ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 642 แผนการล้มเหลว
บทที่ 642 แผนการล้มเหลว
“ยังไม่มีข่าวคราวอีกงั้นเหรอ?” หลังผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงก็พบว่ายังไม่มีข่าวคราวจากทางฝั่งหร่วนเจี้ยนเฟิง ถงเชียนหวาผู้มีความมั่นใจมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้ว
“ครับเจ้าสำนัก ตามข้อมูลที่ได้รับรายงานจากทางฝั่งเจียงโจว หลังอู๋ฝานหนีจากวงล้อมก็มุ่งหน้าออกไปนอกเมือง เจี้ยนเฟิงกับคนอื่นไล่ตามไปแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลรายงานกลับมา ผมได้สอบถามไปยังผู้คนที่เฝ้าดักรอในจุดอื่นให้ไปตรวจสอบแล้ว คาดว่าในไม่ช้าน่าจะได้คำตอบครับ” หนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยขึ้น
ทันทีที่สิ้นเสียง โทรศัพท์ของผู้อาวุโสคนนั้นก็ดังขึ้น เนื่องจากที่ตั้งสำนักในเจียงโจวค่อนข้างดีกว่าหอคันธะสงัด ทำให้อย่างน้อยบริเวณนี้ก็ยังมีสัญญาณโทรศัพท์ให้ใช้งานได้
ผู้อาวุโสคนดังกล่าวรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา และเมื่อตอบรับ คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เป็นอะไรไป?” ถงเชียนหวาเห็นความเปลี่ยนแปลงจึงอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถาม
“เรียนเจ้าสำนัก ศิษย์คนอื่นที่ตามออกไปตรวจสอบนอกเมืองเจอร่องรอยการต่อสู้ใกล้จุดดักซุ่มนอกเมือง รวมถึงพบรถที่ถูกทำลายหลายคัน แต่ไม่มีร่องรอยของพวกเจี้ยนเฟิงและอู๋ฝาน แต่ว่า…” ผู้อาวุโสคนนั้นรายงานกลับมา
“แต่ว่าอะไร?”
“เจียงฟั่นโจว? มันไปทำอะไรแถวนั้น? แล้วมันตายได้ยังไง?” ถงเชียนหวาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
ผู้อาวุโสคนเดิมส่ายหน้าเพราะไม่ทราบ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตามแผนเดิม ปฏิบัติการในค่ำคืนนี้จะมีเพียงสำนักผู้ฝึกตนในเจียงโจว มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเจียงฟั่นโจว แต่แล้วหร่วนเจี้ยนเฟิงกับคณะกลับหายไปที่ใดก็ไม่ทราบ และเจียงฟั่นโจวยังไปตายอยู่ตรงจุดดักซุ่มโจมตีอีก มันจึงยิ่งทำให้ยากที่จะทำความเข้าใจได้
“ศิษย์ของเรากำลังตรวจสอบเพิ่มเติมครับ” ผู้อาวุโสรายงาน
เหนือโถงใหญ่ บรรยากาศเริ่มหนักอึ้ง แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะยืนยันได้เพียงว่าเจียงฟั่นโจวถึงแก่ความตาย แต่อาศัยจากข้อมูลที่ไม่มีคำตอบจากทางหร่วนเจี้ยนเฟิงและคณะ ก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้น
“กริ๊ง!”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำลายความเงียบลง ผู้อาวุโสคนเดิมรีบรับโทรศัพท์ภายใต้สายตาเฝ้ามองของกลุ่มคน
“นี่ ได้เรื่องอะไรบ้างไหม?”
“ว่าอะไรนะ? เป็นไปไม่ได้! ตรวจสอบแน่ชัดแล้วแน่เหรอ?”
“เป็นไปได้ยังไง! แล้วอู๋ฝานล่ะ? เจอตัวมันไหม?”
“หาทั่วแล้วแน่นะ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสคนนั้นเริ่มเหยเกจนอัปลักษณ์ หลังวางสาย เขาก็มองถงเชียนหวาพร้อมคณะและรายงาน “พบร่างของเจี้ยนเฟิงและคนอื่นแล้วครับ ทั้งหมดถูกฝังอยู่ไม่ไกลจากจุดดักซุ่มโจมตี”
“ร่าง?!” ถงเชียนหวาลุกพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตอนนี้สายตาของเขามองผู้อาวุโสที่รายงานราวกับไม่คิดเชื่อ
บรรดาผู้อาวุโสในโถงประชุมต่างก็เผยสีหน้าแตกตื่นกันออกมา
“เป็นศพครับ” ผู้อาวุโสคนเดิมรายงานด้วยความยากลำบาก “ไม่ใช่มีแค่เจี้ยนเฟิง แต่ผู้อาวุโสจากอีกหลายสำนัก รวมถึงเหล่าศิษย์จากอีกหลากสำนักก็ด้วยครับ ทั้งหมดตายแล้ว ทุกคนที่ไล่ตามออกไปนอกเมือง และทุกคนที่จุดดักซุ่มนอกเมือง ไม่มีใครรอดชีวิตครับ”
“แล้วอู๋ฝานล่ะ?”
“ไม่มีการพบร่างของอู๋ฝานครับ อาจจะยังไม่ตาย และ…”
“และอะไร? พูด!”
“และนอกจากศพของคนจากหลายสำนัก บริเวณนั้นก็ไม่พบศพใครอื่นอีกแล้วครับ”
“เป็นไปได้มากว่าอู๋ฝานจะมีกำลังเสริม และร่างของคนฝ่ายนั้นถูกนำกลับไปครับ” ผู้อาวุโสตอบกลับ
“มันจะเป็นไปได้ยังไง? อู๋ฝานมันเป็นใครกันแน่? อำนาจเบื้องหลังของมันคืออะไรกันแน่? ปฏิบัติการคืนวันนี้นำกำลังโดยเหล่าผู้อาวุโสจากหลากสำนัก แต่ทุกคนตายจนหมดเนี่ยนะ? อู๋ฝานและอำนาจเบื้องหลังของมันแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเลย?” ถงเชียนหวานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะเริ่มพึมพำกับตัวเองราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ทราบ
ทุกสำนักที่เข้าร่วมในคืนวันนี้ต่างก็ส่งผู้อาวุโสไปด้วย เพื่อเป็นหลักประกันว่าปฏิบัติการวันนี้จะไม่ถูกหักหลังหรือหลอกลวง นอกจากสำนักตะวันเพ็จ อีกหลายสำนักต่างส่งผู้อาวุโสในสำนักไปกันทั้งสิ้น และเท่าที่ถงเชียนหวารู้มา ผู้อาวุโสในสำนักเหล่านั้นก็ยังแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่สำนักเหล่านั้นจะมี ดังนั้นที่ไปจึงมีทั้งขอบเขตมืดขั้นสูงสุด รวมไปถึงขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น
กำลังรบดังกล่าวถือว่าแข็งแกร่งอย่างมหาศาล ยังไม่กล่าวว่าทั้งหมดนี้คือการดักซุ่มโจมตีอู๋ฝานเพียงคนเดียว มันมากพอจะถล่มสำนักเล็ก ๆ ให้ราบคาบซะด้วยซ้ำ แต่แล้วตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นกลับถูกกำจัดหมดสิ้น ขณะที่อีกฝ่ายไม่มีการทิ้งร่างคนฝ่ายเดียวกันเอาไว้ แค่คิดก็พบว่ามันเป็นเรื่องน่าสะพรึงจนเกินไป
ไม่มีใครในที่นี้กล้าตอบคำถามของถงเชียนหวา พวกเขากำลังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันหนักอึ้ง
“เจ้าสำนัก …ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดีครับ?” ผู้อาวุโสเอ่ยถาม
ใช่แล้ว คำถามคือหลังจากนี้ควรจะทำยังไง มันเป็นสิ่งที่ทุกคนในโถงประชุมกำลังครุ่นคิด
ปฏิบัติการล้มเหลวลงแล้วอย่างไร้ข้อสงสัย อู๋ฝานคงจะรู้แล้วเช่นกันว่าสำนักตะวันเพ็จเป็นผู้ลงมือหลัก และเป็นไปได้สูงมากว่าอีกฝ่ายจะเริ่มออกล้างแค้นในไม่ช้า ตอนนี้พวกเขาจึงต้องคิดว่าจะเผชิญหน้ากับการล้างแค้นของอีกฝ่ายยังไง
“ส่งคนไปคอยจับตาดูอู๋ฝานเอาไว้ ตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันเคลื่อนไหวอะไรต้องรีบรายงานกลับมาโดยเร็วที่สุด” ถงเชียนหวาดึงสติกลับคืนก่อนจะสั่งการ “นอกจากนี้ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังรอบ ๆ สำนักให้ถึงที่สุดด้วย เรียกทุกคนของสำนักนอกกลับมาในคืนนี้ด่วน เรื่องสำนักอื่นฉันจะเป็นคนแจ้งเอง”
ตอนนี้ทั้งสำนักตะวันเพ็จตึงเครียดขึ้นมาเพราะคำสั่งของถงเชียนหวา คนลาดตระเวนรอบพื้นที่สำนักถูกเพิ่มจำนวนและความเข้มงวดมากขึ้น เหล่าศิษย์ในสำนักต่างตระหนักได้ถึงความตึงเครียดอย่างชัดเจน
ขณะถงเชียนหวาติดต่อหาหลายสำนัก กลุ่มคนที่ให้ความร่วมมือจึงได้ทราบผลลัพธ์ของปฏิบัติการในคืนนี้ แทบทุกสำนักที่เกี่ยวข้องกำลังแตกตื่นและตระหนกตกใจอย่างไม่อาจเก็บอาการ
ขอบเขตมืดขั้นสูงสุดและขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น คนเหล่านั้นคือยอดฝีมืออันสูงส่งเท่าที่แต่ละสำนักจะพึงมีแล้ว สำหรับสำนักชั้นหนึ่งในท้องถิ่น แต่ละสำนักมีขอบเขตแปรสภาพไม่เกินสามคน และจำนวนดังกล่าวนับรวมเจ้าสำนักแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นความสูญเสียของแต่ละสำนักในปัจจุบันจึงหนักหนา
ด้วยเหตุนี้ทุกสำนักที่ร่วมมือจึงทั้งโกรธเกรี้ยวและแตกตื่น ตอนที่ได้ทราบผลลัพธ์ของศึกนอกเมือง ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับยอดฝีมือขั้นสูงสุดประจำสำนักที่เป็นตัวแทนความแข็งแกร่งของพวกเขา ขณะนี้กำลังถาโถมกระหน่ำเข้าใส่ถงเชียนหวาและสำนักตะวันเพ็จ หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่าย พวกเขาก็คงไม่เผชิญกับความสูญเสียอันหนักหนาถึงขนาดนี้
ถงเชียนหวาทำให้ทุกสำนักสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าใครต่างก็ไม่มีอารมณ์จะพูดคุยต่อด้วย ทางด้านถงเชียนหวาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากได้แค่บอกให้สำนักทั้งหลายเพิ่มความระมัดระวัง เพราะเป็นไปได้สูงมากว่าอู๋ฝานจะเริ่มการล้างแค้น
ผู้คนจากทุกสำนักใหญ่ในเจียงโจวเวลานี้ต่างมีชะตาให้ไม่อาจนอนหลับ ไม่ว่าพวกเขาจะมีส่วนเข้าร่วมในการลงมือครั้งนี้หรือไม่ หลังได้ทราบผลลัพธ์ของการดักซุ่มโจมตีนอกเมือง ความคิดของพวกเขาก็เริ่มซับซ้อนขึ้น หลายคนต่างเกิดทฤษฎีมากมายขึ้นมา แต่พวกเขาต่างก็ทราบดีว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนอกเจียงโจวในคืนนี้จะนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่แวดวงผู้ฝึกตนของทั้งเจียงโจว เพียงแค่ยังไม่ทราบว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่สำนักของพวกเขาอย่างไรเท่านั้น
……….