ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 651 บุกโจมตีสำนักตะวันเพ็จ
บทที่ 651 บุกโจมตีสำนักตะวันเพ็จ
……….
บทที่ 651 บุกโจมตีสำนักตะวันเพ็จ
“นายน้อยตื่นแล้วเหรอคะ?”
เมื่ออู๋ฝานเดินมาที่ห้องนั่งเล่น เหมยอวี่ที่กำลังเตรียมมื้อเช้าถึงกับประหลาดใจจนต้องรีบเข้ามาทักทาย พร้อมทั้งยังเตรียมช่วยพยุง
“ไม่เป็นไรแล้วครับ หายดีแล้วละ” ชายหนุ่มโบกมือเป็นการปฏิเสธ
สิ้นคำเขาก็เลิกชายเสื้อขึ้น จนเผยหน้าท้องให้ได้เห็น “ลองดูสิ อาการบาดเจ็บหายไปหมดแล้ว”
“นี่มัน… เป็นไปได้ยังไงกัน?” ตอนแรกเหมยอวี่ไม่เชื่อว่าอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายหายแล้ว แต่หลังเห็นกับตาตัวเองจึงต้องเชื่อ เพราะมันเรียบเนียนราวกับไม่เคยมีบาดแผลอยู่ตรงนั้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“ยาสมานแผลได้ผลดีน่ะ รวมกับความสามารถฟื้นฟูตัวเองที่เหนือกว่าคนทั่วไป อาการบาดเจ็บแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก” เขาบอกพลางลดเสื้อลง
“นี่มัน …ยอดไปเลยค่ะ!” เหมยอวี่ทำได้แค่ตอบรับคำอธิบายดังกล่าว เพราะอย่างไรสิ่งสำคัญที่สุดซึ่งเธอห่วงก็คือความปลอดภัยของอู๋ฝาน ส่วนมันจะเกิดขึ้นได้ยังไงนั้น เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องใส่ใจแม้แต่น้อย
เหมยเสวี่ยที่ตามออกมาจากในครัวยังอดไม่ได้ที่จะต้องประหลาดใจไปครู่หนึ่ง แต่คนทั้งสองก็คิดเห็นเหมือนกัน เพราะเมื่อเห็นอู๋ฝานหายดี เพียงแค่นี้ก็ทำให้พวกเธอยินดีและวางใจได้แล้ว
“นายน้อย พวกเราจะไปล้างแค้นกันเมื่อไหร่เหรอคะ?” ขณะทานอาหาร เหมยเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ใจร้อนจังนะ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ทานเสร็จก็ออกเดินทางกันได้เลยครับ”
“เยี่ยมเลยค่ะ” เหมยเสวี่ยพยักหน้ารับขณะเร่งทานมื้อเช้า
“นายน้อย จะมีแค่พวกเราสามคนเหรอคะ?” เหมยอวี่เอ่ยถาม
มันไม่ใช่ว่ากลัว แต่เธอกำลังคิดว่าในเมื่ออีกฝ่ายทำร้ายอู๋ฝานจนบาดเจ็บได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องไม่อ่อนแอ หากมีเพียงสามคน พวกเธออาจจะไม่สามารถช่วยล้างแค้นจนสำเร็จได้
“ไม่ใช่ครับ ยังมีคนอื่นด้วย” อู๋ฝานตอบรับ “ไว้เดี๋ยวก็ได้พบกัน”
เหมยอวี่พยักหน้ารับและหยุดคำถามไป
หลังคนทั้งสามทานอาหารเสร็จเรียบร้อย อู๋ฝานก็ขับรถไปยังบริเวณนอกเมือง และบริเวณที่ไม่ไกลจากวังเมฆาสีชาดพวกเขาถึงได้พบสวีอี้ซาน พร้อมคณะคนจากวังเมฆาสีชาดที่กำลังรออยู่ก่อนแล้ว
“นายน้อย” ทันทีที่พบอู๋ฝาน สวีอี้ซานก็รีบเข้ามาแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม
“อืม” เขาพยักหน้ารับขณะมองกลุ่มคนจากวังเมฆาสีชาดที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่าย “ทางฝั่งคุณมีคนไม่น้อยเลย”
“เมื่อนายน้อยออกคำสั่ง ทางเราก็ไม่กล้าชักช้าและนิ่งนอนครับ นอกจากคนที่ต้องอยู่ประจำการ ผมนำทุกคนร่วมทางมาทั้งหมดเลยครับ” สวีอี้ซานยังคงตอบรับด้วยความนอบน้อม
“ดี” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “รู้ที่ตั้งสำนักตะวันเพ็จรึเปล่าครับ?”
“รู้ครับ” สวีอี้ซานตอบรับ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างก็เป็นสำนักในเจียงโจว ดังนั้นจึงทราบที่ตั้งสำนักของกันและกัน
“นำทางไปได้เลยครับ”
“ครับ!”
กลุ่มคนออกเดินทาง ระหว่างทางอู๋ฝานก็ได้พบว่าสวีอี้ซานที่ไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่ง ตอนนี้เขาควบคุมวังเมฆาสีชาดเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว ตอนที่ตนบังคับส่งอีกฝ่ายขึ้นครองตำแหน่งเจ้าวัง หลายคนในวังเมฆาสีชาดยังไม่เห็นด้วย ทั้งยังไม่พอใจ ทว่าตอนนี้ท่าทีของคนเหล่านั้นที่มีต่อสวีอี้ซานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าพลิกกลับด้านก็ไม่ผิด
เดิมวังเมฆาสีชาดเหลือผู้อาวุโสสามคน ตอนนี้เหลือร่วมทางมาเพียงแค่สอง เห็นได้ชัดว่าอีกคนถูกสวีอี้ซานกำจัดทิ้งไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีกสองคนในเวลานี้นอบน้อมแก่อีกฝ่ายกว่าที่เคยเป็นอย่างกับคนละคน เห็นได้ว่าคนตรงหน้ากำราบพวกเขาเอาไว้ได้อยู่หมัด
สำนักตะวันเพ็จอยู่ไม่ไกลจากวังเมฆาสีชาด แม้เจียงโจวจะค่อนข้างกว้างใหญ่ แต่สำนักมีมากมาย ดังนั้นระยะห่างของแต่ละสำนักจึงไม่ได้ไกลกันมาก
“เจ้าสำนักตะวันเพ็จมีชื่อว่าถงเชียนหวา เป็นขอบเขตแปรสภาพขั้นกลางครับ นอกจากนี้สำนักตะวันเพ็จยังมีผู้อาวุโสในถึงแปดคน สองคนสำเร็จขอบเขตแปรสภาพขั้นต้นแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นขอบเขตมืดขั้นสูงสุด จากเบื้องล่างถึงเบื้องบนของสำนักตะวันเพ็จมีศิษย์ในสำนักหกร้อยสามสิบแปดคน ความแข็งแกร่งนั้นไล่เรียงตั้งแต่ขอบเขตสว่างขั้นต้นจนถึงขอบเขตมืดขั้นต้นครับ” ระหว่างทาง สวีอี้ซานก็เริ่มเล่าสถานการณ์ของสำนักตะวันเพ็จให้อู๋ฝานได้ทราบ
“สำนักตะวันเพ็จดูมีกำลังโดยรวมแข็งแกร่งกว่าวังเมฆาสีชาดในอดีตซะด้วยซ้ำ” เขาเอ่ยออกมา
วังเมฆาสีชาดในอดีต มีเพียงเมิ่งข่ายที่สำเร็จขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง ส่วนผู้อาวุโสทั้งหลายเป็นเพียงขอบเขตมืดขั้นสูงสุด ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าด้อยกว่าสำนักตะวันเพ็จ ในแง่ของจำนวนผู้อาวุโส พวกเขามีน้อยกว่าจริงตามที่ว่า
“ใช่ครับ” สวีอี้ซานพยักหน้ารับ “เหตุผลที่ว่าทำไมก่อนหน้านี้วังเมฆาสีชาดของพวกเรายังเป็นสำนักชั้นหนึ่งในเจียงโจวได้ ก็เพราะพวกเราอยู่มานานที่สุด และครอบครองมรดกตกทอดลึกล้ำที่สุด แต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นก่อนหน้านี้วังเมฆาสีชาดก็ถือเป็นช่วงปลายแถวของสำนักชั้นหนึ่งในเจียงโจวครับ”
ในอดีตวังเมฆาสีชาดเป็นเพียงสำนักชั้นหนึ่งปลายแถวของเจียงโจว ปัจจุบันเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นกับสำนัก ทั้งยังสูญเสียอดีตเจ้าวังและผู้อาวุโสไปหลายคน ดังนั้นกำลังโดยรวมในปัจจุบันจึงกลายเป็นท้ายแถวของสำนักชั้นหนึ่งในเจียงโจว
“บางทีหลังผ่านไปหลายวัน วังเมฆาสีชาดจะกลายเป็นสำนักชั้นหนึ่งเพียงหนึ่งเดียวในเจียงโจวก็ได้นะครับ” อู๋ฝานตอบกลับมาอย่างเฉยชา
ในบรรดาสำนักชั้นหนึ่งในพื้นที่เจียงโจว นอกจากวังเมฆาสีชาดแล้ว พวกเขาต่างก็มีส่วนเข้าร่วมกับการดักซุ่มเล่นงานเมื่อวานทั้งสิ้น ดังนั้นอู๋ฝานจึงคิดตอบโต้ทุกสำนักดังกล่าวให้หมด หากเรื่องราวดำเนินไปได้ด้วยดี สำนักเหล่านั้นจะสูญเสียความแข็งแกร่งโดยรวมไปอย่างมหาศาล หรือบางทีอาจเหลือเพียงชื่อฝากเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน วังเมฆาสีชาดจะกลายเป็นสำนักชั้นหนึ่งเพียงหนึ่งเดียวในเจียงโจว และตอนนั้นวังเมฆาสีชาดก็จะมีโอกาสได้เติบโตจนกลายเป็นสำนักชั้นหนึ่งระดับประเทศ
แน่นอนว่าการล้างแค้นครั้งนี้ไม่อาจล้มเหลว เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดเรื่องขึ้น จุดจบของอู๋ฝานจะเลวร้าย และวังเมฆาสีชาดจะไม่อาจรอดพ้นจากการถูกกวาดล้างเช่นเดียวกัน
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ดวงตาของสวีอี้ซานทอประกาย เขาไม่ได้ตอบคำใดกลับ เพียงมองชายหนุ่มด้วยท่าทีที่ยิ่งนับถือมากขึ้น
ภายใต้การนำทางของสวีอี้ซาน ราวสองชั่วโมงทั้งคณะจึงมาถึงที่ตั้งของสำนักตะวันเพ็จ
“นายน้อย ตรงหน้านี้คือที่ตั้งของสำนักตะวันเพ็จครับ” สวีอี้ซานบอกกับอู๋ฝาน
“อืม” อู๋ฝานพยักหน้าตอบก่อนจะเริ่มโน้มสายคันธนู เขาเงยหน้าขึ้นและยิงมันออกไป
“ฟิ้ว!”
ศิษย์สำนักตะวันเพ็จคนหนึ่งที่ซ่อนตัวในป่าส่งเสียงแผดร้องออกมา ไม่นานก็ร่วงลงจากต้นไม้กระแทกกับพื้น
“ก่อนจะเข้าไปก็คงต้องกำจัดหูตาของพวกมันซะก่อน!” เขาเอ่ยด้วยอาการสงบ
ศิษย์ของสำนักตะวันเพ็จไม่ได้ซ่อนตัวไม่ดี แต่อู๋ฝานมีอินทรีวายุคอยสอดส่องจากบนฟ้า ทุกอย่างเบื้องล่างอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะซ่อนตัวได้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางหลบซ่อนจากดวงตาของอินทรีไปได้
หลังอู๋ฝานนำกลุ่มคนรุกเข้าไป ระหว่างทางก็ยังคอยกำจัดหน่วยเฝ้าระวังของสำนักตะวันเพ็จ ทั้งในที่เปิดเผยและที่ลับจนหมดสิ้น มันคือการเดินหน้าบุกเข้าฐานที่มั่นสำนักตะวันเพ็จอย่างเป็นทางการ
“เจ้าสำนัก แย่แล้วครับ คนของวังเมฆาสีชาดบุกมา!” ภายในโถงประชุมของสำนักตะวันเพ็จ ศิษย์คนหนึ่งรีบเข้ามาบอกสถานการณ์
“คนของวังเมฆาสีชาด? ดูไม่ผิดแน่นะ?“ หนึ่งในผู้อาวุโสสำนักในเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสสำนักตะวันเพ็จจึงมารวมตัวกันแต่เช้าเพื่อเตรียมตอบโต้การล้างแค้นของอู๋ฝาน คนที่พวกเขารอคอยคืออีกฝ่าย แต่แล้วกลับได้รับแจ้งว่าคนของวังเมฆาสีชาดบุกมา ดังนั้นพวกเขาจะประหลาดใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก