ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 552 พ่ายแพ้
บทที่ 552 พ่ายแพ้
“แกเป็นคนสังหาร?” ชายชรามองอู๋ฝานด้วยสายตาเย็นเยือก
“ใช่!” อู๋ฝานตอบกลับ
“งั้นก็จงรับความตาย!” สิ้นเสียง ชายชราก็คิดจะต่อยอู๋ฝานด้วยแรงอันมหาศาล เห็นได้ชัดว่าการบอกให้ไปตายไม่ใช่คำพูดล้อเล่น แต่ต้องการจะสังหารจริง ๆ!
แต่อู๋ฝานระวังไว้อยู่ก่อนแล้ว หลังชายชราออกหมัด เขาก็ยื่นแขนออกไปรับการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ได้
“ฉันไม่ได้อยากสู้กับคนอย่างแก ที่ฉันต้องการพบคือเจ้าวัง” อู๋ฝานตั้งรับและตอบรับด้วยท่าทีสงบ
หากอู๋ฝานต้องการคลี่คลายปัญหานี้จนถึงต้นเหตุ เขาก็มีแต่ต้องพบเจ้าวังของอีกฝ่าย อย่างไรบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจที่สุดของวังเมฆาสีชาดก็คือเจ้าวัง การพูดคุยกับคนเบื้องล่างไปก็ไม่มีประโยชน์ใด
“เจ้าวังของพวกเราเป็นใคร ใช่คนที่หมาแมวอย่างแกบอกว่าอยากพบก็พบได้งั้นเหรอ?” ชายชราถามเสียงดังขึ้นมา
“งั้นจะพบได้ยังไงล่ะ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“เอาชนะฉันให้ได้ก่อนเถอะ!” ชายชราตอบกลับ
“เอาแบบนั้นก็ได้!” ชายหนุ่มตอบรับ
ครั้งนี้อู๋ฝานไม่คิดรอให้อีกฝ่ายเปิดฉากโจมตี แต่เป็นฝ่ายบุกเข้าไปโจมตีเล่นงานเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ
“โอหังไม่รู้ความ!” ชายชราที่เห็นชายหนุ่มเป็นฝ่ายบุกเข้ามาโจมตีเผยสีหน้าท่าทีรังเกียจและเหยียดหยันออกมา แม้จะป้องกันการลอบโจมตีของเขาได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องเก็บมาใส่ใจ เขาเพียงมองว่าอีกฝ่ายเป็นคนหนุ่มที่เลือดร้อนที่ไม่รู้ความ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายรนหาที่ ชายชราก็ไม่คิดมากมารยาท
“ตึง!”
หมัดของอู๋ฝานปะทะเข้ากับหมัดของชายชรา มันทำให้ชายชราต้องแตกตื่น เพราะหลังการปะทะเขาเป็นฝ่ายต้องถอยกลับไปหลายก้าว ขณะที่อีกฝ่ายราวกับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย กระทั่งเปิดฉากรุกไล่มาอีกครั้งหนึ่ง
ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้! พ่ายแพ้!
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?!
แต่ก่อนชายชราจะระงับอาการแตกตื่นได้ อู๋ฝานก็โจมตีอีกครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้เป็นการโจมตีด้วยขา ขาขวาของเขาลากเป็นเส้นโค้งกลางอากาศพาดตรงไปยังลำคอของเป้าหมาย
ชายชราแตกตื่นจนยกแขนซ้ายขึ้นต้านรับการโจมตีเอาไว้
“ตึง!”
ขาขวาของอู๋ฝานเตะเข้าใส่ข้อมือ ความเจ็บปวดพลันโลดแล่น แม้ชายชราไม่ได้หันไปมอง แต่ก็ทราบดีว่าแขนข้างนั้นบวมเป่งเพราะเลือดคั่งเรียบร้อยแล้ว
ทว่าการโจมตีของอู๋ฝานยังไม่ได้หยุดลงเพียงเท่านี้ ทั้งที่ชายชราคิดว่าหลังการโจมตีอันรุนแรง อีกฝ่ายจะต้องถอนเท้ากลับไปเตรียมส่งแรงอีกครั้ง แต่ลูกเตะของอู๋ฝานยังคงเตะครั้งถัดมาอย่างต่อเนื่อง…
ขาของอู๋ฝานเตะเร็วจนเกินไป มันถึงขนาดทิ้งภาพติดตาค้างอยู่กลางอากาศ ประหนึ่งขาของเขามีหลายสิบข้างและสาดซัดออกเป็นเกลียวคลื่น พร้อมถาโถมเข้าใส่ชายชราครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะประเมินผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้น ชายชราจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และทำได้เพียงหาทางต้านรับการโจมตีของอู๋ฝานเอาไว้ แม้ชายชราจะแข็งแกร่งกว่าจานเฮ่อ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ากันมากมาย เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างต่อเนื่องของชายหนุ่ม ทั้งยังเป็นการโจมตีอันรุนแรง ทำให้ยากที่จะต้านรับเอาไว้ได้
แต่ชายชราไม่ใช่คนที่ใช้เวลาล่วงเลยมาโดยเปล่า เขาทราบดีว่าหากต้องการเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ตรงหน้า ตนเองก็ต้องมองหาโอกาสตอบโต้ ดังนั้นขณะต้านรับการโจมตีของอู๋ฝานด้วยมือซ้าย มือขวาของเขาเล็งจะต่อยใส่หน้าอกของอู๋ฝาน
การเคลื่อนไหวของชายชราค่อนข้างแยบยล แต่ไม่อาจหลีกหนีสายตาของอู๋ฝาน เมื่อเห็นผ่านมือขวาของอีกฝ่ายหมายโจมตี ขาข้างขวาของอู๋ฝานจึงเตะเสยใส่แขนข้างนั้น มันไม่ได้เตะจนสะท้อนกลับ แต่เป็นการใช้ขาเกี่ยวแขนไว้ ก่อนจะฉวยโอกาสนี้ใช้ขาข้างซ้ายกระทืบพื้นอย่างรนแรงจนร่างกายกระเด้งหมุนไป
“ตึง!”
หลังปรับเปลี่ยนท่วงท่า ขาซ้ายของเขาจึงเตะใส่แขนขวาของชายชราอีกครั้ง เมื่อขาและแขนปะทะกันทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องแบกรับอาการเจ็บปวด
แต่เห็นได้ชัดว่าชายชราเป็นฝ่ายเสียเปรียบในแง่ของการประชันกำลัง จนต้องแบกรับความเสียหายจากการปะทะ อีกทั้งการโจมตีของอู๋ฝานยังรวดเร็ว ร่างของชายชราที่โดนลูกเตะเล่นงานจึงไม่อาจทรงตัว
อู๋ฝานอดกลั้นต่อความเจ็บปวด หลังใช้ขาซ้ายเตะใส่ชายชราได้แล้วก็ยังไม่ถอนเท้ากลับ แต่ยังคงเตะออกไปอย่างต่อเนื่อง
“ตึง!”
ขาซ้ายของอู๋ฝานเตะเข้าคอของชายชราจนเกิดเสียง ‘แกร๊ก!’ ดังขึ้น คอของชายชราส่งเสียงดัง จนทำให้ร่างกายล้มหงายหลังลงกับพื้น
ชายชราหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าขาซ้ายของอู๋ฝานเพิ่งปะทะกับแขนขวาของเขาไป ดังนั้นเรี่ยวแรงควรถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว ทว่าขาซ้ายของอู๋ฝานยังส่งลูกเตะอันแข็งแกร่งออกมาได้จนคอของเขาโดนเล่นงานไปครั้งหนึ่ง และยังทำให้ทั้งร่างกายเจ็บปวดอย่างสาหัสขึ้นมา
“ตึง!”
ชายชราล้มลงกับพื้น ร่างอู๋ฝานหันพลิกกลับกลางอากาศก่อนเหยียบพื้นเพื่อทรงตัวอีกครั้ง ก่อนจะทะยานไปเหยียบหน้าอกของชายชราด้วยฝ่าเท้า
“อั่ก!”
ชายชราถูกเหยียบอย่างรุนแรง และเพราะบาดเจ็บอยู่แต่แรก อาการบาดเจ็บเวลานี้จึงยิ่งหนักหนาถึงขั้นกระอักเลือดออกจากปาก ออร่าทั้งร่างกายพลันอ่อนยวบลง สีหน้าเริ่มซีดเผือด
“ให้ฉันพบเจ้าวังได้รึยังล่ะ?” อู๋ฝานเหยียบหน้าอกชายชราพร้อมกับก้มลงมองและเอ่ยถามราวกับนอบน้อม
“อย่าแม้แต่จะคิด!” แม้ชายชราจะพ่ายแพ้ แต่ก็ยังคงปฏิเสธออกมาเสียงแข็ง
“ผู้อาวุโส!”
“ปล่อยผู้อาวุโสเดี๋ยวนี้!”
เหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดที่อยู่บริเวณนั้นต่างรู้ตัวทันทีที่เห็น แต่เพราะอู๋ฝานควบคุมตัวชายชราเอาไว้ พวกเขาจึงไม่กล้าลงมืออย่างประมาท
เหมยอวี่และเหมยเสวี่ยต่างมายืนข้างกายอู๋ฝาน เตรียมพร้อมเผชิญและตอบโต้เหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาด
อู๋ฝานเมินศิษย์ทั่วไปของวังเมฆาสีชาด พร้อมย้ายเท้าไปยังบริเวณลำคอของชายชราและออกแรงกดมากขึ้น
ขณะนี้เองที่ชายชราหายใจติดขัดจนสีหน้าเริ่มกลายเป็นม่วงคล้ำ
“บอกมาว่าสำนักของพวกแกตั้งอยู่ที่ไหน” อู๋ฝานเอ่ยถาม “แต่จะให้ฆ่าผู้อาวุโสคนที่สองก่อนพบเจ้าวังของพวกแก ฉันก็ไม่ขัดหรอกนะ”
ชายชราจ้องอู๋ฝานด้วยความโกรธแค้น เขาปรารถนาจะฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ พลางคิดว่าตนเองเป็นผู้อาวุโสของวังเมฆาสีชาดมานานหลายปี มีครั้งใดที่ถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรงถึงขนาดนี้? และวันนี้ถึงขั้นต้องมาพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจยอมรับ
ขณะโกรธแค้น เขาก็แตกตื่นด้วยเช่นกัน
เขาคือขอบเขตมืดขั้นสูงสุด เป็นผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจานเฮ่อ ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับอู๋ฝานก็ยังต้องพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือคนที่ก้าวสู่ขอบเขตแปรสภาพแล้ว?
เมื่อชายชราคิดก็พบว่ามันยากเกินจะเชื่อได้
อู๋ฝานไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตแปรสภาพ ความแข็งแกร่งและดุดันที่แสดงออกมานั้นเพราะความได้เปรียบจากพละกำลัง ประการที่สองเพราะชายชราประมาทคู่ต่อสู้ ส่วนประการที่สามนั้นแม้คนทั้งสองจะเป็นขอบเขตมืดขั้นสูงสุด แต่ภายในขั้นสูงสุดมันก็ยังมีความแตกต่างทางพละกำลังที่สามารถรวบรวมได้ เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานแข็งแกร่งกว่าชายชรา
ตอนที่อู๋ฝานเอ่ยปากว่าสังหารจานเฮ่อ ชายชรายังไม่คิดเชื่อ อย่างไรจานเฮ่อก็เป็นผู้อาวุโสสำนักนอกแห่งวังเมฆาสีชาด อีกฝ่ายเป็นถึงขอบเขตมืดขั้นสูง มีหรือจะถูกเด็กน้อยคนหนึ่งสังหารเอาได้?
แต่หลังเจอกับตนเอง เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิด กระทั่งตนยังพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจหากจานเฮ่อจะพ่ายแพ้จนสูญสิ้นชีวิต
ทว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายที่อายุยังน้อยถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้? หรืออีกฝ่ายเป็นศิษย์ของสำนักทรงอำนาจหรือตระกูลใหญ่?
“อั่ก!”
เมื่ออู๋ฝานเห็นชายชรานิ่งงัน เขาจึงออกแรงกดที่เท้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ชายชราที่บาดเจ็บหนักอยู่แล้วกระอักเลือดออกมาอีกครั้งหนึ่ง