ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 570 เนรเทศ
บทที่ 570 เนรเทศ
พระราชโองการถึงข้างั้นหรือ?
กัวจื่อหมิงถึงขั้นประหลาดใจ
“กัวจื่อหมิงรับพระราชโองการ!” เมื่อเห็นไม่มีใครตอบสนอง มหาขันทีจึงตะโกนเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
คนกลุ่มนี้เพิ่งไปเยือนที่ว่าการเทศมณฑลมา คนของที่นั่นกล่าวว่ากัวจื่อหมิงอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางมุ่งหน้ามาทางนี้แทน ทว่าตอนนี้กลับไร้ซึ่งผู้ใดตอบสนอง หรือว่าเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการเทศมณฑลหลอกลวงพวกเขา?
“ข้า… กระหม่อมรับพระราชโองการ!” กัวจื่อหมิงเร่งก้าวเท้าออกไปตอบรับพร้อมคุกเข่าลงตรงหน้ามหาขันที
ที่ปรึกษารวมถึงเหล่าองครักษ์และเจ้าหน้าที่ทางการที่มาด้วยกัน หลังได้ตระหนักว่าต้องทำอะไร พวกเขาต่างคุกเข่าลงเหมือนดังกัวจื่อหมิง
มหาขันทีมองกัวจื่อหมิงด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเริ่มคลี่กางพระราชโองการ
“สวรรค์ประทานพร จักรพรรดิได้มีพระราชโองการถึงกัวจื่อหมิง ผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวนที่ไม่ทราบดีชั่ว หลอกลวงเบื้องสูงและเบื้องล่าง แอบอ้างความดีความชอบของผู้อื่นไปเป็นของตนเอง ทำร้ายขวัญกำลังใจของวีรชนที่ต่อกรศัตรูเช่นทัพกบฏ ทั้งยังหลบเลี่ยงอยู่ในเมืองอย่างปลอดภัย ขณะปล่อยราษฎรทิ้งโดยไม่ไยดี เป็นอาชญากรรมที่ไม่อาจได้รับการให้อภัย ขณะนี้จึงถูกปลดจากตำแหน่งผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวน และขับไล่โดยการเนรเทศไปยังเขตชนบทหลิงหนาน จบพระราชโองการ!”
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?
หลังได้ฟังพระราชโองการจากมหาขันที ใบหน้ากัวจื่อหมิงถึงขั้นซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว ราวกับยังไม่เชื่อว่ามันเกิดเรื่องใดขึ้นกับตนเอง
หลังได้ทราบว่ามันเป็นพระราชโองการถึงตนเอง เขาถึงกับยินดีและคาดหวังจนดวงตาพร่ามัว เพราะเรื่องโฉวหย่งเชาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาได้แอบอ้างความดีความชอบของอู๋ฝานมาเป็นของตนเอง ขณะนี้พระราชโองการมาถึง ไม่แปลกหากหวังจะได้รับรางวัลจากจักรพรรดิในฐานะผู้ทำความดีความชอบสังหารศัตรูของบ้านเมือง
แต่เนื้อหาของพระราชโองการกลับแตกต่างไปจากความคาดหวัง ไม่เพียงจะไม่ได้รับพระราชทานรางวัล ทว่ายังเป็นบทลงโทษอันหนักหนา เขาถูกถอดตำแหน่งผู้ปกครองเทศมณฑล และยังขับไล่เนรเทศไปยังเขตชนบทหลิงหนาน มันคือสถานที่ป่าเถื่อนที่มีแต่ความโหดร้าย น้อยคนจะถูกเนรเทศไปยังที่นั่นและรอดชีวิตกลับมาได้ เมื่อเขาถูกเนรเทศไปยังที่นั่นก็หมายความถึงชีวิตที่จบสิ้น
แต่มันเกิดเรื่องราวนี้ได้ยังไง? ไฉนจึงแตกต่างจากสิ่งที่คาดคิดเอาไว้จนเกินไป
“กงกง ท่านอ่านผิดหรือไม่ขอรับ?” กัวจื่อหมิงเผยท่าทีหวาดกลัวขณะเอ่ยถามจากมหาขันที
“ตระกูลจาของข้าอ่านออกและเขียนเป็น!” มหาขันทีตอบรับด้วยสายตาเย็นชา “ใต้เท้ากัวจงตอบรับพระราชโองการ และติดตามข้าไปยังที่ว่าการเทศมณฑลเพื่อส่งคืนตราประทับของทางการ และเมื่อนั้นก็จงออกเดินทางไปเสีย”
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!” เห็นได้ชัดว่ากัวจื่อหมิงไม่คิดยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
เพราะเหตุใดองค์เหนือหัวถึงทราบเรื่องที่เขาแอบอ้างความดีความชอบสังหารหัวหน้ากองทัพกบฏ? และยังมีเรื่องที่ครั้งโฉวหย่งเชาออกอาละวาดแถบเทศมณฑลชิงหยวนอีก เขาเลือกปิดประตูเมืองอย่างแน่นหนาเพื่อซ่อนตัว ทั้งหมดนี้องค์เหนือหัวทราบได้อย่างไร?
กัวจื่อหมิงไม่อาจทราบได้เลยแม้แต่น้อย
คนที่ติดตามมหาขันทีมาเพื่อประกาศพระราชโองการเห็นกัวจื่อหมิงไม่ให้ความร่วมมือจึงเริ่มตอบสนอง โดยการเข้าจับกุมและควบคุมตัวเหมือนดังที่กระทำกับนักโทษ
“ไม่ พวกเจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้! ข้าคือผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวน พวกเจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!” กัวจื่อหมิงตะโกนแผดเสียงราวกับเสียสติออกมา
“จงสงบเสีย!” ทหารม้าที่ตามมาถ่ายทอดพระราชโองการต่างก็เป็นยอดฝีมือแห่งวังหลวง สำหรับพวกเขา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้รับงานจับกุมตัวคนกระทำผิด และไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่เจอคนไม่อาจยอมรับความจริงดังเช่นกัวจื่อหมิง กระทั่งว่ายินดีที่ได้เห็นคนขัดขืนจนได้มีโอกาสลงไม้ลงมือเสียด้วยซ้ำ
กัวจื่อหมิงเริ่มควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่ สีหน้าที่ทั้งไม่ยอมรับ หวาดกลัว และสงสัยต่างแสดงออกมาอย่างชัดเจน
ขณะนี้เองที่ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ กัวจื่อหมิงจึงตะโกนเสียงดังไปทางจวนของอู๋ฝาน “อู๋ฝาน เป็นเจ้า! ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม? เสนอหน้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
ขณะอู๋ฝานเห็นกลุ่มคนมาที่นี่เพื่อประกาศพระราชโองการ เขาจึงฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจกลับเข้าไปในจวน เนื่องจากครั้งนี้ตนไม่ควรเดินทางมาอยู่ที่นี่ เพราะเขาควรยังอยู่ที่นครเหยียนหยาง หากมหาขันทีแห่งวังหลวงเห็นตนเองที่นี่จนล่วงรู้ถึงหูจักรพรรดิชรา เช่นนั้นเขาก็ยากจะหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ดังนั้นเขาจึงซ่อนตัวไปก่อนใครจะทันรู้ตัว ขณะนี้ไม่ว่ากัวจื่อหมิงแผดเสียงร้องแหกปากตะโกนเรียกเพียงใด เขาก็ไม่คิดไปแสดงตัว
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของกัวจื่อหมิง มหาขันทีจึงมองไปทางจวนด้วยความสงสัย เนื่องจากนามอู๋ฝานนั้นฟังแล้วคุ้นเคย อีกฝ่ายคือคนที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยองค์เหนือหัวเอาไว้จากเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ไฉนเลยจะกลับมาถึงเทศมณฑลชิงหยวนแล้ว?
มหาขันทีจำได้ว่าตอนรับหน้าที่มาถ่ายทอดพระราชโองการที่เทศมณฑลชิงหยวน พระราชโองการพระราชทานรางวัลแก่อู๋ฝานก็ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะออกจากเมืองหลวงมาก่อนพวกเขา เนื่องจากระยะทางที่ห่างกันร่วมแปดร้อยลี้ พวกเขายังต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะเดินทางมาถึง อู๋ฝานที่ออกเดินทางหลังพวกเขาจะมาถึงก่อนได้อย่างไร?
มหาขันทีเริ่มครุ่นคิดและมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เกรงว่าอาจจะเป็นแค่คนชื่อคล้าย เนื่องจากชื่ออู๋ฝานก็ไม่ใช่หาพบเจอยากเย็น ไม่แปลกหากจะมีคนที่ชื่อคล้ายกัน
อู๋ฝานซ่อนตัวอยู่ด้านในจวน เมื่อเห็นมหาขันทีกลับไปพร้อมกับพวกกัวจื่อหมิงจึงค่อยออกมาพลางถอนหายใจโล่งอก
“นายท่าน เรื่องครั้งนี้วิเศษยิ่งนัก คนแซ่กัวนั่นจบสิ้นแล้วขอรับ!” ทันทีที่ซุนเลี่ยงเจออู๋ฝานจึงเอ่ยออกมาด้วยความยินดี
“ใช่ ยังดีที่องค์เหนือหัวปราดเปรื่อง คนแซ่กัวนั่นคิดตบตาฝ่าบาทหาความดีความชอบใส่ตนเอง สุดท้ายไม่อาจหลีกหนีจากดวงตาอันปรีชาของฝ่าบาท จนถูกถอดยศตำแหน่ง ทั้งยังถูกเนรเทศไปยังหลิงหนาน เรียกได้ว่าคงไม่มีชีวิตรอดกลับมา” ถังซานร่วมเอ่ยด้วยความยินดี
ก่อนหน้านี้กัวจื่อหมิงไม่ยอมเขียนรายงานความดีความชอบของอู๋ฝานส่งไปเบื้องบน พวกเขาก็ทราบดี เพียงแต่เรื่องราวผ่านไปนานแล้วจึงไม่ได้คิดอะไรให้มากความ หาได้นึกคิดไม่ว่ากัวจื่อหมิงจะไร้ยางอาย ปากบอกว่าไม่รายงานความดีความชอบให้ แต่ใจจริงกลับคว้าเอาความดีความชอบไปเป็นของตนเอง นับว่าโชคยังดีที่จักรพรรดิปรีชาสามารถ แผนการชั่วดังกล่าวจึงไม่สำเร็จ
หลังเห็นกัวจื่อหมิงจบสิ้นจากเรื่องราวดังกล่าว พวกเขาจะยินดีออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
อู๋ฝานครุ่นคิดพลางนึกขึ้นได้ว่าจักรพรรดิชราเคยสอบถามเรื่องโฉวหย่งเชาในตอนที่ไปเข้าเฝ้าเมื่อครั้งก่อน ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดใส่ใจมากมาย ทั้งยังไม่ทราบด้วยว่ากัวจื่อหมิงแอบอ้างเพื่อหลอกลวงเบื้องสูง และก็ไม่คิดด้วยเช่นกันว่าจักรพรรดิชราจะปรีชาสามารถ ทั้งยังมีหูตากว้างไกล กล่าวได้ว่ากัวจื่อหมิงโยนหินกระทบหน้าตนเองก็ไม่ผิด
“เอาละ ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วข้าก็ขอตัวก่อน จำเอาไว้ว่าหากมีใครสอบถาม ต้องตอบไปว่าข้าไม่เคยกลับมาที่นี่วันนี้ เข้าใจใช่หรือไม่?” อู๋ฝานบอกกับทั้งซุนเลี่ยงและถังซาน
“ขอรับนายท่าน” แม้ว่าคนทั้งสองจะไม่ทราบถึงเหตุผล แต่ในเมื่อเป็นคำขอจากผู้เป็นนาย พวกเขาก็พร้อมจะทำตามที่ได้รับคำสั่ง
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะให้คนขับรถลากออกไปนอกเมือง เนื่องจากมหาขันทียังคงอยู่ในที่ว่าการเทศมณฑล เขาจึงไม่กล้าอยู่ในเมืองต่อนาน อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เปิดเผยตัวเอง
ขณะที่อู๋ฝานนำสินค้าออกมานอกเมือง ทางด้านในเมืองก็กำลังเกิดความวุ่นวายโกลาหล กัวจื่อหมิงถูกปลดจากตำแหน่งและถูกเนรเทศ ที่ปรึกษาผู้เป็นคนออกความคิดก็ไม่อาจรอดพ้น สุดท้ายจึงถูกเนรเทศไปพร้อมกัน นอกจากพวกเขา เจ้าหน้าที่ของที่ว่าการเทศมณฑลอีกหลายคนต่างก็เผชิญสถานการณ์เดียวกัน สุดท้ายจึงกลายเป็นเหตุโศกนาฏกรรมแห่งที่ว่าการเทศมณฑลชิงหยวน
เมื่ออู๋ฝานมาถึงตำแหน่งที่สามารถใช้เทเลพอร์ตได้นอกเมือง มหาขันทีผู้ประกาศพระราชโองการก็ยับยั้งความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ สุดท้ายจึงเดินทางไปยังจวนของอู๋ฝานเพื่อสอบถามเรื่องที่กัวจื่อหมิงตะโกนเรียกก่อนหน้านี้
ทางด้านซุนเลี่ยงจดจำคำสั่งของอู๋ฝานได้เป็นอย่างดี จึงกล่าวว่าเจ้านายยังคงอยู่ที่เมืองหลวง ส่วนเมื่อครู่ที่กัวจื่อหมิงตะโกนเรียกออกมานั้นเป็นบุคคลที่นามคล้ายคลึงกัน ได้ยินดังนั้นมหาขันทีจึงได้ทราบว่าเป็นไปตามที่คิดแต่แรกจึงไม่สงสัยอื่นใดเพิ่มเติมอีก สุดท้ายจึงหันกลับและจากไป โดยเตรียมเดินทางกลับเมืองหลวงเพื่อรายงานเรื่องราว