ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 633 ความเห็นเป็นเอกฉันท์
บทที่ 633 ความเห็นเป็นเอกฉันท์
“ที่พูดมานั่นไร้สาระทั้งเพ! ในเมื่อคิดลงมือแล้วก็ต้องไม่เปิดโอกาสให้มันหลบหนีรอดอยู่แล้วสิ” ผู้อาวุโสที่นั่งข้าง ๆ หร่วนเจี้ยนเฟิงเอ่ยขึ้น
ไม่ว่าในสำนักตะวันเพ็จหรือวังเมฆาสีชาด สถานะของผู้อาวุโสนอกสำนักก็ไม่สูงส่งอะไร สถานภาพเช่นเดียวกันนี้รวมถึงทุกสำนักทั่วประเทศ แม้ทุกสำนักจะมีการดำรงอยู่ที่แยกกันเป็นอิสระ แต่ทุกสำนักต่างก็ไม่อาจขาดเส้นทางสนับสนุนทางการเงิน แต่ผู้ฝึกตนมักจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง พวกเขาจึงวางตัวไม่สนใจเรื่องราวทางโลก ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้อาวุโสนอกสำนักที่ต้องคอยจัดการเรื่องราวด้านนอกนัก
ด้วยเหตุดังกล่าว สถานะของหร่วนเจี้ยนเฟิงจึงค่อนข้างอยู่หางแถวของบรรดาผู้อาวุโสในสำนักตะวันเพ็จ
“แล้วคิดว่าตระกูลเจียงมีค่าพอให้ลงมือกับอู๋ฝานรึเปล่า?” ถงเชียนหวาเอ่ยถามอีกครั้ง
หร่วนเจี้ยนเฟิงครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบกลับ “มีค่าพอครับ!”
“เหตุผลล่ะ?”
“ตระกูลเจียงภายใต้หัวเรือใหญ่อย่างเจียงฟั่นโจวพัฒนาด้วยดีมาตลอดหลายปี แม้จะยังไม่ใช่จุดสูงสุดของห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว แต่แนวทางพัฒนาของพวกเขาก็แข็งแกร่ง เป็นไปได้ว่าจะขึ้นเป็นจุดสูงสุดของห้าตระกูลใหญ่ในอนาคตครับ” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ
“ก็แค่ตระกูลของโลกเบื้องหน้า ไม่มากพอหรอก” หนึ่งในผู้อาวุโสที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งตัวเป็นศัตรูกับอู๋ฝานเอ่ยทักท้วงขึ้นมา
“จริงอยู่ที่ตระกูลของโลกเบื้องหน้าไม่อาจเทียบได้กับสำนัก แต่การจะให้สำนักอยู่ได้ก็ไม่อาจขาดการสนับสนุนของตระกูลเหล่านั้น รวมถึงกิจการในโลกเบื้องหน้าด้วยเช่นกัน เมื่อเฟ้นหาไปทั่วทั้งประเทศ สำนักชั้นหนึ่งกับสำนักแถวหน้าต่างก็มีตระกูลทรงอำนาจ และกิจการหนุนหลังในโลกเบื้องหน้าเช่นกัน ดังนั้นพวกเราสำนักตะวันเพ็จที่ต้องการก้าวหน้าไปต่อ ก็ไม่อาจตัดขาดการสนับสนุนเหล่านั้นได้” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ
“ผู้อาวุโสหร่วนพูดได้ตรงประเด็นแล้ว” ถงเชียนหวาตอบรับเป็นการเห็นด้วย ในฐานะเจ้าสำนัก แม้ถงเชียนหวาจะค่อนข้างดูแคลนตระกูลทั้งหลายของโลกเบื้องหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจถึงความสำคัญเป็นอย่างดี หากสำนักต้องการพัฒนาต่อ มันก็ไม่อาจขาดกำลังสนับสนุนจากกิจการและตระกูลทั้งหลาย
เมื่อได้รับความเห็นของเจ้าสำนัก หร่วนเจี้ยนเฟิงจึงเริ่มมีแรงขึ้นมา “ตอนนี้ตระกูลเจียงกำลังพัฒนาด้วยดี และยังมีแนวโน้มการพัฒนาดีที่สุดในตระกูลใต้สำนักตะวันเพ็จ เพื่อพัฒนาสำนักต่อไป พวกเราไม่อาจตัดพวกเขาออกไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นเจียงฟั่นโจวยังยินดียกทรัพย์สินของทั้งตระกูลให้ครึ่งหนึ่ง เพื่อแลกกับการล้างแค้นให้ลูกชาย มูลค่านั้นไม่ใช่น้อย ๆ เลยครับ“
ถงเชียนหวาพยักหน้าตอบ
“แต่อู๋ฝานไม่ใช่คนธรรมดา เรื่องของวังเมฆาสีชาดเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน พวกเราไม่ควรเดินตามรอยเท้าพวกมัน”
“พวกเราไม่อาจประมาทอู๋ฝานได้อยู่แล้ว ดังนั้นผมถึงเพิ่งบอกว่าถ้าต้องการลงมือ ก็ต้องมีแผนที่มั่นใจว่าจะฆ่ามันตายในครั้งเดียวได้! พวกเราต้องไม่เปิดโอกาสให้มันหลบหนี” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ “อีกทั้งเรื่องนี้พวกเรายังขอให้สำนักอื่นช่วยเหลือได้ด้วย”
“ขอความช่วยเหลือจากสำนักอื่น? นี่มันเรื่องของพวกเรา คิดว่าคนจากสำนักอื่นจะโง่งั้นเหรอ? พวกมันจะยอมตั้งตัวเป็นศัตรูกับอู๋ฝาน แค่เพราะผลประโยชน์เล็กน้อยรึไง?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบกลับด้วยความดูแคลน
“สำนักอื่นย่อมไม่โง่ ถ้าพวกเราจัดการกับคนอื่นพวกมันคงไม่ตอบรับ แต่หากคนที่พวกเราจัดการคืออู๋ฝาน พวกมันจะมีเหตุผลพอให้ลงมือ” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ
“เหตุผลอะไร? แส่หาศัตรูสู่ตนเองเหรอ?”
“ลองคิดดูให้ดีว่าเพราะอะไรอู๋ฝานถึงมาปรากฏตัวที่เจียงโจว มาเพื่อศึกษาร่ำเรียนเหรอ?” หร่วนเจี้ยนเฟิงเอ่ยถามทุกคน
“แล้วมันเหตุผลอะไรกันล่ะ?”
“ผมมองว่าอู๋ฝานคือหมากของสำนักหนึ่ง หรือก็คือเป็นคนที่ออกหน้าแทนขั้วอำนาจใดสักฝ่าย จุดประสงค์ที่มันมาเจียงโจวก็เพื่อตักตวงทรัพยากรในท้องถิ่น หรืออาจมีจุดประสงค์รวมทุกสำนักในเจียงโจวเข้าด้วยกันเป็นกองกำลังเดียว!” หร่วนเจี้ยนเฟิงตอบกลับ
คำพูดของหร่วนเจี้ยนเฟิงทำให้กลุ่มคนชะงัก แต่หลังอาการตกใจผ่านพ้นไป พวกเขาต่างก็เริ่มเผยสีหน้าครุ่นคิดกันออกมา
อู๋ฝานไม่ใช่คนเจียงโจว ประเด็นนี้ทุกคนในเจียงโจวต่างก็ทราบกันมานานแล้ว ข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายอาจมีสำนักใหญ่อยู่เบื้องหลัง นับเป็นประเด็นที่ทุกสำนักและตระกูลใหญ่ในเจียงโจวเห็นพ้องตรงกัน งั้นจุดประสงค์ที่อำนาจด้านนอกเข้ามายังเจียงโจวคืออะไร? อีกทั้งพิจารณาจากการปรากฏตัวของชายหนุ่ม เห็นได้ชัดว่ามีแผนการจะหยั่งรากลึกลงที่เจียงโจว ไม่แปลกหากจะทำให้คนท้องถิ่นเริ่มครุ่นคิดกันมากขึ้น
“ลองคิดดูให้ดี เบื้องหลังของร้านคัลเลอร์แมนคือวังเมฆาสีชาด เบื้องหลังของตระกูลเจียงคือสำนักตะวันเพ็จของพวกเรา ตอนแรกอู๋ฝานตั้งตัวเป็นศัตรูกับร้านคัลเลอร์แมน ต่อจากนั้นก็โจมตีตระกูลเจียง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างข้อพิพาทและเหตุผลขึ้นมา หลังบุกโจมตีวังเมฆาสีชาดและสำนักตะวันเพ็จของพวกเรา เดาว่ามันคงใช้ข้อแก้ตัวเดียวกันหาทางเล่นงานสำนักอื่นในพื้นที่แถบนี้แน่ ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็จะเริ่มสยบสำนักทีละแห่งจนครบ ดังนั้นพวกเราถึงต้องลงมือจัดการมันซะตั้งแต่ตอนนี้ ต่อให้อยู่เฉย ๆ มันก็คงหาข้ออ้างอื่นมาสร้างความขัดแย้งกับพวกเราแน่” หร่วนเจี้ยนเฟิงอธิบาย
“ตราบใดที่คนจากสำนักอื่นเข้าใจเรื่องราวไปในทิศทางเดียวกัน พวกนั้นคงไม่อาจนั่งเฉยมองข้ามเรื่องระหว่างพวกเรากับอู๋ฝานได้ ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของอู๋ฝานกับตระกูลเจียงอีกต่อไป และก็ไม่ใช่เรื่องของสำนักตะวันเพ็จของพวกเรากับชายคนนั้นเท่านั้น แต่มันเกี่ยวพันถึงอนาคตของทุกสำนักในเจียงโจว”
คำพูดของหร่วนเจี้ยนเฟิงทำให้ทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง พวกเขากำลังครุ่นคิดและไตร่ตรองถึงคำอธิบายดังกล่าว
หากอู๋ฝานมาที่นี่และได้ยินการวิเคราะห์ของหร่วนเจี้ยนเฟิง เขาเองก็คงต้องชะงักไปไม่ต่างกัน กระทั่งชมอีกฝ่ายว่ามีจินตนาการกว้างไกลเหลือเกิน
“ที่พูดมาก็มีเหตุผล” ผ่านไปสักพักหนึ่ง ถงเชียนหวาลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ย “อู๋ฝานลึกลับจนเกินไป มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอันแข็งแกร่ง พวกเราไม่อาจเชื่อว่ามันจะทำแค่ร้านอาหารอย่างสงบใจตลอดไปได้ ผู้ฝึกตนไม่มักมากทางโลกอยู่แล้ว ดังนั้นการที่มันทุ่มเทให้กับร้านอาหารจึงเป็นเพียงการแสร้งทำ เป็นแค่ฉากหน้า จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันคือพวกเราสำนักในท้องถิ่นทั้งหลายต่างหาก”
บรรดาผู้อาวุโสเริ่มพยักหน้ารับกันทีละคน กระทั่งคนที่ก่อนหน้านี้คัดค้าน ขณะนี้ยังต้องพยักหน้าเห็นพ้อง ไม่เพียงเพราะเจ้าสำนักของพวกเขาเอ่ยปากแล้ว แต่ยังเป็นเพราะเข้าใจและคิดเห็นไปในทางเดียวกัน
“แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็ไม่ได้หมายความถึงอู๋ฝานกำลังรอคอยให้พวกเราลงมือ เพื่อที่มันจะได้มีข้ออ้างตอบโต้เหรอ หากเป็นเช่นที่ว่า พวกเราจะปิดล้อมสังหารมันยังไง?”
“แม้มันจะกำลังล่อลวงให้พวกเราลงมือ แต่ช่วงเวลาลงมือก็ยังคงอยู่ในกำมือของฝ่ายเรา พวกเราสามารถลงมือเมื่อไหร่ก็ได้ ต่อให้มันระวังตัวแค่ไหน มนุษย์ย่อมต้องมีความผิดพลาด ผมไม่คิดเชื่อว่ามันจะระวังตัวไปได้ตลอด” หร่วนเจี้ยนเฟิงเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว” ถงเชียนหวาพยักหน้ารับ “คนที่จะลงมือก่อนคือฝ่ายเรา ดังนั้นพวกเราจะเลือกเวลาลงมือเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันจะเป็นคนติดต่อหาสำนักอื่นในเจียงโจวเอง ขอเพียงพวกเราร่วมมือกัน ฉันไม่เชื่อว่าอู๋ฝานและอำนาจเบื้องหลังของมันจะสร้างคลื่นลมอะไรในเจียงโจวได้อีก ในเมื่อพวกมันส่งแนวหน้าออกมาคิดยึดครองทุกสำนักในเจียงโจว พวกเราก็จะสังหารแนวหน้าของพวกมันเพื่อเป็นการประกาศให้รับรู้!”
เหล่าผู้อาวุโสรวมถึงหร่วนเจี้ยนเฟิงต่างพยักหน้ารับเป็นการเห็นพ้อง
ด้วยเหตุนี้ เจียงฟั่นโจวที่เดิมแค่ต้องการจับกุมตัวชายหนุ่มมาสอบสวน ปัจจุบันได้กลายเป็นเรื่องราวของสำนักใหญ่ทั้งหลายในเจียงโจวกับอู๋ฝานไปซะแล้ว สิ่งที่พวกเขากำลังคิดทำ มันไม่ใช่แค่การจับกุมตัวมาสอบปากคำอย่างแน่นอน
…………….