ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 648 เปลี่ยนที่พัก
บทที่ 648 เปลี่ยนที่พัก
“ก็อาจเป็นไปได้” อูหย่าครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับ เพราะในฐานะองค์หญิงประจำราชวงศ์ สถานะของนางจึงสูงส่ง หากเจ้าเมืองซิงผิงทราบว่าตนมาเยือน ก็เป็นไปได้ว่าจะมาทำความเคารพ ไม่เช่นนั้นก็จะถือว่าเป็นการเสียมารยาท
“อย่าไปไหน” อู๋ฝานที่เดินนำหน้าเอ่ยขึ้น
“ว่าอะไรนะ?” อูหย่าถามด้วยความสงสัย
“ข้าบอกว่าหากเจ้าเมืองเชิญเจ้าไปพักหรือจัดงานเลี้ยงต้อนรับ หรืออะไรอื่นที่อาจจะเป็นไปได้ เจ้าไม่ต้องไป” ชายหนุ่มตอบกลับ
“เพราะอะไร?” หญิงสาวเริ่มสับสน
“ไม่มีเหตุผล” เขาตอบกลับ “หากเชื่อในตัวข้า ทางดีที่สุดคือต้องไม่ไป”
“อา… รู้แล้ว เดินทางมาทั้งวันแบบนี้ก็เหนื่อยล้ามากพออยู่แล้ว ต่อให้เจ้าไม่บอก ข้าก็ไม่ไป” อูหย่าตอบกลับ เพราะระหว่างเดินทางมานี้อู๋ฝานคือคนที่นางเชื่อใจมากที่สุด เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากบอกว่าอย่าไป นางก็มองว่ามันจะต้องมีเหตุผล แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้บอกออกมาอย่างชัดเจน แต่นางก็เลือกที่จะเชื่อ
หลังเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมนำทาง กลุ่มคนจึงขึ้นมายังชั้นบน เพราะมาพร้อมกับกองคาราวาน ทำให้พวกเขามาถึงเมืองซิงผิงเร็วกว่าที่คิด ดังนั้นชายหนุ่มจึงยังไม่ได้เทเลพอร์ตกลับไป แต่เลือกที่จะอยู่พูดคุยกับพวกอูหย่าภายในโรงเตี๊ยม
ไม่นานหลังพวกอู๋ฝานเข้าพัก เฝิงอวิ๋นก็ได้ทราบว่าพวกเขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ดังนั้นจึงรีบกลับไปแจ้งให้เจ้าเมืองทราบ
ในช่วงเย็น จ้าวชิวซานจึงได้รู้ว่ามีพระราชโองการตอบกลับจากพิราบสื่อสารที่เดินทางกลับมาถึง
หลังได้อ่านเนื้อหาที่ผูกติดเอาไว้กับขาของนกพิราบ จ้าวชิวซานถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมเผากระดาษแผ่นนั้นทิ้งเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐาน
“ข้ารับใช้!” หลังแน่ใจว่ากระดาษไหม้ไม่เหลือเศษซาก เขาจึงตะโกนเรียกทางหน้าประตู
“ขอรับนายท่าน” ข้ารับใช้รีบเดินเข้ามาในทันที
“เตรียมรถ! ข้าจะไปพบองค์หญิงสาม!” จ้าวชิวซานออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
ไม่นานรถม้าของจ้าวชิวซานก็ออกเดินทางจากจวนเจ้าเมือง เพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังโรงเตี๊ยมที่พวกอู๋ฝานใช้พักอาศัย และมีเฝิงอวิ๋นร่วมทางมาด้วยเพราะต้องรับผิดชอบนำทาง
“ข้าน้อยจ้าวชิวซานคำนับองค์หญิงสามพ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะอู๋ฝานและพรรคพวกกำลังพูดคุยกัน เสียงลุ่มลึกก็ดังมาจากหน้าประตูห้อง พวกเขาจึงต้องหันไปมอง
“เจ้าพวกนี้นี่เหลือเกิน” อูหย่าลุกขึ้นยืนขณะเผยยิ้ม
“ไปพบเขา พวกเราจะไม่ออกหน้า” อู๋ฝานตอบกลับ “จำเอาไว้ว่าหากเขาเชิญเจ้าไปที่จวนเจ้าเมือง เจ้าต้องไม่ไป”
“รู้แล้ว” อูหย่าตอบกลับขณะเดินไป
“นายท่าน เพราะอะไรถึงไม่ให้พี่อูหย่าไปที่จวนเจ้าเมืองล่ะเจ้าคะ? หากไปพวกเราก็ไปด้วย ไม่ใช่ว่าที่นั่นดีกว่าที่นี่หรือเจ้าคะ?” หลังอูหย่าออกไปแล้ว ลั่วเยวี่ยอดไม่ได้จนต้องเอ่ยถาม
“จวนเจ้าเมืองก็ไม่ใช่ว่าจะดีกว่าที่นี่เสมอไป” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ที่นั่นอาจจะไม่ปลอดภัยด้วยซ้ำ”
“ไม่ปลอดภัย? จวนเจ้าเมืองควรต้องเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสูงสุดภายในเมืองไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” ลั่วเยวี่ยเกิดความสงสัย
“ปลอดภัยที่ว่าอาจใช้กับคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่กับพวกเรา บางทีมันอาจจะเป็นรังมังกรถ้ำพยัคฆ์” ชายหนุ่มตอบกลับ
“ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ” เด็กสาวส่ายหน้าเพราะไม่อาจเข้าใจได้จริง ๆ
“อันที่จริงข้าก็เพียงคาดเดา แต่ระวังตัวไว้ก่อนก็ไม่มีอะไรเสียหาย” เขาตอบกลับ
ลั่วเยวี่ยพยักหน้าตอบรับ
“เจ้าพูดเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน จ้าวชิวซานต้องการเชิญข้าไปที่จวนเจ้าเมือง เขาเตรียมมื้อค่ำรอไว้แล้วและต้องการจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ข้า และยังบอกว่าค่ำคืนนี้ใช้จวนเจ้าเมืองเป็นที่อาศัยได้” อูหย่าที่เดินกลับเข้ามานั่งลงก่อนจะเล่าให้ฟัง
“แล้วเจ้าตอบไปว่ายังไง?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ข้าปฏิเสธตามที่เจ้าขอเอาไว้แล้ว จ้าวชิวซานเลยต้องผิดหวังกลับไป” หญิงสาวตอบกลับ
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ และหลังยืนยันว่าพวกจ้าวชิวซานกลับกันไปแล้ว เขาจึงบอกกับพวกอูหย่า “เก็บสัมภาระเตรียมออกไปจากที่นี่”
“หือ? ไปไหน? ไปทำไม?” อูหย่าถามออกมาด้วยความสับสน
“อาจเป็นข้าระแวงไปเองก็ได้” เขายิ้มตอบ “หากข้าเดาได้ถูกต้อง ไว้พรุ่งนี้จะอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน”
“อา… ก็ได้” ในเมื่ออู๋ฝานพูดถึงขนาดนี้ พวกอูหย่าย่อมไม่อาจปฏิเสธหรือคัดค้าน
ดังนั้นภายหลังกลุ่มคนจึงเก็บสัมภาระและลงไปชั้นล่างกันทันที
“อย่าออกทางประตูหน้า ออกทางประตูหลังแทน” อู๋ฝานบอก
แม้ทั้งสามคนยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ก็ยังยินดีทำตามคำแนะนำ
ตอนที่จ้าวชิวซานกลับจากโรงเตี๊ยมเมื่อครู่ อีกฝ่ายเรียกเฝิงอวิ๋นไปพบพร้อมออกคำสั่งว่าให้คอยเฝ้าจับตาที่อยู่ของพวกอูหย่าเอาไว้ หากอีกฝ่ายยังอยู่ในโรงเตี๊ยมก็แล้วไป แต่ถ้าอูหย่าออกมาภายนอก เขาต้องรีบรายงานให้ทราบพร้อมสะกดรอยตามไป
เฝิงอวิ๋นเข้าใจความหมายในคำสั่งของจ้าวชิวซานดี ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบรับคำสั่ง
แท้จริงแล้ว ในตอนที่ได้ยืนยันตัวตนของอูหย่าที่หน้าประตูเมือง เขาก็เดาได้แล้วว่าสถานการณ์เช่นตอนนี้จะเกิดขึ้น
แรกเริ่มนั้นจ้าวชิวซานได้ออกคำสั่งให้ผู้บังคับบัญชาเฝ้าคุ้มกันประตูเมืองคอยตรวจสอบว่าอูหย่าจะข้ามแดนเข้าเมืองมาหรือไม่ ดังนั้นหลังเฝิงอวิ๋นได้ยืนยันตัวตนของอูหย่า เขาจึงเร่งไปที่จวนเจ้าเมืองเพื่อรายงานให้อีกฝ่ายทราบ ขณะเดียวกันก็คาดเดาได้ตั้งแต่อีกฝ่ายออกคำสั่งแล้ว ว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาต้อนรับการกลับมาของหญิงสาว ดังนั้นตอนพบเห็นอูหย่าเข้าเมือง เขาจึงรู้สึกได้ว่าโอกาสความก้าวหน้ามาเยือนตนเองแล้ว
ปัจจุบันเรื่องราวยิ่งดำเนินไปตามที่เฝิงอวิ๋นคาดเดาเอาไว้ทุกประการ หากสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ถูกต้องทั้งหมด ความดีความชอบในตอนที่เรื่องราวครั้งนี้เสร็จสิ้นจะต้องไม่ใช่เล็กน้อย ดังนั้นหลังจ้าวชิวซานออกคำสั่งให้ลอบจับตามองโรงเตี๊ยม เขาจึงทั้งตื่นเต้น ประหม่า และยินดีลิงโลดอยู่ภายใน
“บางที องค์หญิงที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของราชวงศ์คงไม่อาจรอดพ้นคืนนี้” เฝิงอวิ๋นพึมพำกับตัวเอง
พวกอู๋ฝานที่ออกจากโรงเตี๊ยมทางประตูด้านหลัง หลังเดินกันอยู่พักหนึ่งจึงพบโรงเตี๊ยมอีกแห่งสำหรับใช้พักอาศัย
“คืนนี้พวกเราจะพักที่นี่” อู๋ฝานบอกกับคนทั้งสาม
“ข้าสงสัยเหลือเกิน เจ้ากังวลอะไรกันแน่? จ้าวชิวซานงั้นหรือ?“ อูหย่าอดไม่ได้จนต้องถามออกมา
“ถูกต้อง” เขาตอบรับ “การระมัดระวังเอาไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอยู่แล้ว”
“จ้าวชิวซานจะทำร้ายข้างั้นหรือ? ข้าคือองค์หญิงสามแห่งหนานปิงนะ!” หญิงสาวตอบกลับ
“เพราะเจ้าคือองค์หญิงสามแห่งหนานปิง พวกเราถึงยิ่งไม่อาจประมาท” ชายหนุ่มตอบกลับ “ไม่ว่าจะด้วยอะไร พรุ่งนี้พวกเราจะได้ทราบว่าเรื่องที่ข้ากังวลจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
“ก็ได้” อูหย่าพยักหน้าตอบรับ
กลุ่มคนจัดการสัมภาระเพื่อพักที่นี่ ส่วนอู๋ฝานรีบตรงกลับไปห้องของตนเอง เนื่องจากเขาเหลือเวลาก่อนจะถูกเทเลพอร์ตกลับไปไม่มากแล้ว
แต่ก่อนจะเทเลพอร์ตเดินทางกลับ เขาก็ได้ยินเสียงจักรกลอันคุ้นเคยดังขึ้นมา
……….