ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 641 รักษาบาดแผล
บทที่ 641 รักษาบาดแผล
“นายน้อย เกิดอะไรขึ้นกันคะ?”
“นายน้อย ใครทำร้ายท่านกันคะ?”
หลังสังหารเจียงฟั่นโจว เขาก็ขับรถกลับมายังบ้านของตัวเอง เหมยอวี่และเหมยเสวี่ยที่เห็นสภาพของอู๋ฝานจึงถึงกับตื่นตระหนก
“ผมไม่เป็นไร” ชายหนุ่มยังคงยิ้มให้ทั้งสองขณะตอบรับ ทว่าสีหน้าค่อนข้างซีดเพราะเสียเลือดมากเกินไป รอยยิ้มในเวลานี้จึงไม่ต่างอะไรกับการคร่ำครวญ แน่นอนว่าแทนที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น การทำเช่นนี้มีแต่จะยิ่งทำให้สองแฝดเป็นกังวล
“นายน้อย ให้ฉันช่วยรักษาเถอะค่ะ” หลังเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยช่วยประคองอู๋ฝานมานั่งที่โซฟา เหมยอวี่จึงออกไปเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้จัดการบาดแผล
“ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ”
“บาดเจ็บขนาดนี้จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงกันคะ” เหมยเสวี่ยตอบกลับ เธอถอดเสื้อของชายหนุ่มออกพร้อมได้เห็นรอยแผลเปื้อนเลือด ทันทีที่เห็นก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
ตอนนี้เองที่เหมยอวี่กลับมาพร้อมยาฆ่าเชื้อและผ้าก๊อซ เมื่อเธอได้เห็นอีกคนจึงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นายน้อย รบกวนอดทนหน่อยนะคะ”
“ครับ” อู๋ฝานตอบรับ
การเทเลพอร์ตสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ขอเพียงยังมีลมหายใจและยังเทเลพอร์ตข้ามโลกได้ เรื่องที่เหลือก็ไม่ใช่สาระสำคัญ
แต่อู๋ฝานไม่มั่นใจว่ากระสุนที่เข้าไปด้านในร่างกายจะถูกนำออกมาโดยอัตโนมัติด้วยหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงให้เหมยอวี่นำมันออกมาก่อน
เหมยอวี่คุกเข่าลงที่ตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะเช็ดคราบเลือดบริเวณปากแผล จากนั้นจึงเริ่มใช้ที่คีบตัวยาวเพื่อดึงกระสุนที่ฝังอยู่ในร่างออกมา
“ถ้านายน้อยทนไม่ไหว กัดแขนฉันไว้ก็ได้ค่ะ” เหมยเสวี่ยยื่นแขนออกมาตรงหน้าอีกฝ่าย
เขายิ้มตอบรับ “ถ้าทำแบบนั้นผมคงรู้สึกผิดจนตายเลย อึก!”
ระหว่างที่พูดนั้นชายหนุ่มถึงกับต้องส่งเสียงร้องออกมา สีหน้ายิ่งซีดเผือด เส้นเลือดผุดจากหน้าผาก เหงื่อเม็ดใหญ่เริ่มหลั่งออกมาจนไหลผ่านแก้ม ขณะที่เหมยอวี่กำลังนำกระสุนออกมา
‘เด็กน้อยคนนี้ใจเด็ดยิ่งกว่าเราอีก’ อู๋ฝานได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
หากคนธรรมดาเจอสถานการณ์เช่นตอนนี้ พวกเขาคงแนะนำให้อู๋ฝานไปโรงพยาบาล หรือหากไม่ได้ก็คงให้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการก่อน ทว่าเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยเติบโตขึ้นมาในสำนักที่มีแต่ผู้ฝึกตน เมื่อได้รับบาดเจ็บพวกเธอก็ต้องรักษาอาการบาดเจ็บด้วยตัวเอง ไม่ใช่ไปโรงพยาบาล ดังนั้นหลังเห็นชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ ความคิดแรกของพวกเธอคือการช่วยเหลือในทันที ไม่ใช่การส่งตัวไปโรงพยาบาล
“นำกระสุนออกมาแล้วค่ะ” ขณะอู๋ฝานกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวทั้งหลาย เหมยอวี่ก็นำกระสุนออกมาเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังช่วยทำความสะอาดบาดแผลพร้อมห้ามเลือดและพันผ้าพันแผลเอาไว้อย่างชำนาญ
“นายน้อยยังไม่ได้บอกเลยนะคะว่าใครทำร้ายท่าน” เหมยเสวี่ยเอ่ยถามอีกฝ่าย “ฉันกับพี่จะไปล้างแค้นให้เองค่ะ!”
“ฮ่า ๆ ไม่ต้องกังวลไปครับ พรุ่งนี้พวกเราได้ไปพร้อมกันแน่นอน” เขาลูบศีรษะเหมยเสวี่ยเป็นการปลอบโยน
“พรุ่งนี้? นายน้อยก็จะไปด้วยงั้นเหรอคะ? แต่อาการบาดเจ็บนี่…” เหมยอวี่มองบาดแผลของชายหนุ่มด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรครับ วันพรุ่งนี้อาการบาดเจ็บของนายน้อยคนนี้ก็หายแล้ว” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
“นายน้อยพูดเกินไปค่ะ นี่มันแผลโดนยิง มันจะหายดีชั่วข้ามคืนได้ยังไงกันคะ” เหมยอวี่เผยท่าทีไม่คิดเชื่อ
“คนอื่นไม่รู้ว่ายังไง แต่นายน้อยของพวกคุณคนนี้ทำได้ครับ” เขาหัวเราะตอบ “ถ้าไม่งั้นผมจะเป็นนายน้อยของพวกคุณได้งั้นเหรอ?”
“นายน้อยควรอยู่พักผ่อนที่บ้านนะคะ เรื่องล้างแค้นพวกเราจะจัดการให้เองค่ะ” เหมยอวี่ตอบกลับ
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมไม่ฝืนตัวเองแน่ ถ้าบอกว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร ตอนนี้ดึกแล้ว กลับไปพักกันเถอะครับ ผมเองก็ต้องพักด้วยเหมือนกัน” อู๋ฝานบอกกับเหมยอวี่และเหมยเสวี่ย
“ถ้าอย่างนั้นนายน้อยต้องพักรักษาตัวให้ดีนะคะ” ทั้งเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยตอบกลับ
อู๋ฝานพยักหน้าตอบก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองโดยมีสองฝาแฝดช่วยกันพยุง หลังล้มตัวลงนอนได้ เขาก็เริ่มมองบาดแผลตัวเองก่อนจะพึมพำ “เจ็บจริงนะเนี่ย”
เพราะเป็นการทำแผลที่ไม่มีทั้งยาชาหรือยาสลบ การที่ตนสามารถอดกลั้นมาได้ตลอดจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะการฝึกฝนที่ก้าวหน้ามากขึ้น ความสามารถในการอดทนต่อความเจ็บปวดจึงเพิ่มมากขึ้นตาม ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยอาการบาดเจ็บตอนนี้เขาคงเป็นลมหมดสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความอดทนต่อความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น มันไม่ได้ช่วยให้ไร้ความรู้สึกเจ็บปวด อู๋ฝานรอเวลาเที่ยงคืน เพื่อที่จะได้ทำการเทเลพอร์ตและรักษาอาการบาดเจ็บ
ขณะชายหนุ่มนอนลงกับเตียงเพื่อรอเวลาผ่านไป เจ้าสำนักตะวันเพ็จและเหล่าผู้อาวุโสกำลังรอคอยและไม่ได้พักผ่อน พวกเขากำลังรอข่าวคราวจากทางหร่วนเจี้ยนเฟิง
“เกิดอะไรขึ้นกับเจี้ยนเฟิง? ทำไมผ่านไปนานแล้วยังไม่มีข่าวคราว?” ผู้อาวุโสในสำนักตะวันเพ็จเริ่มบ่นขึ้นมา
“ถ้าเป็นไปตามแผน อู๋ฝานควรจะถูกปิดล้อมถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทำไมตอนนี้พวกเขายังไม่แจ้งอะไรกลับมาอีก?” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งร่วมพูดขึ้นมา
“หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เป็นไปไม่ได้! สำนักตะวันเพ็จของพวกเราส่งผู้อาวุโสและศิษย์ในสำนักไปกว่าสี่สิบคนด้วยซ้ำ ส่วนสำนักอื่นก็ส่งผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ไปดักซุ่มโจมตีด้วยเหมือนกัน ถูกจำนวนคนขนาดนั้นปิดล้อมเล่นงาน ต่อให้อู๋ฝานมีความสามารถเทียมฟ้าก็ไม่มีทางรอดไปได้!”
“ใช่แล้ว แผนการคืนนี้พวกเราเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน มันที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งรับ พวกเราถือว่าครองความได้เปรียบในด้านจำนวน ถ้าทำถึงขนาดนี้ยังฆ่ามันไม่ได้ พวกเราก็คงต้องยอมจำนนต่ออู๋ฝานแล้ว”
เหล่าผู้อาวุโสไม่อาจทำใจเชื่อว่าปฏิบัติการในคืนนี้จะล้มเหลว เพราะพวกเขาวางแผนเอาไว้อย่างรัดกุม ทั้งยังส่งคนไปมากกว่าปกติ ไม่ว่าด้วยอะไรมันก็ไม่น่าจะมีโอกาสล้มเหลวเกิดขึ้น
ถงเชียนหวาไม่พูดอะไร ทว่าหลับตาลง เขาเองก็ไม่กังวลว่าแผนการในคืนนี้จะล้มเหลว แต่กำลังคิดถึงเนื้อหาที่ติดต่อกับสำนักอื่นเมื่อสองวันที่ผ่านมา
เหตุผลที่ถงเชียนหวาเป็นฝ่ายเริ่มเตรียมแผนการสยบอู๋ฝานครั้งนี้ก็เพราะจุดประสงค์ส่วนตน หากสังหารชายหนุ่มได้ อำนาจเบื้องหลังอีกฝ่ายย่อมต้องโกรธและตอบโต้
เมื่อนั้นสำนักผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมปฏิบัติการในค่ำคืนนี้จะถูกอีกฝ่ายตามล้างแค้น แม้ตามรายชื่อแล้วจะมีหลายสำนักซ่อนตัวตนร่วมทางไปด้วย แต่ถงเชียนหวาก็มีเจตนาเปิดเผยตัวตนพวกเขาเหล่านั้นให้อำนาจเบื้องหลังอู๋ฝานได้ทราบ เพราะเมื่อใดถึงเวลา ทุกสำนักที่เข้าร่วมปฏิบัติการในค่ำคืนนี้จะต้องร่วมลงเรือลำเดียวกัน
การลงมือครั้งนี้มีเขาเป็นผู้นำ และสำนักตะวันเพ็จเป็นผู้ริเริ่ม ถงเชียนหวาถือว่ามีสิทธิ์มีเสียงแทนเหล่าสำนักที่เลือกซ่อนเร้นตัวตน เมื่อใดถึงเวลาและเผชิญหน้ากับการล้างแค้นของอำนาจเบื้องหลังอู๋ฝาน เขาจะใช้สถานการณ์และความร่วมมือในทางลับกับสำนักทั้งหลายเพื่อบีบบังคับแกอีกฝ่าย
หลังเอาชนะอำนาจเบื้องหลังอู๋ฝานได้ อำนาจของตัวเขาในบรรดาเหล่าสำนักจะเพิ่มสูงขึ้น เกียรติภูมิของตนในเจียงโจวจะยิ่งสูงส่งมากขึ้นไปอีก มันจะเป็นส่วนช่วยทำให้สำนักตะวันเพ็จมีอำนาจในการรวบรวมสำนักมากมายในท้องถิ่นให้กลายเป็นปึกแผ่นในอนาคต
แน่นอนว่า เงื่อนไขต้องขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาสามารถสังหารอู๋ฝาน และสามารถเอาชนะอำนาจเบื้องหลังได้
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ถงเชียนหวาก็ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย เขาเชื่อว่าหร่วนเจี้ยนเฟิงจะสามารถสังหารชายหนุ่มจนตายได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องหลังจากนั้น เขาเองก็มีความมั่นใจ เพราะเมื่อใดสำนักมากมายร่วมมือกัน แม้ต้องเผชิญหน้ากับสำนักที่อาจสูงชั้นกว่า พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงกลัว
……….