ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 637 นอกเมือง
บทที่ 637 นอกเมือง
“ไม่ผิดแน่ พวกมันยังตามมาต่อ มาดูกันว่าสำนักตะวันเพ็จจะส่งคนมามากแค่ไหนกัน” อู๋ฝานเห็นสถานการณ์ผ่านกระจกมองหลังพลางพูดกับตัวเอง
หลังแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายยังคงไล่ตาม ชายหนุ่มจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งเพื่อหาทางสลัดให้หลุด เพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมการล่วงหน้า
แต่พออู๋ฝานออกพ้นเขตเมืองได้ไม่ทันถึงสิบนาที ชายหนุ่มก็ได้ตระหนักว่ามีกลุ่มรถจอดขวางถนนตรงหน้าเอาไว้ พวกมันปิดกั้นถนนอย่างแน่นหนา หากเห็นในช่วงเวลาอื่น เขาคงคิดว่าด้านหน้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ทำให้ต้องคิดเชื่อมโยงกับกลุ่มไล่ล่าทางด้านหลัง
อู๋ฝานตั้งใจลดความเร็วลง แน่นอนว่าทันทีที่รถของเขาเข้าใกล้กลุ่มรถด้านหน้า ชั่วพริบตาก็มีกลุ่มคนปรากฏจากด้านหลังของรถเหล่านั้นพร้อมคันธนู ทันทีที่พวกมันแสดงตัวก็พร้อมใจกันยิงลูกธนูออกมาใส่รถเป้าหมายโดยไม่รีรอ
“ปึก ปึก ปึก!”
เสียงเหมือนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้รถของเขาก็ไม่ได้รับความเสียหายเช่นเคย
“ตู้ม!”
เมื่อเห็นเป้าหมายแสดงตัว อู๋ฝานจึงเร่งความเร็วพุ่งชนรถเหล่านั้นทันที ระหว่างที่ขับมาเขาก็ยังปรับเปลี่ยนรถไปด้วย ส่วนหน้าของรถในเวลานี้จึงยิ่งแข็งแกร่งและทนทาน
“ตึง!”
รถของชายหนุ่มปะทะกับกลุ่มรถที่ขวางถนน แรงปะทะรุนแรงทำให้รถเหล่านั้นกระจัดกระจายออก กระทั่งกลุ่มคนที่ซ่อนตัวหลังรถยังไม่มีเวลาพอให้หลบหนี พวกเขาส่งเสียงร้องออกมาขณะร่างกระเด็น บ้างก็โดนทับ เป็นเหตุให้กลุ่มคนไม่บาดเจ็บก็ล้มตาย
ทว่าหร่วนเจี้ยนเฟิงเตรียมการเอาไว้อย่างดีเยี่ยม หลังกลุ่มรถที่ใช้เพื่อขวางถนนไว้มีกับดักและตัวกั้นถนนเตรียมรอ แม้รถของอู๋ฝานจะชนจนรถคันอื่นจนกระเด็นได้ แต่เพราะกับดักและตัวกั้นถนนบีบบังคับ ทำให้เขาต้องหยุดรถเอง
แท้จริงแล้วชายหนุ่มสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถให้บินได้ด้วยซ้ำ หากทำแบบนั้นตัวขวางถนนและกับดักเหล่านั้นจะไม่มีทางขัดขวางเอาได้ แต่เขาตัดสินใจไม่ทำแบบนั้น ทั้งยังไม่คิดหนีต่อและเลือกที่จะหยุดรถ
เนื่องจากคนของสำนักตะวันเพ็จตัดสินใจลงมือแล้ว หากไม่คลี่คลายเรื่องราว ต่อให้วันนี้เขาสามารถหลบหนีเรื่องราวก็ไม่จบไม่สิ้น คนของสำนักตะวันเพ็จจะต้องหาโอกาสลงมืออีกครั้ง เพราะอีกฝ่ายสามารถตัดสินใจลงมือเมื่อไหร่ก็ได้ ขณะที่เขาจะทำได้เพียงรอตั้งรับ
“ตึง ตึง ตึง!”
ทันทีที่รถของอู๋ฝานหยุดลง กลุ่มคนที่รอดจากการปะทะคว้าดาบและกระบี่เข้ามาโจมตี เพราะเป้าหมายอยู่ในรถ พวกเขาจึงต้องหาทางทำลายรถซะก่อน
แม้พวกเขาจะลงมือ แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ลูกธนูไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ตัวรถได้ ดาบและกระบี่ของพวกเขาก็เช่นกัน
“ปล่อยให้เล่นงานมานานแล้ว ถึงคราวทางนี้ตอบโต้บ้างละนะ” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเองก่อนจะลดกระจกรถลง พร้อมกับกระโดดออกไปนอกรถ ขณะกระโดดออกมานั้น กระบี่เล่มยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาด้วยเช่นกัน
“ตึง ตึง ตึง!”
กระบี่ยาวของอู๋ฝานเริ่มตวัดออกในแนวนอนเพื่อต้านรับการโจมตีของกลุ่มคน จากนั้นจึงเริ่มใช้กระบี่ในมือผลักกลุ่มคนออกไป
“ปัง ปัง ปัง!”
ขณะเดียวกับที่ใช้กระบี่ผลักกลุ่มคนออกไป ชายหนุ่มก็โถมกายทะยานออกไปใช้วิชาขาห่วงโซ่ พร้อมโจมตีอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ชั่วพริบตาจากหนึ่งขากลับกลายเป็นภาพติดตาหลายสิบ ก่อนจะเตะส่งร่างคนเหล่านั้นกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
“ฉัวะ!”
ร่างของอู๋ฝานยืนนิ่งกับที่ กระบี่จากทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้างต่างโจมตีออกมาพร้อมกัน ชายหนุ่มเพียงหันกายตอบโต้ พลางถอยเท้ากลับไปมาในระยะแค่สองก้าว เพื่อหลบเลี่ยงระยะการโจมตีของอาวุธ
“ฮ่า!”
หลังอู๋ฝานยืนนิ่งกับที่และหันไปมาเพื่อต้านรับและตอบโต้ ทั้งร่างจึงเปรียบเสมือนหุ่นกลที่รัวการโจมตีออกไป ขาเตะสลับไปมา รวมถึงกระบี่ยาวในมือที่กำลังร่ายรำประหนึ่งกรงเล็บมังกรจ้วงแทงศัตรูรอบด้าน
“ฟึ่บ!”
ไม่นานก็ปรากฏคนที่ชะตาขาดคนแรก กระบี่ยาวของชายหนุ่มตัดคอของอีกฝ่ายจนเลือดสาดกระเซ็น ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างเผยความเจ็บปวดผ่านสีหน้า ทว่าชายหนุ่มยังคงรุกไล่และเล่นงานต่อเนื่อง กระบี่ในมือของเขาเปรียบดังอสรพิษร้าย และสุดท้ายเฉือนคอของคนอีกสองที่อยู่ด้านหลังไปทีละชีวิต
ลงมือหนึ่งครั้งเก็บไปสามคน!
อู๋ฝานคือขอบเขตมืดขั้นสูงสุด เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขอบเขตมืดขั้นสูงและขั้นกลางย่อมสามารถช่วงชิงความได้เปรียบ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีไพ่ในมือให้ใช้มากมาย ดังนั้นต่อให้อยากจะสยบชายหนุ่มเอาไว้มากเพียงใดก็ไม่อาจเป็นไปได้ ขนาดที่ต่อให้มีพวกเขาสิบคนก็ไม่อาจทำสำเร็จ
เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้หมายจะฆ่าตนให้ได้ แม้อู๋ฝานจะใช้วิธีการโหดเหี้ยมตอบโต้ แต่กลุ่มคนที่ยังเหลือต่างก็บุกเข้ามาสังหารอีกครั้งโดยไม่มีชะงักหรือลังเล
อู๋ฝานไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ต่อให้เผชิญการปิดล้อมโจมตีของกลุ่มคนเขาก็ยังสามารถต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังไม่คิดใช้ป้ายอัญเชิญเพื่อเรียกความช่วยเหลือ เนื่องจากเขาแข็งแกร่งกว่าคนเหล่านี้ และที่โลกแห่งเกมก็ยังสะสมประสบการณ์การต่อสู้จริงมาโดยตลอด ทำให้แม้ตอนนี้เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของกลุ่มคน ก็ไม่ได้เสียเปรียบหรือว่าเพลี่ยงพล้ำ
“ครืน ครืน ครืน!”
เสียงดังจากระยะไกลเริ่มเข้ามาใกล้ เขาเพียงมองก็ทราบว่าเป็นกลุ่มเดิมที่ไล่ตามตนเองมา ดังนั้นตอนนี้จึงรีบลงมือจัดการเรื่องตรงนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
เมื่อฝูงรถที่ไล่ตามคันแรกหยุด ชายหนุ่มก็ลดกระบี่ลง ผู้ฝึกตนคนสุดท้ายของกลุ่มที่จอดรถขวางถนนล้มลงด้วยดวงตาเบิกกว้างพร้อมสิ้นใจไป
“โห ดูสิว่าใคร ที่แท้ก็ผู้อาวุโสหร่วนนี่เอง” ชายหนุ่มมองหร่วนเจี้ยนเฟิงที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน พลางอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้ายิ้มแย้มออกมา “มาช้าไปหน่อยนะครับ แล้วเพราะอะไรผู้อาวุโสหร่วนถึงส่งคนมากมายมากันล่ะ? มีเจตนาอะไรกันแน่? คงไม่ใช่ว่าสำนักตะวันเพ็จไม่มีอะไรทำจนส่งคนมาตายเล่นหรอกมั้ง?”
หร่วนเจี้ยนเฟิงไม่ตอบคำถามของอู๋ฝาน ทว่ามองร่างไร้ชีวิตที่นอนทอดกายอยู่ตามพื้น พวกเขาถูกส่งมาขัดขวางเป้าหมายอยู่ที่นี่ ทว่าตอนนี้กลับเป็นศพกันไปหมดแล้ว
อย่างน้อยก็ยังมีข่าวดี อู๋ฝานหยุดรถไม่ไปต่อจนพวกเขาไล่ตามมาได้ทัน
แต่ความจริงที่อีกฝ่ายสามารถสังหารคนเหล่านี้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าความสามารถของชายหนุ่มไม่อ่อนแอ
สำนักใหญ่ในเจียงโจวต่างก็มีเรื่องคาใจกับอู๋ฝานอยู่พอสมควร พวกเขาแทบทุกคนทราบว่าชายหนุ่มคือผู้ฝึกตน ทว่าไม่มีใครทราบถึงขอบเขตของเขา จนถึงขนาดบางคนคิดไปว่าอาจเป็นการเสแสร้งวางตัวเป็นผู้ฝึกตน แต่จากสภาพที่เห็นในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายที่พวกเขาอยากทราบนั้นมันเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก
หร่วนเจี้ยนเฟิงสำรวจกลุ่มคนข้างกายอีกครั้ง พวกเขาเหล่านี้สวมหน้ากากกันทั้งหมด และเรื่องในคืนนี้ผู้มีสถานะสูงสุดไม่ใช่เขา สำนักอื่นก็ส่งบรรดาผู้อาวุโสมาด้วยเช่นกัน แต่สำนักเหล่านั้นไม่ต้องการเปิดเผยโฉมหน้าต่ออู๋ฝานด้วยเหตุผลความปลอดภัย เนื่องจากจุดประสงค์หลักของพวกเขาคือมาเพื่อช่วยสำนักตะวันเพ็จ แม้จะเป็นหร่วนเจี้ยนเฟิงก็ไม่อาจขอให้พวกเขาถอดหน้ากากออกมาได้
……….