ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 639 ตายอนาถ
บทที่ 639 ตายอนาถ
“ปึก ปึก ปึก!”
ทันทีที่อู๋ฝานเข้ามาในรถ ฝนลูกธนูพร้อมดาบและกระบี่ก็ฟันตามติดจนเกิดเสียงปะทะ ทว่าการโจมตีเหล่านั้นอาจไม่สะเทือนตัวรถได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บริเวณถนนจั่งหนิง หร่วนเจี้ยนเฟิงและคณะต่างก็เห็นกันแล้วว่ารถของอู๋ฝานแข็งแกร่งขนาดไหน ตอนนี้จึงไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะหากโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าความสามารถในการป้องกันของรถจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องมีขีดจำกัด ขอเพียงลงมือต่อเนื่องนานมากพอ พวกหร่วนเจี้ยนเฟิงเชื่อว่าจะสามารถทำลายรถได้ และตอนนั้นอีกฝ่ายก็จะสูญเสียกระดองเต่าคุ้มกัน จนสุดท้ายต้องเผชิญหน้ากับการปิดล้อมโจมตีของทุกคนในที่นี้ เมื่อนั้นผลลัพธ์จะมีเพียงความตายที่รออยู่
“ใครกัน?!”
“แย่แล้ว มีการดักซุ่ม!”
“ผู้อาวุโส พวกเราโดนปิดล้อม!”
ขณะกลุ่มคนกำลังกระหน่ำโจมตีรถของอู๋ฝานด้วยความตื่นเต้นยินดี พวกเขากลับพบว่ามีกลุ่มคนปรากฏตัวอย่างกะทันหันนอกวงล้อมของพวกตน คนเหล่านั้นสวมชุดเกราะและผ้าคลุมสีเงิน ทั้งยังมีท่าทีอาจหาญ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งใส่ชุดเกราะและหมวกเกราะดำสนิทประหนึ่งอสูรจากห้วงนรก และอีกส่วนหนึ่งสวมชุดขาดรุ่งริ่งประหนึ่งขอทานข้างถนน
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปได้ยังไงกัน! พวกมันปรากฏตัวมาจากที่ไหนและได้ยังไง! เมื่อกี้รอบ ๆ นี้ไม่มีใครทั้งนั้น!” หร่วนเจี้ยนเฟิงที่เห็นกลุ่มคนแตกตื่นจนแผดร้องออกมา
คนอื่นที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาคอยตรวจสอบรอบด้านอย่างระมัดระวังแล้ว นอกจากอู๋ฝาน ทุกคนในที่แห่งนี้คือพวกพ้องของตนเอง
แต่แล้วคนกลุ่มนี้ปรากฏขึ้นมาจากไหน? ปรากฏขึ้นมาจากอากาศงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นหลายคนก็นึกถึงคำบอกเล่าจากวังเมฆาสีชาดขึ้นมาได้ ที่กล่าวว่ามีกลุ่มคนปรากฏตัวอย่างกะทันหันรอบกายของอู๋ฝาน ทำให้สถานการณ์พลิกเปลี่ยนจนได้เป็นผู้ครอบครองชัยชนะ
ทว่าทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ต่างคิดว่าอู๋ฝานวางกำลังดักซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว เพราะตอนนั้นคนของวังเมฆาสีชาดไม่ทันระวังและไม่เห็นเองจึงพลาดท่า
แต่ปฏิบัติการคืนนี้ อีกฝ่ายไม่มีทางทราบล่วงหน้าได้ ดังนั้นการจะส่งคนมารออยู่ก่อนจึงยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะฝ่ายที่ส่งคนมาดักซุ่มรออยู่ก่อนคือพวกของเขา และก่อนหน้านี้ก็ไม่มีรายงานว่าเห็นคนอื่นในบริเวณใกล้เคียง
คาดเดาไม่ได้ ไม่อาจคาดเดาได้!
“ฆ่า!”
“หยุดพวกมันเอาไว้!”
“อย่าให้พวกมันเข้ามาได้ ถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าพวกเราจะพังรถได้!”
“คนของสำนักตะวันเพชรยันเอาไว้!”
ตอนแรกนั้นเหล่าผู้อาวุโสของสำนักทั้งหลายไม่ได้ตระหนักว่าคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาจึงส่งเหล่าศิษย์ไปต้านรับ เพื่อยื้อเวลาเอาไว้จนกว่าจะทำลายรถของอู๋ฝานได้ จากนั้นก็จะได้สังหารคนที่ซ่อนอยู่ในรถ
แต่ช่วงเวลาที่กลุ่มคนซึ่งปรากฏอย่างกะทันหันปะทะกับเหล่าศิษย์ ฝ่ายของพวกเขาทุกคนจึงตระหนักว่าสถานการณ์ผิดพลาด กลุ่มคนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันแข็งแกร่งมหาศาล โดยเฉพาะบรรดาคนที่สวมชุดเกราะสีดำ พวกเขาที่เป็นแค่ศิษย์ไม่อาจต้านรับการโจมตีของศัตรูแม้สักครั้งด้วยซ้ำ อีกฝ่ายมีพละกำลังอันชวนสะพรึงเกินไป
“จากออร่ากับพละกำลัง คนพวกนี้คือยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพกันทั้งหมดเลยงั้นเหรอ!?” หร่วนเจี้ยนเฟิงเอ่ยกับตัวเองด้วยอาการตื่นตระหนก
“ไม่ผิดแน่ คนพวกนี้คือขอบเขตแปรสภาพทั้งหมด!”
“เพราะอะไรยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพมากมายถึงปรากฏตัวที่นี่เพื่อช่วยอู๋ฝาน เบื้องหลังของมันทรงอำนาจขนาดไหนกันแน่?”
เหล่าผู้อาวุโสเริ่มพูดคุยกันด้วยอาการเคร่งเครียด
“ผู้อาวุโส ช่วยพวกเราด้วย!”
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
แนวป้องกันหลายสำนักพังทลายลงในเวลาสั้น ๆ กลุ่มคนที่ปรากฏอย่างกะทันหันไม่เพียงแข็งแกร่ง ทว่ายังโหดเหี้ยมไร้ปรานี โดยเฉพาะกลุ่มคนในชุดเกราะสีดำที่สามารถบุกฝ่าเข้ามาได้อย่างง่ายดาย แนวป้องกันที่ตั้งขึ้นมาอย่างกะทันหันจึงแตกพ่ายและสูญเสีย
“อดทนเอาไว้ก่อน!”
“อย่าเพิ่งแตกตื่น สำนักทะยานสวรรค์ตั้งค่ายกล!”
“อดทนเอาไว้ พวกเรากำลังไปช่วย!”
กลุ่มผู้อาวุโสในเวลานี้แตกตื่นจนไม่สนใจเรื่องทำลายกระดองเต่าคุ้มกันของอู๋ฝานอีกต่อไป พวกเขากำลังเร่งกลับไปให้ความช่วยเหลือเหล่าศิษย์
ส่วนชายหนุ่มนั่งมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากในรถด้วยท่าทีสงบ
กลุ่มคนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันย่อมเป็นเพราะป้ายอัญเชิญ คนที่สวมชุดเกราะสีดำคือนักรบโลกอสูร พละกำลังของพวกเขาเทียบเท่าขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น และไม่ว่าจะเป็นนักรบโลกอสูรหรือทหารราชสำนัก พวกเขาต่างก็ต่อสู้กันอย่างอาจหาญ ทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่ถูกคัดเลือกผ่านสมรภูมิรบ ยามเผชิญหน้ากับกองกำลังเล็กจ้อยตรงหน้า มันไม่มีอะไรให้พวกเขาต้องหวาดกลัวแม้แต่น้อย
เมื่อครู่ก่อนประมือ เขาเดาว่าคนกลุ่มนี้เป็นขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น ทว่าหลังได้รับมือเข้าจริง ๆ จึงได้ทราบและยืนยันว่าคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งดังเช่นที่คาดเอาไว้
ส่วนที่น่ากลัวที่สุดไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะความน่าสะพรึงสูงสุดคือการที่ยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพถึงยี่สิบคนปรากฏตัวพร้อมกัน! ขณะที่ฝั่งพวกเขามีแค่ผู้อาวุโสไม่กี่คนที่ไปถึงระดับพลังดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบด้านจำนวนแล้วพวกเขาจึงเสียเปรียบในทุกแง่
ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มคนในชุดเกราะสีเงินก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้ไม่เทียบเท่ากลุ่มคนในชุดดำ แต่ก็ห่างไกลกันไม่มาก เหล่าศิษย์ที่พวกเขานำพามาด้วยไม่มีทางเทียบได้แม้แต่น้อย
‘อู๋ฝานมันเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมียอดฝีมือมากมายขนาดนี้มาช่วย?’ หร่วนเจี้ยนเฟิงสบถอยู่ในใจ
“ฉัวะ!”
ขณะที่หร่วนเจี้ยนเฟิงกำลังตะลึงอยู่นั้น นักรบโลกอสูรอีกคนหนึ่งพลันปรากฏตัวมาจากข้าง ๆ ดาบเล่มใหญ่ในมืออีกฝ่ายตวัดอาวุธลงมาอย่างดุดันและรุนแรง ชายชราเร่งหลบเลี่ยง ดาบใหญ่ผ่านร่างกายของเขาอย่างเฉียดฉิวจนต้องหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
“ฉึก!”
หร่วนเจี้ยนเฟิงที่เพิ่งจะถอนหายใจโล่งอก กลับรู้สึกได้ว่าขาหลังด้านขวาโดนลูกธนูปักใส่ ชั่วพริบตานี้เองที่เขาเริ่มคงสมดุลของร่างกายเอาไว้ได้ยาก
‘อู๋ฝานเชี่ยวชาญการยิงธนูด้วยเหรอ? ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน?’ หร่วนเจี้ยนเฟิงครุ่นคิดอยู่ในใจ ขณะม้วนตัวกลิ้งหลบไปด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยงลูกธนูดอกที่สอง
ทว่าสมรภูมิสู้รบครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงอู๋ฝานหรือว่านักรบโลกอสูร หร่วนเจี้ยนเฟิงที่เพิ่งหลบลูกธนูไปได้ พลันต้องถูกทหารราชสำนักบุกเข้ามาเล่นงานจากทางด้านข้าง ปลายหอกทหารราชสำนักแทงใส่อย่างรวดเร็ว ชายชราไม่เหลือโอกาสให้หลบเลี่ยงมากนัก ขาซ้ายจึงถูกแทงเล่นงานจนต้องแผดร้องออกมา
“ตึง!”
ก่อนที่หร่วนเจี้ยนเฟิงจะทันได้ร้องจบ ทหารกบฏพลันบุกเข้ามาจากอีกข้างหนึ่ง แม้พวกเขาจะมีสภาพเสื้อผ้ารุ่งริ่ง ทว่าตอนนี้จอบในมือพลันฟาดใส่ศีรษะของหร่วนเจี้ยนเฟิงอย่างรุนแรง
อู๋ฝานที่เห็นเรื่องราวจากระยะไกลยังถึงกับต้องย่นคอ
‘น่าสมเพชจริง ๆ ตายอนาถเกินไปแล้ว’ อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ในใจเพียงแค่นั้นและไม่คิดใส่ใจหร่วนเจี้ยนเฟิงที่ตายอย่างอนาถอีก เพราะทั้งคันธนูและลูกธนูในมือกำลังพร้อมเล็งยิงยังเป้าหมายถัดไปแล้ว
……….