ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 631 เจียงฟั่นโจวคลุ้มคลั่ง
บทที่ 631 เจียงฟั่นโจวคลุ้มคลั่ง
ด้วยฐานะผู้อาวุโสสำนักตะวันเพ็จ หร่วนเจี้ยนเฟิงย่อมต้องหาผลประโยชน์เข้าสำนักก่อน ตระกูลเจียงคือทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อสำนักตะวันเพ็จในเจียงโจว เนื่องจากความทุ่มเทของตระกูลเจียงจึงทำให้ทรัพย์สินของสำนักเพิ่มมากขึ้นในทุกปี หร่วนเจี้ยนเฟิงและสำนักจึงสามารถเติบโตขึ้นมาในเจียงโจวได้อย่างไร้ปัญหา
ส่วนเรื่องความตายของเจียงอวี่ มันไม่ใช่ประเด็นที่ชายชราจะต้องใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่มันไม่ทำให้ตระกูลเจียงล่มจมก็เพียงพอแล้ว
“ขอบคุณความห่วงใยของผู้อาวุโสหร่วนครับ” มีหรือเจียงฟั่นโจวจะไม่เข้าใจคำตอบของหร่วนเจี้ยนเฟิง ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะเกิดความขัดแย้งกับสำนักตะวันเพ็จ
“แต่ลูกชายของผมตายอย่างเป็นปริศนา ใจของผมไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ครับ” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ
“ต้องการจะสื่อว่าอะไร?” หร่วนเจี้ยนเฟิงเอ่ยถามตามตรง
“ลูกชายของผมต้องถูกใครสักคนฆ่าแน่ ผมต้องการหาตัวฆาตกรและฆ่ามันเพื่อล้างแค้น!” เจียงฟั่นโจวตอบกลับมาด้วยดวงตาแดงก่ำ
“แล้วสงสัยใครล่ะ?” ชายชราขมวดคิ้ว
อันที่จริงเจียงอวี่เพิ่งตายเมื่อวาน ดังนั้นวันนี้เจียงฟั่นโจวจึงควรจะต้องยุ่งอยู่กับการจัดงานศพ แต่เขากลับมาหาตนเองแบบนี้ หร่วนเจี้ยนเฟิงทราบดีว่าเจียงฟั่นโจวจะต้องคิดทำอะไรบางอย่าง
“ครับ” เจียงฟั่นโจวตอบรับ “อู๋ฝาน!”
“อู๋ฝาน?” หร่วนเจี้ยนเฟิงขมวดคิ้วจนแทบพันกัน “ฉันก็รู้นะว่าลูกชายของนายมีข้อพิพาทระหว่างคนหนุ่มกับเขา แต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยของคนหนุ่มสาว ด้วยตัวตนของอู๋ฝาน เขาไม่น่าจะฆ่าลูกชายของนายเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นหรอกมั้ง?”
ความหมายในคำพูดของหร่วนเจี้ยนเฟิงนั้นชัดเจนว่าสถานะของอู๋ฝานเป็นอย่างไร และสถานะของเจียงอวี่เป็นอย่างไร คนทั้งสองไม่ได้มีสถานะเท่ากันเลยแม้แต่น้อย และด้วยสถานะของชายหนุ่ม เขาไม่น่าจะใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นข้อพิพาทกับเจียงอวี่
“ผมมีเหตุผลที่สงสัยเขาอยู่ครับ นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขามีข้อพิพาทกับลูกชายผมแล้ว มันก็ยังเกี่ยวข้องกับดาราแซ่สวี่ คืนนั้นเธอโทรขอความช่วยเหลือจากอู๋ฝาน และชายคนนั้นก็ขับรถไปจนถึงหน้าโรงแรมแล้วด้วยซ้ำ กล้องวงจรปิดก็เห็นว่าเขาไปแค่หน้าโรงแรมและไม่ได้เข้าไปข้างใน แต่พฤติกรรมนี้น่าสงสัยเกินไป บางทีเขาอาจจะใช้วิธีการอะไรบางอย่างเพื่อหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด ตอนที่ผมไปเห็นสถานการณ์ในห้อง จากทิศทางที่กระจกแตกและกระจัดกระจาย เห็นได้ชัดว่ามันถูกแรงจากด้านนอกบุกเข้าไป ผมเลยสงสัยว่าอู๋ฝานอาจจะมีทางอะไรสักอย่างที่ใช้บุกเข้าไปครับ” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ
“นั่นเป็นแค่สิ่งที่นายคาดเดา ในความเป็นจริงนั้นต่อให้จะเป็นผู้ฝึกตน การคิดจะปีนขึ้นไปบนตึกสูงชั้นสิบสองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” ชายชราตอบกลับ
“แต่อู๋ฝานคือคนที่น่าสงสัยที่สุดนะครับ!” เจียงฟั่นโจวยังคงยืนยัน
“แล้วยังไงล่ะ? ถ้าไร้หลักฐาน นายก็ทำได้เพียงสงสัย” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ
“ยังไงล่ะ? ตระกูลเจียงของนายสืบสวนหาตัวคนร้ายกันหนักขนาดนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไรไม่ใช่เหรอ?” หร่วนเจี้ยนเฟิงถามกลับ
สำหรับเรื่องนี้ หร่วนเจี้ยนเฟิงไม่ต้องการจะเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย การที่เจียงอวี่ตายไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตระกูลเจียงไม่ได้มีทายาทสืบทอดแค่เจียงอวี่ ในความเห็นของเขานั้น ขอแค่ตระกูลเจียงไม่วุ่นวายจนเกือบจะล่มสลาย มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องไปต่อกรกับอู๋ฝานเพียงเพราะคนที่ไม่สำคัญหนึ่งคน
แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายความว่าหร่วนเจี้ยนเฟิงและสำนักตะวันเพ็จที่อยู่เบื้องหลังของเขาหวาดเกรงอีกฝ่าย แต่เพราะพวกเขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นและไม่คุ้มค่า
“ผมหวังให้ผู้อาวุโสจับตัวอู๋ฝานมาสอบปากคำอย่างหนักครับ” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ
“เสียสติไปแล้วรึไง?!” ชายชราถึงกับตะลึง คำขอของเจียงฟั่นโจวถึงกับทำให้เขาอุทานพร้อมลุกขึ้นยืน
“ผมก็บ้าไปแล้วนั่นแหละ!” เจียงฟั่นโจวเองก็ลุกขึ้นยืน สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความคลุ้มคลั่ง “ผมมีลูกชายแค่คนเดียว แต่ตอนนี้กลับตายไปอย่างลึกลับ ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นฆาตกร ลองคิดถึงหัวอกคนเป็นพ่ออย่างผมสิครับ จะไม่ให้ผมเป็นบ้างั้นเหรอ?”
“ฉันเข้าใจความต้องการที่อยากจะล้างแค้นให้ลูกชายนะ แต่แค่เพราะความสงสัยเลยคิดจะลงมือกับอู๋ฝาน มันคือความคลุ้มคลั่ง” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ “นายเองก็รู้ว่าสถานะของอู๋ฝานเป็นยังไง เขาไม่ใช่คนธรรมดา ถ้านายลงมือ ตระกูลเจียงไม่มีทางแบกรับผลที่ตามมาได้ไหวหรอก และพวกเราสำนักตะวันเพ็จจะไม่ขอรับความเสี่ยงนั้นเอาไว้ด้วย”
“ตราบใดที่ผมล้างแค้นให้ลูกชายได้ ต่อให้ต้องเสียทั้งตระกูลเจียงก็จะทำ!” เจียงฟั่นโจวเผยอาการคลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น “และหากผู้อาวุโสหร่วนกับสำนักตะวันเพ็จไม่ตอบรับคำขอนี้ ผมก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากไปหาสำนักอื่น”
“นายกำลังหมายความว่ายังไง? คิดจะหักหลังสำนักตะวันเพ็จงั้นเหรอ?” หร่วนเจี้ยนเฟิงเริ่มแสดงโทสะ
“ตอนที่ตระกูลเจียงเข้าหาสำนักตะวันเพ็จก็เพราะต้องการที่พึ่งพิง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ …พอลูกชายเพียงคนเดียวของผมถูกฆ่า ทางสำนักกลับตอบรับด้วยความเฉยชา แล้วทำไมผมจะยังต้องพึ่งพาสำนักตะวันเพ็จอีก? เพราะจ่ายอะไรไปก็ไม่ได้รับอะไรตอบแทนแม้แต่น้อย!” เจียงฟั่นโจวเริ่มตัวสั่นเพราะอาการคลุ้มคลั่ง แม้จะเผชิญหน้ากับโทสะของหร่วนเจี้ยนเฟิง เขาก็ยังไม่มีท่าทีจะถูกสะกดข่ม “ถ้ามีใครก็ตามที่สามารถล้างแค้นให้ของลูกชายผมได้ ผมก็พร้อมจะนำตระกูลเจียงไปสวามิภักดิ์!”
“กล้าดียังไง!”
“ก็อย่าคิดว่าไม่กล้า!”
หร่วนเจี้ยนเฟิงจ้องเจียงฟั่นโจวด้วยโทสะพลุ่งพล่าน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายคลุ้มคลั่งจนกู่ไม่กลับแล้ว เพราะความตายของบุตรชายเลยทำให้เป็นแบบนี้ อีกฝ่ายกระทั่งสูญเสียสติและความสามารถในการตัดสินใจ
“อู๋ฝานไม่ใช่คนธรรมดา ลำพังแค่ฉันไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้” ต้องใช้เวลาอยู่สักพักกว่าหร่วนเจี้ยนเฟิงจะตอบกลับ
เมื่อข่าวคราวมากมายหลุดออกมาจากวังเมฆาสีชาด คนของสำนักอื่นในเจียงโจวต่างหวาดเกรงอู๋ฝานกันไปหมด หากพวกเขาต้องการลุกขึ้นต่อกรกับอีกฝ่ายขึ้นมาจริง ๆ ลำพังแค่หร่วนเจี้ยนเฟิงไม่มีอำนาจที่จะตัดสินใจได้
“ผมเข้าใจครับ เรื่องนี้ผู้อาวุโสหร่วนสามารถกลับไปหารือก่อนได้ และผมหวังว่าผู้อาวุโสหร่วนจะแจ้งให้เจ้าสำนักทราบ” หลังเห็นหร่วนเจี้ยนเฟิงยอมโอนอ่อน เจียงฟั่นโจวก็ยอมโอนอ่อนลงเช่นเดียวกัน “หากสำนักตะวันเพ็จสามารถล้างแค้นให้ลูกชายผมได้ ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลผมจะตกเป็นของสำนักตะวันเพ็จ!”
“พูดจริงเหรอ?”
“พูดจริงครับ!”
ทันใดนั้นหร่วนเจี้ยนเฟิงก็ใจเต้นรัวขึ้นมา!
แม้สำนักผู้ฝึกตนไม่ค่อยเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวทางโลกมากนัก แต่การที่กิจการของสำนักจะดำรงอยู่ต่อไปได้ก็ต้องมีเงินทองไว้ใช้สอยจับจ่าย โดยเฉพาะกับสำนักขนาดใหญ่ยิ่งจำเป็นต้องมีเงินทองเป็นจำนวนมาก เพราะศิษย์มากมายในสำนักไม่อาจนำรายได้เข้ามา กิจวัตรประจำวันของผู้ฝึกตนก็ไม่อาจสร้างรายได้ ดังนั้นแต่ละสำนักจึงต้องตั้งสำนักนอกขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบเรื่องราวทางโลก กระทั่งว่าส่งผู้อาวุโสไปดูแลซะด้วยซ้ำ ทั้งหมดก็เพื่อหาเงินจากโลกเบื้องหน้ามาใช้จ่ายกับกิจการทั่วไปในสำนัก
ด้วยฐานะหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว ตระกูลเจียงดำรงอยู่มานานหลายปี รากฐานหยั่งลึก ทรัพย์สินที่จับต้องได้และย่อมไม่ได้มีมหาศาลจนน่าสะพรึง ขณะนี้อีกฝ่ายยินดีมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งมาให้ มันไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย และถึงขนาดที่สำนักตะวันเพ็จไม่อาจเพิกเฉยจำนวนทรัพย์สินดังกล่าวได้
“ตกลง งั้นฉันจะกลับไปสำนักเพื่อหารือกับเจ้าสำนักอีกที” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ
“ผมรอคอยฟังข่าวดีจากผู้อาวุโสหร่วนนะครับ” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ