ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 624 แขกไม่ได้รับเชิญ
บทที่ 624 แขกไม่ได้รับเชิญ
…………….
บทที่ 624 แขกไม่ได้รับเชิญ
สิ่งของอื่นที่ได้รับมาและถือเป็นของดีซึ่งนอนอยู่ในกระเป๋าหลังของอู๋ฝานคือตำราวิชาภาษาสัตว์ ที่ได้รับมาจากภารกิจสุ่มครั้งก่อน
[ตำราวิชาภาษาสัตว์ : หลังเรียนรู้ ท่านจะสามารถสื่อสารกับสัตว์ตัวอื่นได้ (รวมถึงสัตว์ป่า มอนสเตอร์ และสัตว์ทุกชนิดตามการแสดงผล) ใช้งานหรือไม่]
คำอธิบายของมันค่อนข้างเรียบง่าย แต่ความสามารถนั้นยิ่งใหญ่ เขาจึงกดใช้งานโดยไม่ลังเล
จากนั้นชายหนุ่มก็เรียกชิงหลีออกมา เนื่องจากอัญเชิญออกมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีน้ำ มันจึงดิ้นไปมากับพื้น
“สบายดีไหมชิงหลี” อู๋ฝานเอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยภาษาสัตว์
“นายท่าน ข้าไม่สบาย ข้าต้องการน้ำ ไม่มีน้ำข้าจะตายแล้ว!” เสียงของชิงหลีดังตอบกลับมา
“ถ้าไม่มีน้ำเจ้าจะอยู่ได้กี่วัน?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“สักสามวัน” ชิงหลีตอบกลับ
“แล้วที่เจ้าไปอยู่ในกระเป๋าก่อนหน้านี้ตั้งนานไม่เป็นอะไรงั้นหรือ?” อู๋ฝานยังคงถาม
“ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ข้าสามารถอยู่อย่างสุขสบายในมิติสัตว์เลี้ยงโดยไม่มีน้ำได้ แต่ตอนนี้ออกมาภายนอกที่ไม่มีน้ำข้ารู้สึกไม่สบาย” ชิงหลีตอบกลับ
“เข้าใจแล้ว” เขาพยักหน้ารับ ความลึกลับของกระเป๋าหลังและมิติสัตว์เลี้ยงยังเป็นอะไรที่ตนไม่อาจเข้าใจ “อาหารให้เจ้า”
ชายหนุ่มส่งชิ้นเนื้อของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำให้ชิงหลี
“ขอบคุณนายท่าน” ชิงหลีตอบรับด้วยความยินดี ก่อนจะเริ่มกลืนเนื้อเหล่านั้นเข้าไปในคำเดียว ไม่นานมันก็เริ่มเคี้ยวอย่างสุขใจ
“ก่อนหน้านี้อยู่แต่ในถ้ำ เจ้ารอดชีวิตมานานขนาดนั้นได้ยังไง? ที่นั่นไม่น่าจะมีอะไรให้เจ้าได้กินสักเท่าไหร่นะ” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ขอเพียงมีน้ำ ข้าก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นานโดยไม่ต้องกิน” ชิงหลีตอบกลับขณะยังคงกินเนื้อต่อไป “ในอดีตบ่อยครั้งจะมีคนเอายามาทิ้งน้ำ และก่อนหน้านี้ก็มีสิ่งมีชีวิตอื่นในสระน้ำด้วย ข้าสามารถอยู่มานานก็จริง แต่หากว่านานกว่านั้นก็คงไม่รอด”
คนที่เอายามาทิ้งน้ำคงเป็นผู้อาวุโสหร่วนชิง ชิงหลีกลายพันธุ์ก็เพราะกินสารพัดยาที่ถูกทิ้งลงน้ำ ปัจจุบันมันจึงแทบจะมีความสามารถต้านพิษสารพัดชนิด
“แล้วทำไมก่อนหน้านี้ตอนข้าจะพาเจ้าออกมาถึงมีท่าทีอวดดี?” อู๋ฝานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างนึกโกรธ
ชิงหลีอับอายขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าไม่ชอบการอยู่ร่วมกับมนุษย์ ข้าไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง หากทราบว่านายท่านจะดีกับข้าเช่นนี้ ข้าก็คงยินดีติดตามไปนานแล้ว”
“เหอะ เหอะ ตอนนี้รู้แล้วว่าเจ้าเยินยอเป็นด้วย” อู๋ฝานหัวเราะตอบกลับ “ในเมื่อเจ้าติดตามข้ามาแล้ว งั้นข้าก็จะเลี้ยงดูเจ้าอย่างเหมาะสม นอกจากจะให้เนื้อกิน ก็ยังมียาให้เจ้ากินด้วย”
จบคำ ชายหนุ่มก็เอายามากมายออกมาส่งให้ชิงหลี
“ขอบคุณนายท่าน” ชิงหลีตอบรับด้วยอาการยินดี
“นับจากนี้เจ้าจะเป็นผู้บัญชาการทัพทางน้ำของข้า” อู๋ฝานมองชิงหลีพลางบอก “ส่วนอินทรีวายุจะบัญชาการทัพอากาศ ทั้งน้ำและอากาศคือกองทัพที่จำเป็นและไม่อาจขาดไปได้”
โลกแห่งเกมนี้มีมอนสเตอร์อยู่บนบกเยอะกว่า ขณะที่อู๋ฝานมีสัตว์เลี้ยงสองตัว หนึ่งอยู่ในน้ำ อีกหนึ่งอยู่บนฟ้า ส่วนพื้นฐานอย่างมอนสเตอร์บนบกยังไม่มี
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงนึกถึงแมวเมฆหิมะ มันเหมาะสมกับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันยังไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเขา
‘ไว้กลับไปเมื่อไหร่คงต้องลองหาทางคุยกับเจ้าตัวน้อยหน่อยแล้ว และตอนนั้นเราก็จะมีผู้บัญชาการทั้งทัพบก ทัพน้ำ และทัพอากาศ ต่อให้ตอนนี้แต่ละทัพจะยังมีแค่ผู้บัญชาการ แต่ในอนาคตจะต้องหาทางขยับขยายให้ได้’ อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ในใจ
หลังสนทนากับชิงหลีอีกครั้ง เขาก็ส่งมันกลับเข้ามิติสัตว์เลี้ยงไป
ไม่นานอู๋ฝานก็เทเลพอร์ตกลับสู่โลกแห่งความจริง
ทางด้านโลกแห่งความเป็นจริงกำลังจะรุ่งสาง เขาไม่รีบตื่น จนกระทั่งคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูจึงเห็นว่ามีสายโทรไม่ได้รับอยู่หลายสาย
ที่โลกแห่งเกมไม่มีสัญญาณอยู่แล้ว ดังนั้นหลังเทเลพอร์ตไป ต่อให้พกโทรศัพท์มือถือเข้าไปด้วยเขาก็คงไม่อาจเอามันออกมาใช้งาน ดังนั้นหลังเทเลพอร์ตกลับมาโลกความเป็นจริงเขาจึงมักจะตรวจสอบโทรศัพท์อยู่เสมอ
เมื่อเห็นจำนวนสายโทรที่ไม่ได้รับ อู๋ฝานถึงกับต้องขมวดคิ้ว แต่ไม่คิดจะโทรกลับไป
ผู้ที่โทรมาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจียงฟั่นโจว อีกฝ่ายคงกำลังทุกข์ใจเพราะสูญเสียลูกชาย การที่อีกฝ่ายโทรหาตนครั้งนี้ เป็นการแสดงออกว่ากำลังสงสัยว่าเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับความตายของเจียงอวี่
อู๋ฝานไม่คิดกลัวอยู่แล้ว เพราะแม้แต่ปัญหากับวังเมฆาสีชาดก็จัดการได้ แค่ตระกูลเจียงที่มีอำนาจน้อยกว่าวังเมฆาสีชาดจึงไม่มีอะไรต้องกลัว
แต่หากไม่ถึงที่สุด อู๋ฝานก็จะไม่ก่อการจนเกินเลย ยังไงตระกูลเจียงก็เป็นถึงหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว พวกเขาดำรงอยู่มานาน วางรากฐานเอาไว้อย่างแน่นหนา อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องซับซ้อนและเชื่อมโยงมากมาย อู๋ฝานไม่ใช่คนท้องถิ่นเจียงโจว หากตนจัดการด้วยวิธีโหดเหี้ยมกับอีกฝ่ายขึ้นมา มันอาจกระตุ้นความตึงเครียดของตระกูลอื่นในเจียงโจวขึ้นมาได้ แม้ไม่หวาดกลัว ทว่าเขามีแผนจะพัฒนาตัวเองในเจียงโจวให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่ตระกูลเหล่านั้นดำรงอยู่มาได้นานและพัฒนาขึ้นตลอด ก็แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมแล้ว ดังนั้นถ้าผูกมิตรเอาไว้ได้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า
เว้นแต่อู๋ฝานจะแข็งแกร่งจนทำให้พวกเขาเหล่านั้นหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจจนไม่กล้าต่อต้าน ทว่าตนก็ยังไม่ควรจะทำตัวเกินเลยเกินไป เขายังไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขั้นนั้น คนของตระกูลใหญ่ในเจียงโจวให้ความสนใจเขาก็จริง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องหวาดเกรง
“แต่ถ้าตระกูลเจียงอยากหาเรื่องกันจนถึงที่สุด ทางนี้ก็คงไม่ปล่อยผ่านไปเหมือนกัน” อู๋ฝานพูดกับตนเอง
อู๋ฝานทราบดีว่าหากต้องการฐานที่มั่นในเจียงโจว เขาก็ไม่อาจโอนอ่อนจนเกินไปได้ แม้ไม่ควรสร้างศัตรูไปทั่ว แต่หากถูกกลั่นแกล้งและยอมรับแต่โดยดีขึ้นมา ตระกูลอื่นที่เหลือจะเริ่มดูแคลนตน ชายหนุ่มมีหลักการที่แน่นอน ถ้าเลือกไม่สู้ได้ก็จะไม่สู้ ทว่าหากจำเป็นก็ต้องสู้ และต้องลงมือจริง เขาก็จะต้องลงมือชนิดหนักจนศัตรูต้องเกรงกลัว!
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
ขณะอู๋ฝานกำลังคิดไปเรื่อยอยู่นั้นเอง ชั้นล่างของบ้านปรากฏว่ามีคนมาเคาะประตู จากการออกแรงและจังหวะที่เคาะอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้มาเยือนมีความร้อนรนอยุ่พอสมควร
เขาลุกขึ้นไปแต่งตัว แต่แทนที่จะลงไปชั้นล่าง เขากลับไปยืนที่ทางเดินชั้นสองและมองลงไปยังชั้นล่างแทน
“ค่ะ ๆ” เหมยอวี่ส่งเสียงตอบขณะเดินไปเปิดประตู
“พวกคุณเป็นใคร?” เหมยอวี่ขวางหน้าประตูเอาไว้ไม่ให้คนภายนอกเข้ามาได้
“ฉันคือเจียงฟั่นโจว มาพบอู๋ฝาน” เจียงฟั่นโจวตอบจากนอกประตู
“นายน้อยยังพักผ่อนอยู่ ถ้าต้องการเจอนายน้อยก็ขอให้มาพบใหม่ภายหลังค่ะ” เหมยอวี่ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
“ฉันมีเรื่องต้องถามเขา ฉันต้องได้พบเขาเดี๋ยวนี้!” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ
จบคำ เจียงฟั่นโจวก็เตรียมนำกลุ่มคนบุกเข้ามา
“ไม่ได้ค่ะ พวกคุณจะเข้ามาไม่ได้!” เหมยอวี่ห้ามเจียงฟั่นโจวและกลุ่มคนเอาไว้ไม่ให้เข้ามา
เหมยเสวี่ยได้ยินเสียงเช่นกันจึงออกมาดู พร้อมมายืนข้างพี่สาวเพื่อขวางทางกลุ่มคนเอาไว้
“ฉันต้องได้เข้าไป!” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ
“ฉันก็อยากเห็นว่าใครมันกล้าดี!” เหมยอวี่เผยสีหน้าดำมืด ขณะเห็นบอดี้การ์ดที่มากับอีกฝ่ายคิดจะบุกเข้ามา เธอยกเท้าขึ้นเตะส่งอีกฝ่ายออกไป การเคลื่อนไหวนี้นุ่มนวล ทว่าเปี่ยมไปด้วยพลัง
…………….