ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 617 สู้ไม่ได้
บทที่ 617 สู้ไม่ได้
“บุกเข้าไป!” เป้าหมายของทหารม้าโลกอสูรยังคงเป็นรถลากที่กำลังทิ้งระยะห่างออกไป ส่วนพวกที่ปรากฏตัวขวางทางอย่างกะทันหัน พวกมันไม่คิดจะเสียเวลาด้วย
มันเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้อู๋ฝานเลือกจะอยู่ถ่วงเวลาที่นี่ แทนที่จะลอบใช้ป้ายอัญเชิญมาช่วยเหลือเหมือนก่อนหน้า เพราะทหารม้าเหล่านี้สามารถกำจัดอุปสรรคได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะกับตอนที่พวกมันเร่งความเร็วม้าจะยิ่งตีฝ่าได้ง่าย
อู๋ฝานเลือกอยู่ต่อเพื่อที่จะได้บัญชาการสิ่งมีชีวิตอัญเชิญเข้าขัดขวางทหารม้าโลกอสูรอย่างมีประสิทธิภาพ
“คิดจะฝ่าไปก็ไม่ง่ายนักหรอก!” อู๋ฝานบอกกับตัวเอง
หลังอู๋ฝานออกคำสั่งให้ทหารกบฏไปยืนแถวหน้าเป็นโล่มนุษย์ ส่วนทหารราชสำนักก็ไปยืนอยู่แถวหลังของทหารกบฏ
ชายหนุ่มตั้งแถวป้องกันแบบนี้เพื่อเตรียมสละชีวิตของทหารกบฏ และหาทางถ่วงเวลากองทหารม้าโลกอสูรเอาไว้ เมื่อไหร่ที่พวกมันช้าลง ภัยคุกคามก็จะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน
“ตึง!”
ระยะห่างเพียงเกือบสิบห้าจั้งสำหรับกองทหารม้าไม่ถือว่าไกล ไม่นานพวกมันก็บุกมาถึงหน้าพวกอู๋ฝาน ทหารกบฏกำลังสละชีวิต พวกเขาใช้ร่างกายตัวเองต้านแรงปะทะจากทหารม้าโลกอสูร แต่เพราะความเร็วการพุ่งเข้าปะทะ จึงเป็นเหตุให้กลุ่มทหารกบฏต้องกระเด็นล้มลงกับพื้น บ้างก็ตายคาที่
“อดทนเอาไว้ ต้านไว้ให้ได้!” อู๋ฝานออกคำสั่งเสียงดังขณะเริ่มโน้มสายคันธนู ก่อนจะยิงใส่ทหารม้าโลกอสูรคนหนึ่งจนร่วงลงจากหลังม้า
เหล่าทหารกบฏย่อมไม่ถอยกลับและยอมตาย หลังจ่ายด้วยราคาอันหนักหนา พวกมันลดความเร็วของทหารม้าโลกอสูรไปได้ไม่น้อย ทว่าเพราะแรงปะทะจากการพุ่งชนก่อนหน้านี้ ทำให้แม้จะลดทอนความเร็วลงไปได้บ้าง แต่ทหารม้าเหล่านี้ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ต่อได้
“บุก!”
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว อู๋ฝานไม่ลังเลที่จะส่งทหารราชสำนักออกไปโจมตี พวกมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าทหารกบฏ อุปกรณ์ที่สวมใส่ก็พร้อมสู้รบ ด้วยการต้านรับอันแข็งแกร่งของแนวหลัง ในที่สุดพวกเขาก็หยุดทหารม้าโลกอสูรไม่ให้ไปต่อได้
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากตายกันขนาดนั้น ข้าก็จะสนองให้เอง!” ผู้นำหน่วยทหารม้าโลกอสูรฟันดาบใส่ทหารกบฏที่อยู่ข้าง ๆ “ฆ่าพวกมันให้หมด!”
แม้จะสูญเสียแรงม้าจากการปะทะ แต่พวกมันก็ยังคงเป็นนักรบโลกอสูรที่เก่งกาจ หากคิดสังหารกลุ่มคนโง่เขลาที่กล้าเข้ามาขวางทางก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
“เคร้ง!”
อู๋ฝานใช้กระบี่สกัดการโจมตีจากทหารม้าโลกอสูรที่พุ่งเข้ามาฟันใส่ ก่อนจะกระโดดเตะอีกฝ่ายจนร่วงจากหลังม้า
[เคอซาร์ : นักรบโลกอสูร | ตำแหน่ง : ผู้บัญชาการกองร้อย | ความแข็งแกร่ง : ขอบเขตแปรสภาพขั้นสูง เป็นนักรบหาญกล้าทั้งบนหลังม้าและพื้นดิน]
ข้อมูลจากวิชาตรวจสอบครั้งนี้ให้มาน้อยพอสมควร เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าอู๋ฝานมากเพียงใด
นักรบโลกอสูรที่ตนอัญเชิญออกมา พวกมันแข็งแกร่งราวขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น นักรบโลกอสูรธรรมดาทั่วไปไม่ได้แข็งแกร่งถึงขอบเขตแปรสภาพซะด้วยซ้ำ ดังนั้นคนที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตแปรสภาพได้ย่อมต้องเป็นตัวตนระดับผู้บัญชาการ แน่นอนว่าผู้บัญชาการกองร้อยยังเป็นแค่ระดับกลาง ค่อนไปทางล่างของสายบัญชาการกองทัพโลกอสูรเสียด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่นักรบโลกอสูรอัญเชิญหมดช่วงเวลาใช้งานแล้ว กว่าจะเรียกออกมาได้อีกครั้งก็ต้องรอนานพอสมควร ดังนั้นพวกมันจึงไม่อาจออกมาช่วยสู้รบ อู๋ฝานจึงทำได้แต่ต้องพึ่งสิ่งที่มีหาทางแก้ปัญหา
“รนหาที่ตาย!”
หลังเห็นชายหนุ่มตั้งใจโจมตีเล่นงานตนเอง เคอซาร์ก็หรี่ตาลง ก่อนประกายแสงอันคมกล้าสองสายจะสว่างวาบจากดวงตา มันเล่นงานทหารราชสำนักจนกระเด็นด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว ชั่วพริบตานั้นเองก็หันมาเล่นงานอู๋ฝาน
“เคร้ง!”
หนึ่งดาบปะทะกับหนึ่งกระบี่ มันไม่มีอะไรอื่นนอกจากใช้กำลังฟาดฟันใส่กัน หลังการปะทะ ทั้งอู๋ฝานและเคอซาร์ต่างก็ยกเท้าของตนขึ้น เพื่อเตะร่างอีกฝ่ายแทบจะในเวลาพร้อมกัน
“ตึง!”
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถอยเท้ากลับแทบจะพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานจำเป็นต้องถอยเท้าด้วยจำนวนก้าวที่มากกว่า หน้าอกก็รู้สึกแน่นพร้อมลมหายใจติดขัด ในบรรดาค่าสถานะของเขา ค่าความแข็งแกร่งถือว่าโดดเด่นเป็นพิเศษ เขาเคยชนะศัตรูมากมายมาโดยอาศัยเพียงแค่พละกำลัง แต่ครั้งนี้กลับไม่อาจใช้มันเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ เนื่องจากพละกำลังของคู่ต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย แม้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเลเวลแล้วก็ตาม ทว่าสุดท้ายก็ยังเสียเปรียบในการประลองกำลัง
สายตาที่เคอซาร์มองอู๋ฝาน ปัจจุบันมันเปลี่ยนเป็นระแวดระวังและดุร้าย ประหนึ่งสัตว์ป่าเจอเหยื่อที่คู่ควร
“ฮ่า!”
เห็นได้ชัดว่าเคอซาร์ไม่คิดเปิดโอกาสให้อู๋ฝานได้พักหายใจ มันตะโกนดังออกมาพร้อมบุกเข้าหาอีกครั้ง
อู๋ฝานยกกระบี่ในมือขึ้นมาต้านรับด้านหน้า หลังทราบว่าพละกำลังตนเองไม่อาจช่วงชิงความได้เปรียบ เขาก็หยุดคิดปะทะกันซึ่งหน้า แต่ใช้วิชานางแอ่นถลาลมเพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้
เอฟเฟกต์จากวิชานางแอ่นถลาลมถือว่าแข็งแกร่งมาโดยตลอด เพียงแต่อู๋ฝานมักจะใช้พละกำลังของตัวเองเพื่อจัดการศัตรูซะมากกว่า น้อยครั้งที่จะใช้งานวิชานางแอ่นถลาลม ขณะนี้ตัดสินใจใช้งานพลังเต็มที่ของตนเองออกมา ชายหนุ่มแข็งแกร่งมากขึ้น ทว่าเคอซาร์ก็ไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย
เคอซาร์แข็งแกร่งยิ่งกว่าอู๋ฝาน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยให้ต้องพิสูจน์ แต่เพราะเลือกเดินบนเส้นทางที่ใช้พละกำลังอันดุร้ายสยบคู่ต่อสู้ ทุกครั้งที่โจมตีจึงใช้เรี่ยวแรงอันมหาศาลสะกดอีกฝ่าย ทว่ามันไม่ได้ไร้ซึ่งจุดอ่อน ความเร็วถือเป็นจุดอ่อนของเคอซาร์
ผู้บัญชาการที่ดุร้ายและแข็งแกร่งเหมือนเคอซาร์ หากอยู่กลางสมรภูมิรบอันยิ่งใหญ่จะเป็นประหนึ่งผู้แข็งแกร่ง เนื่องจากสมรภูมิรบมีคู่ต่อสู้อยู่เต็มไปหมด มันจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลามองหาศัตรู เพียงแค่ใช้กำลังออกไปตามใจชอบก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งได้แล้ว
แต่เมื่อเผชิญศึกหนึ่งต่อหนึ่ง โดยเฉพาะกับคนที่มีความว่องไวสูงส่ง จุดอ่อนด้านความเร็วของมันยิ่งถูกขับเน้นออกมาให้เห็นชัด แม้มีเรี่ยวแรงก็เท่านั้น มันไม่อาจทำอะไรคู่ต่อสู้ได้
“ถ้ามีความกล้าก็จงเข้ามาเผชิญหน้า!” เคอซาร์คำรามใส่อู๋ฝานด้วยโทสะ
“หากมีความกล้าก็มาสังหารข้า!” อู๋ฝานยืนนิ่งในระยะห่างราวสองจั้งจากเคอซาร์ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“เหอะ! ข้าฆ่าแน่! ฆ่าแน่!” เคอซาร์เงยหน้าคำราม ดาบใหญ่ในมือพุ่งไปหาอู๋ฝาน
ชายหนุ่มไม่แตกตื่น เพราะตั้งแต่สู้มาจนถึงตอนนี้ เขาเริ่มคุ้นชินกับแนวทางการโจมตีของเคอซาร์แล้ว เรียกว่าจับทางได้ง่ายดายซะด้วยซ้ำ
“ฉัวะ!”
เมื่อเคอซาร์ฟันดาบใหญ่เข้าใส่ อู๋ฝานก็กระโดดก่อนจะร่อนลงไปเหยียบใบดาบของเคอซาร์ และด้วยฝีเท้าอันเบาประดุจสายลม เขากำลังก้าวเดินเข้าหาเคอซาร์จากบนใบดาบ
“ตึง!”
อู๋ฝานเดินไปจนถึงกลางดาบในชั่วพริบตา ก่อนจะเตะกรามของอีกฝ่าย เคอซาร์แผดเสียงร้องออกมา ศีรษะของมันหันไปตามแรงเตะ เลือดสาดกระเซ็นพวยพุ่งออกจากปาก กระทั่งถอยเท้ากลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่ขณะมันถอยเท้ากลับนั้น ดาบใหญ่ยังคงฟันออกไปอีกหลายครั้งและหมายจะสังหารศัตรู แต่ชายหนุ่มสามารถกระโดดถอยหลังหลบเลี่ยงได้ ก่อนจะชิงโอกาสเตะอีกครั้ง ทำให้การโจมตีของอีกฝ่ายสูญเปล่าไม่ต่างอะไรกับการหวดลม
“อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!” หลังยืนนิ่ง เคอซาร์ก็แผดเสียงคำรามออกมาประหนึ่งสัตว์ป่า สายตาอันเกรี้ยวกราดของมันจับจ้องมองอู๋ฝาน ดวงตาของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือดขณะเริ่มหอบหายใจอย่างหนัก
…………….