาได้ว่าความตายของครอบครัวและบิดาของนางจะต้องมีการเล่นไม่ซื่อทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
อูหย่ายังไม่ลืมเรื่องที่คนของอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยบุกเข้ามาถึงวังหลวงได้อย่างง่ายดาย กระทั่งนำไปสู่การจับกุมเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด
“ปัญหาควรอยู่กับพี่สี่ของเจ้าแล้ว!” อู๋ฝานตอบกลับ “ไม่ว่าเขาจะเข้าหาอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยก่อนครอบครัวของเจ้าเสียชีวิตหรือไม่ แต่หลังความตายเหล่านั้น เขาไม่ใช่คนที่คู่ควรจะเชื่อถือได้อีกต่อไป”
อูหย่าพยักหน้าตอบ จากนั้นจึงแสดงความโศกเศร้าพลางเอ่ยออกมา “กล่าวไปแล้ว …เท่าที่ข้าจดจำได้ เขาดีกับข้ามาโดยตลอด ครั้งหนึ่งข้าไปเยือนขุนเขาสวรรค์เพื่อฝึกซ้อมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้สติอยู่ถึงสามวันสามคืนด้วยกัน ก็เป็นเขาที่คอยอยู่เคียงข้างข้าคอยดูแล ทั้งยังคอยป้อนยาให้”
“หือ? เดี๋ยวนะ ขุนเขาสวรรค์ ขุนเขาสวรรค์อะไร? เป็นขุนเขาสวรรค์ใด?!” แทนที่จะสนใจเรื่องที่อูหย่าบอกเล่าถึงอูเฉียน ความสนใจของอู๋ฝานกลับถูกนามขุนเขาสวรรค์ดึงไปจนหมดสิ้น
อู๋ฝานยังไม่ลืมภารกิจของอาจารย์ปรุงยาหลี่ อีกฝ่ายกล่าวว่าเหนือขุนเขาสวรรค์มีดอกบัวหิมะขุนเขาสวรรค์ดำรงอยู่ แต่อาจารย์ปรุงยาหลี่ไม่ทราบว่าขุนเขาสวรรค์อยู่ที่ใด ดังนั้นจนถึงตอนนี้จึงเป็นภารกิจที่รับมาแต่ไร้ซึ่งเบาะแส ไม่คาดคิดว่าปัจจุบันจะได้ยินเรื่องราวของขุนเขาสวรรค์จากปากของอูหย่าเสียได้
……………………………