ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 645 กองคาราวาน
บทที่ 645 กองคาราวาน
พวกอู๋ฝานรีบเดินทางต่อไปยังเส้นทางลับ และพบว่ามีกองคาราวานจำนวนหนึ่งกำลังใช้เส้นทางสัญจร แต่ละกองคาราวานต่างก็มาพร้อมกับสินค้าจำนวนมาก แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนคุ้มกันอยู่ด้วย อย่างไรแล้วทุกวันนี้ก็ไม่ได้สงบสุข หากคิดเดินทางไกล สิ่งที่จำเป็นต้องมีนอกจากเงินก็คือชีวิต
การมาถึงของพวกอู๋ฝานทั้งสี่คนทำให้มีสายตามองมาด้วยความใคร่สงสัย โดยเฉพาะจากบรรดาคนคุ้มกันของกองคาราวาน สายตาของพวกเขาพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความระแวดระวัง
ถนนสายนี้เดิมถูกบุกเบิกโดยพ่อค้าสองคนที่มีจุดประสงค์ในการลักลอบขนสินค้า ในเมื่อเป็นผู้ที่เลือกลักลอบขนสินค้า ไม่ใช่ทำการค้าอย่างตรงไปตรงมาย่อมไม่ใช่ผู้คนทั่วไปอยู่แล้ว ปกติตอนที่มีพวกพ่อค้าสัญจรผ่านทางนี้ แม้จะพูดคุยพลางหัวเราะต่อกัน แต่ในใจต่างก็ระแวดระวังอีกฝ่ายอยู่ตลอด อีกทั้งพอเริ่มใช้เส้นทางนี้บ่อยครั้งมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งคุ้นหน้าคุ้นตากันมากเท่านั้น การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของพวกอู๋ฝานที่ไม่คุ้นหน้าค่าตา มันจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาหวาดระแวง โดยเฉพาะการที่กลุ่มคนมากันมือเปล่าไม่มีกองคาราวานขนสินค้าจึงยิ่งดูน่าสงสัย
“สวัสดีทุกท่าน” ขณะพวกอู๋ฝานทั้งสี่เดินผ่านกองคาราวานแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนที่ดูมั่งคั่งสวมและชุดผ้าแพร เดินออกมาจากกองคาราวานพร้อมยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดี” อู๋ฝานตอบกลับ
“คุณชายท่านนี้เตรียมจะเดินทางข้ามแดนหรือขอรับ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามขณะสายตามองชายหนุ่ม เพราะเพียงแค่มองก็ทราบได้ว่าเขาคือผู้นำของกลุ่มคนทั้งสี่ ดังนั้นจึงเอ่ยถามด้วยสายตาที่จ้องมองตรง
“เป็นเช่นที่ว่า พวกเราจะไปยังอาณาจักรหนานปิง” อู๋ฝานไม่คิดปิดซ่อน เพราะเส้นทางนี้มุ่งไปอาณาจักรหนานปิงจริง ๆ และกองคาราวานของพ่อค้าทั้งหลายเหล่านี้ก็ไปยังอาณาจักรหนานปิงด้วยเช่นกัน
“ช่วงหลังมานี้อาณาจักรหนานปิงไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ หากจะไปก็ขอให้ระมัดระวังตัวด้วยนะขอรับ” ชายวัยกลางคนบอกออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรหนานปิง?” อูหย่าอดไม่ได้จนต้องถามออกมา
ชายวัยกลางคนหันมองอูหย่า สายตาของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็ถอนสายตากลับมาก่อนจะตอบ “คนในราชวงศ์อาณาจักรหนานปิงทั้งหมดถูกอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยสังหาร เหลือเพียงจักรพรรดิองค์ปัจจุบันและองค์หญิงสามที่อยู่ภายนอกเท่านั้นที่รอดชีวิต ส่วนจักรพรรดิองค์ปัจจุบันคืออดีตองค์ชายสี่ หลังครองบัลลังก์ ภายในราชสำนักหนานปิงก็ไม่มีใครคอยรับใช้ ทั้งยังเกิดการต่อต้าน มีข่าวลือออกมาว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันเกี่ยวข้องกับความตายก่อนหน้านี้ของคนในราชวงศ์ ปัจจุบันเกิดกลุ่มกบฏคิดฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ขึ้นมา ทั่วทุกแห่งหนวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น อาณาจักรหนานปิงในปัจจุบันไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว”
อูหย่าพลันต้องเผยสีหน้าอันซับซ้อนและเงียบงันไป
อู๋ฝานมองนาง จากนั้นก็หันไปมองทางชายวัยกลางคนและเอ่ย “ขอบคุณท่านที่ช่วยบอก ทว่าหากท่านทราบเรื่องอาณาจักรหนานปิงไม่ปลอดภัย ไฉนยังต้องการเดินทางไปอีกกัน?”
“การค้าก็แบบนี้แหละขอรับ ความอันตรายอยู่คู่กับความมั่งคั่ง ความโกลาหลของอาณาจักรหนานปิงก็มีโอกาสให้ช่วงชิงอยู่” ชายวัยกลางคนยิ้มตอบรับ ราวกับไม่เก็บเรื่องความวุ่นวายของบ้านเมืองมาใส่ใจแม้แต่น้อย “ยิ่งไปกว่านั้นทุกวันนี้ก็มีแต่ความวุ่นวาย ขอถามว่าจะมีที่ใดปลอดภัยโดยแท้จริงอยู่บ้าง?”
“เป็นเช่นนั้นจริง” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ
“เหตุใดพวกท่านเลือกเดินทางไปอาณาจักรหนานปิงโดยใช้เส้นทางนี้ โดยไม่ผ่านด่านตรวจเล่า?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม
เนื่องจากเส้นทางนี้ใช้เพื่อลักลอบขนสินค้า จุดประสงค์แรกย่อมต้องเป็นการซ่อนเร้น ดังนั้นสภาพแวดล้อมจึงไม่ได้ดีอะไร คุณภาพของเส้นทางก็ถือว่าธรรมดา รวมกับความไม่แน่นอนในกองคาราวานพ่อค้าทั้งหลาย คนธรรมดามักจะเลือกผ่านด่านตรวจ ไม่ได้มาใช้เส้นทางนี้ และเพราะเหตุการณ์ลอบสังหารจักรพรรดิ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจึงลดลงจนแทบถึงจุดหยุดนิ่ง
แต่เพราะยังไม่เกิดสงครามขึ้น ระหว่างสองประเทศจึงยังมีการแลกเปลี่ยนกันอยู่ เพียงแค่การเข้าออกด่านตรวจแต่ละฝั่งจะมีการตรวจสอบเข้มงวดไปบ้างเท่านั้น
“มีเรื่องไม่สะดวกในบางประการ” อู๋ฝานตอบกลับ
กองคาราวานพ่อค้าที่ลักลอบขนสินค้าก็เพราะไม่ชอบการตรวจตราของทางการ กระทั่งเกลียดชังทางการซะด้วยซ้ำ ดังนั้นอู๋ฝานจึงไม่กลัวคนเหล่านี้จะไปรายงาน
ชายวัยกลางคนมองชายหนุ่มและคณะด้วยสีหน้าที่ยังคงยิ้มแย้มเช่นเคย “เข้าใจแล้วขอรับ เข้าใจแล้ว”
นอกจากกองคาราวานที่ใช้งานเส้นทางนี้ ก็ยังมีพวกกองโจรปล้นชิงหรืออาชญากรที่ทางการต้องการตัวรวมอยู่ด้วย ราชสำนักและทหารทางการไม่ทราบเรื่องเส้นทางนี้ แต่ผู้คนที่ต้องการใช้งานเส้นทางขอเพียงสอบถามไปเรื่อยก็ทราบได้ ดังนั้นจึงมีคนอย่างอู๋ฝานที่มีเหตุผลความไม่สะดวกบางประการ มักจะปรากฏตัวเพื่อใช้เส้นทางหลีกเลี่ยงด่านตรวจเสมอ
“มีคำกล่าวว่าอยู่ในบ้านพึ่งพาบุพการี อยู่ด้านนอกพึ่งพามิตรสหาย ในเมื่อโชคชะตานำพาให้พวกเรามาพบกัน เหตุใดพวกเราไม่ร่วมเดินทางไปด้วยกันเล่า?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามกับอู๋ฝาน
สำหรับคนที่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ เข้าออกภายนอกและภายในย่อมต้องมีการข่าวที่ดี โดยเฉพาะกับคนที่เลือกใช้งานเส้นทางพิเศษแห่งนี้ จึงยิ่งมีทั้งเส้นสายและอำนาจอันกว้างขวาง อู๋ฝานที่เตรียมก่อตั้งหน่วยข่าวกรองและกลุ่มการค้า การผูกสัมพันธ์กับคนเอาไว้จึงไม่ใช่เรื่องแย่
แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานความจริงที่เขาสามารถปกป้องตัวเองได้ ตนทราบดีว่าคนที่เลือกลักลอบขนสินค้าอย่างไรก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว
พวกอูหย่าทั้งสามขึ้นไปนั่งบนรถขนสินค้า ขณะอู๋ฝานนั่งรถลากไปกับชายวัยกลางคน
จากการสนทนาระหว่างทาง ชายหนุ่มจึงได้ทราบว่าอีกฝ่ายมีนามลั่วเป่าซง เป็นคนของอาณาจักรเหยียนเฟิง ทำการค้ามายาวนานหลายปี ทำธุรกิจสารพัดและเดินทางไปทั่วแห่งหน เขาไม่ได้ทำการค้าเพียงที่อาณาจักรเหยียนเฟิง แต่ยังไปมาระหว่างอาณาจักรรอบด้านอีกหลายแห่ง ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็เกินกว่าที่จะทราบได้แล้ว เนื่องจากคนทั้งสองไม่ได้คุ้นเคยอะไรกัน ไม่แปลกหากจะเลือกสงวนท่าทีและคำพูดอีกหลายส่วนเอาไว้
“ถ้าเลือกได้ข้าก็คงไม่ใช้เส้นทางนี้ เนื่องจากทางการไม่ได้ให้ความคุ้มครอง มันไม่ปลอดภัย อีกทั้งตัวถนนหนทางก็ไม่ได้สะดวกสบายสักเท่าไหร่” ลั่วเป่าซงเอ่ยบอก “แต่หากเลือกไปใช้เส้นทางที่ถูกต้อง มันก็มีสิ่งที่ต้องแลกกับความปลอดภัย นั่นคือค่าธรรมเนียมผ่านด่านตรวจอันมหาศาล เนื่องจากกำไรไม่ได้มากมายอะไรทำให้ส่วนใหญ่ต้องเลือกใช้เส้นทางนี้ แม้กล้ำกลืนไปบ้างก็ยังดีกว่าขาดทุน”
“ทำการค้าในยุคที่ไม่สงบสุขเช่นทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ” อู๋ฝานตอบรับ
“ผู้คนต่างก็กล่าวแบบนี้ ไม่ทราบเลยว่าวันคืนเช่นนี้มันจะจบสิ้นได้หรือไม่” ลั่วเป่าซงตอบ แต่ทันใดนี้เองที่เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “มันทำเอาข้านึกสงสัยว่าคุณชายอู๋มีเหตุอะไรถึงเลือกไปอาณาจักรหนานปิงในช่วงเวลาเช่นนี้?”
เห็นได้ชัดว่าลั่วเป่าซงยังมีความระมัดระวังและสงสัย บทสนทนาก่อนหน้านี้คือการผูกสัมพันธ์ประการหนึ่งเพื่อให้อู๋ฝานผ่อนคลายความระมัดระวังลง
“เป็นการไปส่งคนกลับบ้าน” ชายหนุ่มตอบรับ “นางเป็นคนของอาณาจักรหนานปิง การเดินทางไปมาไม่ปลอดภัย ข้ารู้สึกไม่สบายใจหากต้องปล่อยนางเดินทางกลับเพียงคนเดียว เพราะเหตุนั้นถึงต้องร่วมทางมาด้วย”
“ใช่คุณหนูที่เอ่ยคำถามเมื่อครู่หรือไม่?” ลั่วเป่าซงยังคงถาม
“ใช่” อู๋ฝานตอบกลับ “ลั่วเซียนเซิงมีสายตาที่ดี”
“ไม่ใช่ว่าข้ามีสายตาที่ดีหรอกขอรับ แต่คุณหนูท่านนั้นดูเลินเล่อเกินไป” ลั่วเป่าซงยิ้มตอบด้วยใบหน้าประหนึ่งสุนัขจิ้งจอก
“หมายความว่ายังไง?” อู๋ฝานเริ่มนั่งตัวตรงขึ้นมาขณะเผยสีหน้าเปลี่ยนแปลง
ตัวตนของอูหย่าในปัจจุบันค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง หากเมื่อใดถูกเปิดเผย ก็ไม่ทราบแล้วว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นมาบ้าง แม้พ่อค้าลักลอบขนสินค้าเหล่านี้จะไม่ถูกกับทหารของทางการ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าถ้าพวกเขาทราบแล้วจะเลือกเปิดเผยตัวตนของอูหย่าออกไปหรือไม่