ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 572 ขอพร
บทที่ 572 ขอพร
“เขาเป็นสหายของเจ้าหรือ?” ด้านในรถลาก เจ้าฉีมองอูหย่าที่ปลอมตัวเป็นบุรุษด้วยความสงสัยขณะเอ่ยถามกับอู๋ฝาน
อู๋ฝานและคณะออกเดินทางจากเมืองด้วยรถลากสองคัน คันแรกเป็นรถลากที่เจ้าฉีนำมาแต่แรก โดยมีเจ้าฉี เสี่ยวชิง อู๋ฝาน อูหย่า และลั่วเยวี่ยโดยสาร ส่วนรถลากคันที่สองนั้นลั่วหยางเป็นคนขับ โดยมีสัมภาระและสิ่งของที่ต้องใช้เพื่อเดินทาง
นับเป็นโชคดีที่รถลากของเจ้าฉีมีพื้นที่ภายในกว้างขวาง ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยจำนวนคนถึงห้าคนคงต้องนั่งกันอย่างแออัด
ลั่วเยวี่ยกับเจ้าฉีเคยพบกันมาก่อนแล้ว แต่เจ้าฉีไม่ค่อยคุ้นเคยกับอูหย่า
“ใช่” อู๋ฝานพยักหน้ารับ “บังเอิญว่าเขาเองก็กำลังจะออกไปจากเมืองพอดี ดังนั้นข้าก็เลยเรียกมาร่วมทางไปด้วยกัน”
อูหย่าพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเจ้าฉี
เจ้าฉีพิจารณามองอูหย่าพลางถาม “เหตุใดข้ารู้สึกว่าสหายเจ้าคนนี้ดูคุ้นหน้ากันนะ?”
หัวใจอู๋ฝานพลันรู้สึกบีบรัด ส่วนอูหย่าถึงกับสีหน้าแปรเปลี่ยน
“คงจำผิดคนกระมัง” อู๋ฝานเร่งรีบตอบ “สหายข้าผู้นี้เพิ่งมานครเหยียนหยางเป็นครั้งแรก เจ้าที่ไม่เคยออกไปนอกเมืองมาก่อนไม่น่าเคยพบเขาได้ ดังนั้นคงจำคนผิด”
อูหย่าร่วมพยักหน้าตอบรับ
เจ้าฉีมองอูหย่าอีกครั้งก่อนจะตอบกลับ “ที่เจ้าพูดก็สมเหตุสมผล แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าเหมือนเคยเจอที่ใดมาก่อน”
“บางทีสหายข้าอาจคล้ายกับคนที่เจ้าเคยได้พบเจอมาก่อนกระมัง” อู๋ฝานตอบกลับ
“ก็เป็นไปได้” เจ้าฉีพยักหน้าตอบรับ “จะว่าไปแล้ว ได้ยินว่าวันนี้ปรมาจารย์หงกวงก็จะไปที่วัดหงอวี่เช่นกัน บางทีพวกเราอาจได้พบก็เป็นได้”
เมื่อเห็นเจ้าฉีคลายความสงสัย อู๋ฝานถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ปรมาจารย์หงกวงคือผู้ใด?”
“นี่เจ้าไม่รู้จักปรมาจารย์หงกวงงั้นหรือ?” เจ้าฉีถึงกับเผยคำค่อนแคะอู๋ฝานอย่างไม่ไว้หน้า “ปรมาจารย์หงกวงเป็นภิกษุผู้แตกฉานทั้งทางคุณธรรมและเมตตาธรรม ได้ยินมาว่าท่านปลุกเสกเทวรูปด้วยตนเอง หากนำไปสักการะด้วยใจบริสุทธ์ย่อมได้รับผล”
“ถึงขนาดนั้นเลย?” อู๋ฝานเผยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อ
“เจ้าไม่เชื่อก็ช่าง” เจ้าฉีเองก็มองออกว่าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าใด “หากในวันนี้ข้าได้พบปรมาจารย์หงกวง ข้าก็คิดจะขอให้ท่านช่วยปลุกเสกเทวรูป จากนั้นจะได้นำกลับไปบ้านเพื่อใช้ขอพรให้แก่บิดาข้า”
เจ้าฉีถึงขั้นกลอกตามองอู๋ฝานโดยไม่เอ่ยอื่นใดอีก
ไม่นานรถลากก็มาถึงประตูเมือง ทหารเฝ้าคุ้มกันที่นี่ยังคงตรวจสอบคนเข้าออกอย่างเข้มงวด อู๋ฝานเองก็ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบครั้งที่ออกไปและนำสินค้าเข้ามาในเมืองครั้งก่อนหน้านี้
“หยุด!” แน่นอนว่าเมื่อรถลากมาถึงหน้าประตูเมือง ทหารจะต้องสั่งให้หยุด
อูหย่าเริ่มเผยท่าทีตึงเครียด อู๋ฝานหันไปส่งสายตาบ่งบอกให้นางผ่อนคลาย
“เสี่ยวชิง” เจ้าฉีไม่เห็นการแลกเปลี่ยนสายตาระหว่างอู๋ฝานและอูหย่า เมื่อเห็นรถลากหยุดลง เจ้าฉีจึงเรียกเสี่ยวชิงเป็นการบ่งบอก
เสี่ยวชิงย่อมเข้าใจความหมายของเจ้าฉีดี ขณะนี้จึงโค้งกายให้พร้อมออกไปนอกรถลากเพื่อส่งป้ายประจำตัวของเจ้าฉีออกไป
อู๋ฝานมองผ่านช่องว่างของม่านออกไปนอกรถลาก ผู้ที่รับป้ายของเสี่ยวชิงบังเอิญเป็นคนเดียวกับที่เรียกพวกเขาให้หยุดเมื่อครั้งก่อน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจดจำเสี่ยวชิงได้ดี หลังพบเห็นเสี่ยวชิงแสดงตัวจึงเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน ก่อนจะรับป้ายประจำตัวจากเสี่ยวชิงด้วยสีหน้าและท่าทีนอบน้อมถึงที่สุด
หลังมองตรวจสอบ ทหารคนนั้นจึงส่งป้ายกลับคืนให้เสี่ยวชิงพร้อมถอยทางหลบ
“ไปได้!”
เจ้าของป้ายมีตัวตนเป็นใคร หัวหน้าทหารที่ออกมารับหน้าเมื่อครั้งก่อนได้แจ้งให้พวกเขาทราบเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในเมืองหลวงล้วนทราบดีว่าจักรพรรดิชรารักและเอ็นดูองค์หญิงเจ็ดถึงเพียงใด ดังนั้นต่อให้เฟ้นหาทั่วทั้งเมืองหลวง ก็มีน้อยคนที่จะกล้าสร้างเรื่องราวใดกับเจ้าฉี ส่วนว่าหญิงสาวจะช่วยมอบที่ซ่อนตัวแก่มือสังหารหรือไม่ ต่อให้คนไม่มีสมองยังทราบว่าไม่มีทางเป็นไปได้!
“ไป!” หวงเจ๋อที่รับหน้าที่ขับรถลากพลันตะโกนพร้อมนำรถลากเดินทางออกสู่นอกเมือง
เมื่อรถลากออกพ้นจากประตูเมือง อู๋ฝานและอูหย่าถึงกับต้องลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าในเวลานี้กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง
กลุ่มคนพูดคุยต่อกันไปเรื่อยจนกระทั่งรถลากเดินทางมาถึงวัดหงอวี่
“ในเมื่อพวกเรามาถึงที่หมาย ก็คงได้เวลาบอกลานายน้อยเจ้าแล้ว ไว้พบกันอีกครั้งเมื่อมีโอกาสขอรับ” อู๋ฝานบอกกับเจ้าฉีที่ภายนอกวัดหงอวี่
“จะรีบไปที่ไหนกัน” เจ้าฉีเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “เจ้ารับปากจะร่วมทางกับข้าไปขอพร ตอนนี้จะไปแล้วงั้นหรือ นี่นับเป็นเรื่องใดกัน?”
อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อูหย่าเองก็ติดค้างเจ้าฉีอยู่ด้วยเช่นกัน แม้นางไม่ทราบแต่ก็รับรู้ได้ และมองว่าหากไปตอนนี้คงไม่เหมาะสม อีกทั้งพวกเขาก็ออกมานอกเมืองแล้วจึงไม่น่ามีอันตรายใดอีก จากเหตุผลทั้งหมดจึงไม่มีเหตุให้พวกเขาต้องรีบร้อนเดินทาง
เมื่อคิดได้ดังนั้นอู๋ฝานจึงตอบรับเจ้าฉี “ก็จริง งั้นข้าไปต่อด้วยก็แล้วกัน”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” เจ้าฉีพยักหน้ารับอย่างพอใจ
ด้วยเหตุนี้หวงเจ๋อจึงอยู่เฝ้ารถลาก ส่วนอู๋ฝานและคนทั้งห้าเดินทางเข้าวัดหงอวี่ไป
หากเทียบเปรียบกับครั้งก่อน ในวันนี้วัดหงอวี่ค่อนข้างคึกคักกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“คนเยอะขนาดนี้คงเป็นเพราะปรมาจารย์หงกวง” เจ้าฉีเอ่ยขึ้น
อู๋ฝานพยักหน้ารับ เพราะจากบทสนทนาของผู้คนรอบด้าน เขาได้ยินหลายคนเอ่ยถึงชื่อปรมาจารย์หงกวงกันทั้งสิ้น และยามเอ่ยถึง น้ำเสียงของพวกเขาล้วนนอบน้อมและนับถือ เรียกได้ว่าเป็นความนับถือจากก้นบึ้งของหัวใจก็ไม่ผิด
อู๋ฝานและเจ้าฉีเดินเข้าไปยังโถงหลักอีกครั้งหนึ่ง เจ้าฉีคุกเข่าลงเพื่อสักการะอย่างนอบน้อม ส่วนอู๋ฝานแม้ไม่คุกเข่าแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีลบหลู่หรือสงสัยเช่นที่เคยเป็นครั้งก่อน อย่างไรก่อนหน้านี้เทวรูปก็สำแดงอิทธิฤทธิ์จนได้เห็นกับตัวเอง กระทั่งว่าเมื่อนึกย้อนไปยังราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้อู๋ฝานต้องประหลาดใจ คือการที่อูหย่าเองก็คุกเข่าลงกับเสื่อเพื่อสักการะเทวรูปตรงหน้า หญิงสาวดวงตาหลับแน่น สีหน้าท่าทีค่อนข้างจริงจัง เขาที่ได้เห็นจึงพอคาดเดาได้ว่านางคงขอพรที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว
หลังเจ้าฉีคุกเข่าสักการะเรียบร้อยจึงลุกขึ้นยืนมองทางอูหย่า สุดท้ายก็หันไปพูดกับอู๋ฝาน “ตอนนี้ไปพบปรมาจารย์หงกวงกันดีกว่า”
“คนด้านนอกก็คล้ายจะมารอพบปรมาจารย์หงกวงกระมัง พวกเราจะเข้าถึงหรือ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม เพราะอันที่จริงเขาก็ไม่ได้สนใจจะพบเจอปรมาจารย์ผู้นั้นแต่อย่างใด
“ลองก่อนไม่เสียหาย” เจ้าฉีตอบกลับ
“ก็ได้” อู๋ฝานไม่อาจโต้แย้งใด
เมื่อพวกเขาออกจากโถงหลัก จึงเดินต่อไปยังสวนบริเวณด้านหลังของวัด
“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย สวนทางด้านหลังของวัดไม่ได้เปิดให้เข้าเยี่ยมชม ขอหยุดเท้าแต่เพียงเท่านี้ด้วย” ทันทีที่พวกอู๋ฝานมาถึงรอบนอกของสวนด้านหลัง คนของทางวัดจึงเข้ามาห้ามปราม
อู๋ฝานมองเจ้าฉีเป็นการเกลี้ยกล่อมให้นางกลับ แต่เจ้าฉีกลับหันไปส่งสายตาบอกเสี่ยวชิง
ด้วยเหตุนี้เสี่ยวชิงจึงต้องนำป้ายแสดงตัวตนออกมาอีกครั้ง เพื่อส่งให้กับพระของทางวัด
“ข้าต้องการพบปรมาจารย์หงกวง” เจ้าฉีเอ่ยคำ
นักบวชผู้นั้นตรวจสอบสิ่งที่ได้รับมา ก่อนจะถอยเปิดทางและกล่าวกับทุกคน “ปรมาจารย์หงกวงกำลังสนทนากับเจ้าอาวาสที่สวนด้านหลัง ขอเชิญทุกท่านทางด้านนี้ก่อน”
เจ้าฉีพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปเป็นคนแรก ส่วนอู๋ฝานและคนอื่นคอยเดินตามหลังไป “ป้ายสถานะของเจ้าทรงอำนาจดีเสียจริง ไม่ว่าที่ใดก็ไม่อาจขัดขวาง มอบให้ข้าสักอันเป็นไร?”
เจ้าฉีกลอกตามองอู๋ฝานก่อนจะตอบ “เจ้าอยากได้หรือ มันเป็นของที่บิดาข้ามอบให้มา”