ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 644 แบ่งปันการมองเห็น
บทที่ 644 แบ่งปันการมองเห็น
“อู๋ฝาน เหมือนว่ามันจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้านายนะ ทั้งแปลกและน่าทึ่งเลยจริง ๆ” อูหย่าที่ยังคงทำหน้าที่นำทาง บางเวลาก็หันมองอินทรีวายุที่บินไปมาอยู่ด้านบน
เมื่อครู่ตอนที่อู๋ฝานเรียกอินทรีวายุออกมา พวกอูหย่าประหลาดใจกันไปชั่วระยะ ทั้งยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรชายหนุ่มถึงบอกว่าอยากจะเก็บมันเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยง และปล่อยให้อินทรีวายุบินออกไป
ภายหลังพวกอูหย่าถึงกับต้องประหลาดใจที่ได้พบว่า ขณะที่พวกตนเองกำลังบุกป่าถางพงอยู่ด้านล่าง อินทรีวายุที่อยู่ด้านบนก็คอยบินตามมาไม่ห่าง อีกทั้งขอเพียงอู๋ฝานส่งสัญญาณเรียกหา มันก็จะบินโฉบลงมาหยุดบนมือประหนึ่งเป็นรังของมัน การกระทำเช่นนี้พวกอูหย่าไม่เคยเห็นมาก่อน
มนุษย์ที่เลี้ยงมอนสเตอร์เป็นสัตว์เลี้ยง กรณีดังกล่าวไม่ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ หากเป็นสัตว์ป่ายังถือว่าเป็นไปได้ แต่กับมอนสเตอร์ เพราะพวกมันได้รับเชื้อพลังอสูรจึงเกลียดชังมนุษย์จากก้นบึ้ง การคิดฝึกสอนให้เชื่องจึงเป็นไปไม่ได้
ขณะที่คนของโลกอสูรสามารถฝึกสอนมอนสเตอร์ให้เชื่องได้ แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เพราะแม้แต่โลกอสูร การจะฝึกสอนมอนสเตอร์ได้ก็ยังต้องใช้พรสวรรค์สูงล้ำ
แต่พวกเขากลับไม่อาจทราบได้ว่าเพราะอะไรชายหนุ่มถึงทำให้อินทรีวายุเชื่องได้ อีกทั้งมันยังดูยอมรับชายหนุ่มเป็นเจ้านาย แม้ปล่อยบินออกไปบนฟ้าก็ไม่หนีหายไปไหน
อินทรีวายุคือสัตว์เลี้ยง มีค่าสถานะความภักดีเต็มร้อย มันจะไม่มีทางทรยศหักหลังเขาอย่างเด็ดขาด แต่ข้อมูลของระบบไม่ใช่อะไรที่พวกอูหย่าจะสามารถทำความเข้าใจได้
เพราะอินทรีวายุถึงทำให้อู๋ฝานสะดวกสบายขึ้นมาก แม้เลเวลของมันจะเพียงแค่หนึ่ง ขนาดตัวเท่านกกระจอก และความสามารถการสู้รบต่ำเตี้ย แต่มันถือกำเนิดมาพร้อมทักษะแบ่งปันการมองเห็นที่มีประโยชน์อย่างสูงล้ำ
เมื่ออินทรีวายุบินอยู่บนอากาศ อู๋ฝานจะราวกับมีสายตาที่มองออกไปได้ไกลนับพันลี้ สิ่งที่อินทรีวายุเห็น เขาก็ได้เห็นเช่นเดียวกัน ในอนาคตมันจะยิ่งมีประโยชน์ยิ่งกว่านี้ ดังเช่นหากมีใครคิดจะดักซุ่มโจมตีเขาอีกครั้ง ฝ่ายนั้นก็จะถูกพบเห็นได้ง่าย ๆ และด้วยทักษะดังกล่าว มันยังสะดวกใช้ในการสอดแนมด้วย ไม่ว่าจะใช้เพื่อรุกหรือว่ารับต่างก็มีประโยชน์ทั้งสิ้น
“ถูกชะตา? มอนสเตอร์จะถูกชะตากับมนุษย์ได้อย่างไร?” อูหย่าตอบกลับขณะเงยหน้าขึ้นมองอินทรีวายุ
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ แผ่นดินนี้มีแต่เรื่องราวยากที่จะเข้าใจทั้งนั้น” เขาตอบกลับ
“ก็จริง” อูหย่าพยักหน้ารับ เพราะนางเคยได้เดินทางไปยังสถานที่มากมาย ได้พบและเจอหลากหลายสิ่ง ยิ่งนางได้เห็นมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้รู้ว่าตนเองยังรู้จักแผ่นดินไม่กว้างพอเท่านั้น ใต้ผืนฟ้าเหนือแผ่นดินยังคงมีเรื่องราวลึกลับอีกมากมายรออยู่
“ระวังด้วย” ขณะนี้เองที่อู๋ฝานเอ่ยขึ้น “ตรงหน้าพวกเรามีเสือดาวสองตัว”
“หือ?”
“ยังอยู่ห่างอีกราวสิบห้าจั้ง พวกมันดักซุ่มอยู่ในพุ่มไม้” อู๋ฝานบอกขณะยังคงเดินต่อไป
“ไกลขนาดนั้นเจ้าเห็นหรือ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หากที่นี่เป็นทุ่งราบที่มองเห็นได้ไกล ระยะห้าสิบเมตรก็ถือว่าเล็กน้อย แต่ที่ตรงนี้คือป่ารกทึบ รอบด้านมีแต่วัชพืชและพุ่มไม้ แค่เงยหน้าขึ้นไปก็ยังโดนต้นไม้สูงบดบังฟ้าด้วยซ้ำ มันคือสภาพแวดล้อมที่โดนบดบังการมองเห็นเกินแปดในสิบ ต่อให้เป็นระยะแค่สามจั้งก็ยังยากที่จะมองเห็น สิบห้าจั้งยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
“เห็น” อู๋ฝานพยักหน้าตอบโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติม เขาไม่อาจพูดว่าสิ่งที่อินทรีวายุพบเห็นตัวเขาก็ได้เห็น
แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้อธิบาย แต่คนทั้งสามเชื่ออย่างสนิทใจ ในเมื่อเขาบอกว่ามี งั้นมันก็ต้องมี คนทั้งสามจึงตามติดอีกฝ่ายไปขณะระแวดระวังรอบด้าน
แน่นอนว่าในพุ่มไม้ไกลออกไปสิบห้าจั้งมีเสือดาวสองตัวดักซุ่มอยู่จริง ๆ ทั้งยังซ่อนตัวเป็นอย่างดีจนแทบจะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้ด้วยซ้ำ หากอู๋ฝานไม่เตือนล่วงหน้า ทั้งสามก็คงไม่เอะใจหรือเห็นแม้แต่น้อย
แต่เพราะมันมีอยู่จริง พวกอูหย่าจึงยิ่งสงสัยว่าชายหนุ่มเจอเสือดาวทั้งสองตัวได้ยังไง
“ฟิ่ว!”
ในเมื่ออยู่ในระยะการยิง อู๋ฝานจึงนำธนูออกมาใช้งานโดยไม่รีรอ ลูกธนูพุ่งทะยานออกไปปักช่องท้องของเสือดาวตัวหนึ่ง
เมื่อเห็นพวกของตนเองถูกโจมตี เสือดาวอีกตัวที่ซ่อนอยู่จึงตระหนักว่าการดักซุ่มล้มเหลว ขณะนี้เองที่พวกมันคำรามใส่พวกอู๋ฝาน ทว่าพวกมันลงมือตอบโต้เพียงหนึ่งตัว เพราะอีกหนึ่งตัวได้รับบาดเจ็บไปก่อนแล้ว
“ไป!”
ในเมื่ออู๋ฝานเปิดฉากให้แล้ว พวกอูหย่าจึงคว้าอาวุธเข้าสังหารเสือดาวทั้งสอง
ชายหนุ่มไม่ได้ร่วมบุกไปกับพวกอูหย่า แต่กำลังใช้ธนูจากแนวหลังเพื่อคอยคุ้มกันคนทั้งสาม สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้อันตรายมากนัก มันถือเป็นโอกาสให้ทั้งสามได้ร่วมมือกันสร้างเสริมประสบการณ์และความแข็งแกร่ง สำหรับลั่วเยวี่ยและลั่วหยางถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดี เพราะก่อนหน้านี้แม้ฝึกซ้อมแต่ยังขาดสถานการณ์จริงให้ลงมือ ขณะที่อู๋ฝานและอูหย่าที่มีประสบการณ์จะคอยบอกกล่าวคนทั้งสองและให้คำชี้แนะ เพื่อให้จังหวะการออกกระบวนท่าและเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม ในอนาคตจะได้นำไปใช้ในการสู้รบจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เสือดาวทั้งสองสูญเสียโอกาสช่วงชิงความได้เปรียบในการบุกก่อน ดังนั้นพละกำลังของพวกมันจึงหายไปหลายส่วน รวมกับเรื่องที่อีกตัวหนึ่งบาดเจ็บเพราะอู๋ฝานไปก่อนจะเริ่มศึก ภัยคุกคามของพวกมันจึงยิ่งลดต่ำลงมาก สุดท้ายใช้เวลาไม่นาน พวกมันทั้งสองก็ตายภายใต้ฝีมือของอูหย่า ลั่วเยวี่ย และลั่วหยาง
แน่นอนว่าคนลงมือปิดฉากยังคงเป็นชายหนุ่ม
หลังชำแหละแยกชิ้นส่วนเสือดาวทั้งสองตัวเรียบร้อย คนทั้งสี่จึงออกเดินทางกันต่อ
ระหว่างทาง สิ่งที่ลำบากไม่ได้มีเพียงถนนหนทาง แต่ยังมีสัตว์ป่าและมอนสเตอร์อยู่ตามรายทางค่อนข้างมาก แต่เพราะคนทั้งสี่ไม่ได้อ่อนแอ รวมกับมีอินทรีวายุคอยสอดส่องอยู่บนอากาศ หากเมื่อใดพบอันตรายพวกเขาก็จะทราบล่วงหน้าก่อนเหตุการณ์มาถึง
“จากตรงนี้เดินทางต่อเนื่องสักครึ่งชั่วยามก็น่าจะไปถึงเมืองซิงผิง ที่นั่นเป็นเมืองชายแดนของอาณาจักรหนานปิง” อูหย่าบอกออกมา
“ไม่ต้องผ่านจุดตรวจหรือ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
ระหว่างสองประเทศจำเป็นต้องมีจุดตรวจ อู๋ฝานและคณะไม่มีคนนำทาง อูหย่าเองก็ยังเป็นอาชญากรที่ถูกตามล่า เรียกได้ว่าทั้งกลุ่มยากจะผ่านเมืองชายแดนของอาณาจักรเหยียนเฟิงออกไปได้
“พวกเราต้องผ่านจุดตรวจ” อูหย่าตอบกลับ “ด้านหน้ามีเมืองขนาดเล็กอยู่ เป็นเมืองชายแดนแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง เมืองเฟิงฮวา ที่นั่นมีทหารประจำการอยู่ตลอดทั้งปี ในอดีตสัมพันธ์ระหว่างพวกเราอาณาจักรหนานปิงและอาณาจักรเหยียนเฟิงดีมาโดยตลอด จำนวนทหารที่ประจำการในเมืองเฟิงฮวาเลยมีไม่มาก การคุ้มกันก็ไม่ค่อยเข้มงวด แต่ตอนนี้อาณาจักรหนานปิงเปลี่ยนแปลงไปแล้ว น่าจะมีการเพิ่มกำลังคนตรวจสอบอย่างเข้มงวด พวกเราผ่านไปทางนั้นไม่ได้”
“แล้วจะทำยังไงต่อ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ใกล้ ๆ เมืองเฟิงฮวามีเส้นทางลับที่ใช้ตรงผ่านด่านตรวจไปได้ แม้จะเรียกว่าทางลับ แต่ก็มีคนมากมายรู้จักเส้นทางนั้น พวกพ่อค้าจากอาณาจักรเหยียนเฟิงและอาณาจักรหนานปิงชอบใช้ขนสินค้า เพราะแบบนั้นพวกพ่อค้าหลายคนถึงรู้จัก แต่ทหารประจำการที่เมืองเฟิงฮวามีน้อยคนที่ทราบเรื่องนี้” อูหย่าตอบกลับ “พวกเราใช้เส้นทางนั้นผ่านไปได้”
“เจ้ารู้ดีเลยทีเดียว” อู๋ฝานยิ้มตอบ “ตกลง พวกเราใช้เส้นทางนั้นกัน”