ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 621 ปกป้องเมือง
บทที่ 621 ปกป้องเมือง
นอกเมือง กองทัพโลกอสูรในชุดเกราะสีดำกำลังตั้งแถว แม้พวกมันจะมีจำนวนเพียงหนึ่งพันกว่าคน แต่กลับให้ความรู้สึกประหนึ่งเมฆดำทะมึนที่กำลังคืบคลานเข้ามายังเมือง อู๋ฝานเห็นว่าขาของทหารด้านบนกำแพงเมืองหลายคนกำลังสั่นเทา
ชายหนุ่มนึกยินดีอยู่ในใจที่พวกตนหลบหนีกันมาได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อไหร่ที่ถูกกองทหารม้าโลกอสูรนับพันเข้าปิดล้อมเล่นงาน ต่อให้เขาสามารถหลบหนีได้ มันก็ยากที่พวกอูหย่าจะรอดชีวิต
“เหมือนจะเห็นพวกมันเตรียมบันไดมาด้วย คงคิดบุกตีเมืองไม่ผิดแน่” อู๋ฝานมองยังกองทัพโลกอสูรที่อยู่ไกล ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
กองทัพโลกอสูรทุกคนสวมชุดเหมือนกองทหารม้า และมีพวกมันบางส่วนที่ขี่ม้า แต่มันไม่ใช่ม้าไปเสียทั้งหมด เพราะบางส่วนก็เป็นมอนสเตอร์ หากเกิดสถานการณ์บางอย่างขึ้นที่ทุ่งรกร้าง ด้วยจำนวนทหารม้าโลกอสูรจำนวนเท่านี้ ย่อมสามารถเอาชนะกองทัพประจำการนับหมื่นได้อย่างแน่นอน
ผู้บัญชาการหนุ่มทอดสายตามอง เขาเห็นพวกมันขนย้ายบันไดมาด้วยจริง ๆ แม้พวกมันมีจำนวนแค่หนึ่งพันกว่า ทว่าความดุร้ายของกองทัพโลกอสูรก็เป็นที่เลื่องลือ หลังทราบว่าพวกมันคิดบุกตีเมือง เขาจึงทั้งร้อนรนและว้าวุ่น
“เตรียมท่อนไม้กลิ้งกับอุ่นน้ำมันให้ร้อน!”
“นักธนูขึ้นมาด้านบน เตรียมตัวพร้อมยิง!”
“ดาบกับโล่ไปอยู่ที่ไหนหมด? เอาออกมาด้านหน้า!”
ด้วยคำสั่งของผู้บัญชาการหนุ่ม ทั้งเมืองเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้น เดิมทหารเหล่านี้ก็ค่อนข้างกลัวกองทัพโลกอสูรอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้บังคับบัญชาจึงยิ่งร้อนรน กระทั่งว่ามีหลายคนวิ่งเตรียมการจนล้มลงอย่างไม่เป็นระเบียบ
“นายท่าน กองทัพโลกอสูรจะบุกตีเมืองจริงหรือขอรับ?” ลั่วหยางเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล
พวกเขาทุกคนอยู่ในเมือง หากเมื่อใดที่กองทัพโลกอสูรบุกเข้ามา คงเป็นเรื่องยากที่จะรอดชีวิตกันไปได้
“คงจะบุกตีเมืองไม่ผิดแน่” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่ข้ามองว่าพวกมันเตรียมการยังไม่พร้อม พวกมันไม่มีทหารราบ บันไดที่เตรียมมาก็ค่อนข้างธรรมดา จำนวนก็ไม่ได้มีมากมาย น่าจะเป็นการรีบจัดสร้างขึ้น เพราะหากมีแผนบุกตีเมืองจริง พวกมันคงไม่มาทั้งสภาพแบบนี้ เดาว่าพวกมันคงอยากจะทดสอบอำนาจการป้องกันของเมือง ถ้าถูกต่อต้านอย่างหนัก พวกมันก็แค่ละทิ้งการบุกโจมตี แต่หากราบรื่นขึ้นมา พวกมันก็คงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป ดังนั้นการป้องกันเมืองครั้งนี้จึงต้องต้านรับเอาไว้ให้ได้ ขอเพียงพวกมันถอยก็จบ หากเปิดโอกาสให้พวกมันเห็นว่าสามารถบุกเข้ามาได้ เมืองนี้ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว“
อู๋ฝานบอกลั่วหยาง รวมถึงผู้บัญชาการหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน อีกฝ่ายพยักหน้ารับเป็นการเห็นพ้องกับความเห็นดังกล่าว เขาเองก็ทราบเรื่องราวเหล่านี้ดี เมื่ออีกฝ่ายเองก็เล็งเห็นเช่นเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะโหมบุกโจมตีรุนแรงในช่วงแรก ดังนั้นต่อให้ต้องจ่ายด้วยอะไรพวกเขาก็ต้องต้านรับระลอกแรกเอาไว้ให้ได้!
“วู้!”
เสียงหอนร้องของมอนสเตอร์ดังขึ้นจากกองทัพโลกอสูร ไม่นานกองทหารม้าโลกอสูรที่เมื่อครู่ตั้งแถวนิ่งก็เริ่มออกวิ่ง มันเร็วขึ้น และยิ่งเร็วขึ้นจนเกิดฝุ่นตลบไปทั่วทั้งพื้นที่ แรงกดดันที่เกิดขึ้นไม่คล้ายทหารม้านับพันควบม้าเข้ามาใกล้ แต่เป็นนับหมื่น! พวกอู๋ฝานที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างรับรู้ได้ถึงแรงสะเทือนจากพื้นดินที่ถ่ายทอดขึ้นมา
“อย่าเพิ่งแตกตื่น! พวกมันไม่มีทางเข้ามาได้!” ผู้บัญชาการหนุ่มอดไม่ได้ที่จะต้องตะโกนย้ำเตือนสติ เพราะทหารซึ่งรับหน้าที่ป้องกันเริ่มเผยใบหน้าซีดเผือดกันออกมา
คำเตือนดังกล่าวแทบไม่ต่างอะไรกับสายลมที่พัดผ่าน ทหารหลายคนหวาดกลัวทหารม้าโลกอสูรสุดขั้วหัวใจ ขณะนี้เมื่อได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพวกมันกับตาตัวเอง ความรู้สึกหวาดกลัวจึงยิ่งเท่าทวีมากขึ้น
“นักธนูเตรียมพร้อม ยิงได้!” หลังผู้บัญชาการหนุ่มออกคำสั่ง ลูกธนูสีดำประหนึ่งห่าฝนจึงเริ่มพุ่งทะยานออกจากบนกำแพงเมือง
ลูกธนูนับหมื่นถูกยิงออกไปพร้อมกัน มันดูทรงอำนาจ แต่แท้จริงแล้วไม่อาจหวังผลได้มากนัก มันยิงเข้าเป้าหมายเพียงน้อยนิด ความเร็วของทหารม้าโลกอสูรที่บุกเข้ามายังคงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทหารที่ป้องกันกำแพงเมืองเหล่านี้ไม่ใช่หัวกะทิเหมือนดังทหารประจำการ พวกเขามีความหวาดกลัวอยู่ในใจจนมือสั่น ไม่แปลกหากธนูจะยิงพลาดเป้า
ผู้บัญชาการหนุ่มเผยสีหน้าเหยเกก่อนจะตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าเล็งให้ดี! ยิงได้!”
เป็นอีกครั้งที่ลูกธนูนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกไป ทว่าก่อนที่จะไปดูผลลัพธ์ของการยิง กลับได้พบว่าจากนอกเมืองก็มีลูกธนูจำนวนมากมายยิงมาเช่นเดียวกัน
“ฟึ่บ!”
“อ๊าก ข้าโดนยิง!”
“เจ็บโว้ย ใครก็ได้ช่วยที!”
หากเทียบกับอัตราการยิงสำเร็จของทหารบนกำแพงเมือง อัตราการยิงสำเร็จของทหารม้าโลกอสูรจากด้านนอกเมืองดีเยี่ยมยิ่งกว่า เพียงครั้งแรก ทหารบนกำแพงเมืองหลายคนก็ได้รับบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว
“ได้รับบาดเจ็บก็ลงไป คนด้านหลังขึ้นมาแทนที่! รักษาการโจมตีเอาไว้ พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ถอยกลับหากไร้ซึ่งคำสั่ง!” ผู้บัญชาการหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
ทหารด้านบนกำแพงเมืองยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เห็นได้ว่ามันอ่อนกำลังลงยิ่งกว่าครั้งก่อน โดยเฉพาะตอนที่เห็นกองทัพโลกอสูรเข้ามาใกล้กำแพงเมือง พวกเขายิ่งตื่นตระหนกจนมือสั่นเทาอย่างรุนแรง
“นายท่าน พวกเราต้องลงไปแล้วขอรับ ตรงนี้อันตรายเกินไป” ลั่วเยวี่ยบอกกับอู๋ฝาน เพราะความปลอดภัยของผู้เป็นนายสำคัญที่สุด
“ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าต่างหากที่ต้องระวัง” อู๋ฝานตอบกลับ
จากนั้นชายหนุ่มจึงโน้มสายคันธนูและตั้งลูกธนูขึ้น ก่อนจะยิงมันออกไปเล่นงานทหารม้าโลกอสูรที่กำลังห้อตะบึงเข้ามา
มีโอกาสดี ๆ ที่ได้ทั้งเพิ่มเลเวลและระดับวิชา เขาย่อมไม่ปล่อยผ่านไปง่าย ๆ
เมื่อศัตรูนอกกำแพงเมืองเริ่มเข้ามาใกล้ อัตราการยิงสำเร็จของทหารบนกำแพงเมืองก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทว่าความเสียหายที่สร้างให้แก่กองทหารม้าโลกอสูรยังคงน้อยนิด
หลังกองทหารม้าโลกอสูรเข้ามาใกล้กำแพงเมือง พวกมันก็เริ่มยิงธนูใส่ทหารด้านบนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อีกส่วนเริ่มนำบันไดมาพาดเตรียมปีนขึ้นมาด้านบน
“จัดการพวกมัน!” ผู้บังคับบัญชาหนุ่มตะโกนเสียงดัง
ทั้งก้อนหินและท่อนไม้ถูกขว้างลงไปด้านล่าง รวมถึงมีการเทน้ำมันร้อนจัดลงไปจัดการไม่ให้พวกมันปีนป่ายขึ้นมาได้ มันจะทำให้ทหารม้าโลกอสูรได้รับบาดเจ็บและล้มตาย
“อย่าเพิ่งแตกตื่น รักษากำแพงเมืองเอาไว้ อย่าให้พวกมันขึ้นมาได้!” ผู้บังคับบัญชาหนุ่มยังคงเดินไปมาเพื่อตะโกนสั่งการและสร้างขวัญกำลังใจอยู่ไม่ขาด
อู๋ฝานมองอีกฝ่าย หากเทียบกับขุนพลของราชสำนัก ผู้บัญชาการหนุ่มทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ คำสั่งการเหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้งยังคอยเข้มงวดและปลอบขวัญกองทัพของตนเอง พิจารณาจากการเตรียมหินกับไม้กลิ้ง รวมถึงน้ำมันร้อนและของอื่น ๆ เอาไว้มากมาย มันเป็นการบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเตรียมการเพื่อป้องกันเมืองเอาไว้ดีแค่ไหน ท่ามกลางขุนนางฉ้อฉลแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมเหมือนดังขุนพลอยู่ด้วย
หลังจัดการกับพวกที่คิดจะปีนป่ายขึ้นมาได้สำเร็จ ขวัญกำลังใจของทหารบนกำแพงเมืองจึงเริ่มฟื้นคืน สีหน้าของพวกเขาเริ่มสงบมากขึ้น แม้กองทหารม้าโลกอสูรจะยิงธนูขึ้นมาจนทำให้มีคนตายพอสมควร แต่พวกมันยังไม่อาจขึ้นมาด้านบน ถึงจะพยายามปีนป่ายขึ้นบันไดหลายครั้งทว่าก็ยังคงล้มเหลว สุดท้ายก็กลายเป็นร่างไร้ชีวิตร่วงลงสู่เบื้องล่าง
เหล่าทหารที่ป้องกันด้านบนกำแพงเมืองเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น
“นายท่าน นั่นมันอะไรกัน?!” ทันใดนี้เองที่ลั่วเยวี่ยชี้มือไปยังจุดสีดำขนาดใหญ่ด้านบนพร้อมตะโกนบอกอู๋ฝาน
ชายหนุ่มมองขึ้นไปก่อนจะเผยสีหน้าเคร่งเครียด
จุดสีดำเหล่านั้นคือมอนสเตอร์ อีกทั้งยังมีนักรบโลกอสูรขี่อยู่บนหลังของพวกมัน!