ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 625 สงสัย
บทที่ 625 สงสัย
การเคลื่อนไหวของเหมยอวี่ประณีตและหมดจด ทำให้พวกเจียงฟั่นโจวต้องมองคนทั้งสองด้วยอาการตื่นตระหนก ก่อนที่จะเผยสายตาระแวดระวัง
เจียงฟั่นโจวคิดว่าเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยเป็นเพียงคนรับใช้ทั่วไปในบ้านของอู๋ฝาน หรือบางทีอาจเป็นคนรัก หาได้คิดไม่ว่าสองแฝดผู้งดงามตรงหน้าจะมีฝีมือถึงขั้นนี้
สิ่งที่เจียงฟั่นโจวและคณะไม่ทราบ คือคนทั้งสองเป็นผู้ฝึกตน อีกทั้งยังเป็นถึงขอบเขตสว่างขั้นสูง แค่การรับมือกับบอดี้การ์ดทั่วไปไม่กี่คนย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว
“เสี่ยวอวี่ เสี่ยวเสวี่ย ให้คนด้านนอกเข้ามา” ขณะทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้า เสียงของอู๋ฝานพลันดังมาจากทางชั้นบน
“ค่ะนายน้อย” คนทั้งสองที่ก่อนหน้านี้ดุดัน พลันต้องรีบหันกลับไปเอ่ยด้วยความนอบน้อม จากนั้นจึงเปิดทางให้พวกเจียงฟั่นโจวเข้ามา
ดังนั้นเจียงฟั่นโจวและคณะจึงเข้ามาได้ และเพียงเข้ามาก็ได้พบอู๋ฝานที่กำลังลงมาจากชั้นบน
“เสี่ยวอวี่ เสี่ยวเสวี่ย เสิร์ฟชาให้แขกด้วย” ชายหนุ่มบอกคนทั้งสองก่อนจะหันมามองทางพวกเจียงฟั่นโจว “เชิญนั่งก่อนครับ”
“นายน้อยอู๋ไม่ต้องสุภาพถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมต้องขออภัยที่มารบกวนตั้งแต่เช้าแบบนี้ แต่ทางผมมีเรื่องต้องการสอบถามนายน้อยอู๋ ก่อนหน้านี้ผมพยายามโทรหาหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีการรับสาย ผมเลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาด้วยตัวเอง หวังว่านายน้อยอู๋จะเข้าใจครับ” แม้เจียงฟั่นโจวยังคงจมดิ่งกับความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกชาย ทว่าประโยคที่ควรและจำเป็นก็ยังต้องเอ่ยออกมา และจากการกระทำของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ร้อนกันแค่ไหน
“มีเรื่องอะไรก็พูดได้เลยครับ ถ้าผมรู้ก็จะตอบ” อู๋ฝานรับคำขณะนั่งลงบนโซฟา
“นายน้อยอู๋ทราบเรื่องลูกชายของผมแล้วใช่ไหมครับ?” เจียงฟั่นโจวเอ่ยถาม สีหน้าในยามเอ่ยถึงเจียงอวี่ค่อนข้างโศกศัลย์
แม้เจียงอวี่ในสายตาคนนอกจะเป็นคุณชายไม่ได้เรื่อง ทั้งยังชอบเที่ยวเล่น หลายคนเย้ยหยันและไม่พอใจ แต่ในสายตาของเจียงฟั่นโจวเขาคือลูกชาย ต่อให้เหลวแหลกแค่ไหน สายตาที่เจียงฟั่นโจวมองลูกชายก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ต่อให้จะเลวแค่ไหน เขาก็ยังมองลูกชายเป็นคนที่ดีที่สุดอยู่ดี
ขณะนี้ความตายมาเยือน ทั้งยังเป็นไปได้ว่าอาจถูกสังหาร ในใจจะโศกเศร้าแค่ไหนย่อมคาดเดาได้ ตั้งแต่ทราบเรื่องที่เจียงอวี่ตายจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทว่าใบหน้าของเจียงฟั่นโจวกลับดูแก่ชราลงไปมาก
“ผมได้ยินเรื่องนายน้อยเจียงมาแล้วครับ ขอแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเจียงด้วยนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับอย่างเฉยชา
“ขอบคุณที่นายน้อยอู๋เป็นห่วงครับ” เจียงฟั่นโจวทราบดีถึงความขัดแย้งระหว่างอู๋ฝานกับลูกชายของตนเอง เพราะแบบนั้นจึงไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะร่วมโศกเศร้าไปกับตน “ขอสอบถามได้รึเปล่าครับว่าเมื่อคืนนี้นายน้อยอู๋อยู่ที่ไหน? ได้ไปที่โรงแรมเทียนอวี่ไหมครับ”
“ไปครับ” อู๋ฝานไม่ปฏิเสธ เพราะเขาทราบดีว่าหน้าทางเข้าโรงแรมมีกล้องวงจรปิด รถของเขาผ่านไปย่อมถูกตรวจสอบจนพบ อีกทั้งเจียงอวี่ยังเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมให้เตรียมสกัดตนไว้ ไม่แปลกหากจะทราบเรื่องที่เขาไปที่นั่น
“แต่ผมไม่ได้เข้าไปครับ” อู๋ฝานพูดต่อ
“นายน้อยอู๋หมายความว่ายังไงนะครับ ผมยังไม่เข้าใจ” เจียงฟั่นโจวหรี่ตามอง
เมื่อเจียงอวี่ถูกฆ่า เจียงฟั่นโจวย่อมสงสัยอู๋ฝาน เพราะความขัดแย้งนี้เพิ่งเกิดขึ้น อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นคนที่มีความสามารถมากพอจะฆ่าเจียงอวี่ได้ ไม่ว่าจะแรงจูงใจหรือความสามารถต่างก็มีครบ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตกเป็นผู้ที่ต้องสงสัยที่สุด
“ก็ไม่มีอะไรครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “เมื่อคืนตอนผมกำลังจะพัก มีสายโทรเข้าจากคุณหนูสวี่ เธอร้องขอความช่วยเหลือ บอกว่านายน้อยเจียงวางยาเลยขอให้ผมไปรับ อันนี้ขอพูดตามตรงก็แล้วกันนะครับ การกระทำของนายน้อยเจียงถือว่าเกินเลยไปมาก ถ้าผู้หญิงไม่เล่นด้วยเขาก็ควรจะหยุด ไม่ใช่รุกไล่จนถึงขนาดวางยาแบบนั้น ผมต้องบอกว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อไหร่ที่ใช้กำลังบีบบังคับ มันคืออาชญากรรม ผมเลยรีบเดินทางไปเพื่อจะห้ามไม่ให้เกิดเรื่องราวนี้ขึ้น แน่นอนว่าผมเองก็มีมิตรภาพกับคุณหนูสวี่จื่อฉีด้วย เพราะแบบนั้นผมเลยเตรียมจะไปขัดขวาง”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อครับ นายน้อยอู๋ไปถึงแล้วยังไงครับ?” เจียงฟั่นโจวเผยสีหน้าเหยเก เจียงอวี่ตายแล้วแต่ก็ยังถูกอู๋ฝานเย้ยหยันถึงขนาดนี้ ในฐานะคนเป็นพ่อ ไม่แปลกหากจะเริ่มอารมณ์เสีย
“ไม่มีแล้วครับ” อู๋ฝานส่ายหน้า “ตอนผมขับรถไปใกล้ถึงโรงแรมเทียนอวี่ พอมานึกย้อนให้ดี ผมก็ไม่ได้มีมิตรภาพอะไรกับนายน้อยเจียง ทั้งยังมีปัญหาเบาะแว้งกันเล็กน้อยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะก่ออาชญากรรมหรือทำอะไรไม่ถูกก็ไม่เกี่ยวข้อง พูดตามตรงคือถ้าก่อคดีจนถูกจับผมน่าจะยินดีด้วยซ้ำไป ส่วนทางด้านสวี่จื่อฉี คุณเจียงอาจยังไม่ทราบว่าตอนแรกผมมีแผนจ้างวานเธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้สินค้าของผม แต่หลังความร่วมมือล่มกลางทาง ความสัมพันธ์ของพวกเราก็พังลงที่ตรงนั้น แล้วทำไมผมถึงจะต้องไปช่วยเธอด้วยล่ะครับ? พอคิดได้แบบนั้นผมถึงขับรถกลับมาโดยไม่ได้เข้าโรงแรมครับ”
“นายน้อยอู๋ไปถึงหน้าประตูแล้ว แต่ก็จากไปโดยไม่จอดลงจากรถ?” เห็นได้ชัดว่าเจียงฟั่นโจวค่อนข้างไม่เชื่อคำอธิบาย
“ใช่ครับ” เขาพยักหน้าตอบ “ความเป็นจริงก็ตามนั้นครับ พอผมกลับจากโรงแรมเทียนอวี่ก็มานอนโดยไม่ได้ออกไปไหนอีก แล้วผมก็หลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ด้วย”
“นายน้อยอู๋ทราบไหมครับว่าใครฆ่าลูกชายผม?” เจียงฟั่นโจวยังคงถาม
“คุณเจียงน่าจะถามผิดคนแล้วล่ะครับ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าใครฆ่า? ผมนอนอยู่ที่บ้านจะไปรู้เรื่องอะไรได้” อู๋ฝานตอบกลับ “ถ้าคุณเจียงรีบมาพบผมเพราะต้องการทราบว่าใครฆ่านายน้อยเจียง เกรงว่าจะทำให้ผิดหวังแล้วครับ”
เจียงฟั่นโจวไม่ตอบอะไร สายตาของเขาจ้องมองอู๋ฝาน ราวกับต้องการจะจับพิรุธทางสีหน้า
แต่ความคาดหวังของเขาก็ต้องกลายเป็นผิดหวัง สีหน้าท่าทีของอู๋ฝานสงบนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีความรู้สึกอะไรแสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย แม้เจียงฟั่นโจวจะเผยท่าทีกดดัน แต่ชายหนุ่มเคยพบทั้งจักรพรรดิและองค์หญิง ท่าทีกดดันของคนเหล่านั้นไม่มีทางด้อยกว่าเจียงฟั่นโจว กระทั่งแข็งแกร่งกว่ามากด้วยซ้ำ ยามเผชิญหน้าคนเหล่านั้นเขายังสามารถสงบใจได้ ดังนั้นจึงนับประสาอะไรกับแรงกดดันของเจียงฟั่นโจว
หลังมองอยู่นานกลับไม่พบอะไร เจียงฟั่นโจวจึงลุกขึ้นยืนและเอ่ย “ถ้าเป็นอย่างที่ว่าผมคงต้องขอตัว ขออภัยที่รบกวนนายน้อยอู๋ด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ต้องขออภัยที่ไม่อาจช่วยอะไรคุณเจียงได้ครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
เจียงฟั่นโจวพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะนำกลุ่มคนจากไป ตอนมาว่าเร็วแล้ว แต่ตอนกลับไปกลับเร็วยิ่งกว่า
อู๋ฝานยังคงนั่งบนโซฟาพลางจิบชา สายตาทอดมองยังเจียงฟั่นโจวและคณะที่กลับกันไปด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
ปกติแล้วตนไม่คิดว่าเจียงฟั่นโจวจะหยุดความสงสัยตนเองเพียงเพราะคำอธิบายแค่นั้น ทว่าในเมื่อไม่มีหลักฐาน ต่อให้อีกฝ่ายจะสงสัยเขาไปก็ไม่อาจทำอะไรได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังอีกยาวไกล เพราะตระกูลเจียงเพิ่งเริ่มการสืบสวนเท่านั้น
…………….