ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 653 ตายในพริบตา
บทที่ 653 ตายในพริบตา
“ฆ่า!”
เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาดตะโกนทวนคำสั่งของสวีอี้ซานเสียงดัง พร้อมกันนี้ก็เริ่มบุกเข้าสังหารคนของสำนักตะวันเพ็จด้วยสายตามุ่งมั่น
“ตั้งขบวน! เตรียมตอบโต้!”
“ฆ่า!”
ถงเชียนหวาไม่คิดว่าตนเองจะแพ้ใคร ทุกคนจากสำนักตะวันเพ็จที่กำลังรอจึงตะโกนเสียงดังพร้อมเร่งบุกเข้าหาศิษย์ของวังเมฆาสีชาด
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!”
เหล่าศิษย์จากทั้งสองฝั่งเริ่มปะทะกัน เสียงอาวุธกระทบดังไม่ขาด เสียงแผดร้อง เสียงตะโกน ทั้งหมดผสมผสานกันจนดังลั่น ทั่วทั้งสำนักตะวันเพ็จในตอนนี้กำลังเดือดประหนึ่งน้ำที่ต้มจนเดือดพล่าน
ระหว่างนั้นมีคนเพียงสองที่ยังไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวหรือลงมือ หนึ่งคืออู๋ฝาน อีกหนึ่งคือถงเชียนหวา พวกเขากำลังมองหน้ากันเองจากระยะไกลด้วยสีหน้าและท่าทีสงบนิ่ง
แท้จริงแล้วถงเชียนหวากำลังตกใจอยู่พอสมควร เขาไม่คาดว่าคนของวังเมฆาสีชาดจะยินดีพร้อมสู้ตายเพื่ออู๋ฝานแบบนี้ หลังทั้งสองฝ่ายปะทะกัน คนของวังเมฆาสีชาดไม่มีลังเลหรือยั้งมือแม้แต่น้อย ตนไม่อาจทราบว่าอีกฝ่ายที่เกิดข้อพิพาทใหญ่โตกับวังเมฆาสีชาด เพราะอะไรถึงทำให้คนของวังเมฆาสีชาดยอมสู้ตายเพื่อตัวเองได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ขณะนี้ความรู้สึกของเขา คือยิ่งคิดเรื่องของอีกฝ่ายเท่าไหร่ก็ยิ่งพบว่ายากจะทำความเข้าใจได้เท่านั้น
‘โชคดีที่คนช่วยฝั่งมันมีแค่วังเมฆาสีชาด เมื่อก่อนวังเมฆาสีชาดก็ไม่อาจเทียบสำนักตะวันเพ็จได้อยู่แล้ว หลังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กำลังรบของฝ่ายนั้นก็สูญเสียไปอย่างหนักหนา มันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะสำนักตะวันเพ็จ อู๋ฝาน วันนี้คือวันตายของแก!’ ถงเชียนหวาครุ่นคิดอยู่ในใจด้วยความมั่นใจอย่างล้นเหลือ
แต่ขณะถงเชียนหวาครุ่นคิดจบ เขากลับพบว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากปรากฏตัวในสมรภูมิสู้รบ พวกเขาเหล่านั้นสวมชุดเกราะสีเงินพร้อมผ้าคลุมสีเงิน ท่าทีอาจหาญและเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ทันทีที่พวกเขาเหล่านั้นปรากฏตัวก็บุกเข้าหาคนของสำนักตะวันเพ็จจนสูญเสียแนวป้องกัน
“คนพวกนั้นมันอะไร? พวกมันปรากฏตัวตั้งแต่ตอนไหน?” การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกลุ่มคนทำให้ถงเชียนหวาแตกตื่น จำนวนของศัตรูไม่ได้มากมาย แต่พละกำลังของพวกมันแข็งแกร่ง เหล่าศิษย์สำนักตะวันเพ็จที่เผชิญหน้าไม่อาจต้านรับแม้แต่หนึ่งกระบวนท่าด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ปรากฏตัวได้ยังไง เขาไม่อาจพบร่องรอยแม้แต่น้อย ราวกับปรากฏขึ้นมาจากห้วงอากาศอันว่างเปล่าก็ไม่ปาน
ถงเชียนหวานึกถึงข่าวลือที่อู๋ฝานบุกวังเมฆาสีชาดก่อนหน้านี้ ครั้งนั้นมีการบอกเล่าว่ามีกลุ่มคนจากความว่างเปล่าเข้ามาช่วยเหลือ และคนกลุ่มนั้นคือหมากที่เปลี่ยนสถานการณ์จนชายหนุ่มได้รับชัยชนะ
‘หรือว่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่เคยช่วยอู๋ฝานเล่นงานวังเมฆาสีชาดก่อนหน้านี้?’ ถงเชียนหวาครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา เมื่อครู่ตอนที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีแค่คนจากวังเมฆาสีชาด เขามีความมั่นใจในสำนักตะวันเพ็จของตนเองอย่างเปี่ยมล้น ทว่าตอนนี้หลังพบกลุ่มคนซึ่งปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ความมั่นใจแต่เดิมกลับเริ่มสั่นคลอนแล้ว
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป คนเหล่านี้ไม่ได้โจมตีพวกเขา ทว่าเป็นพันธมิตร เมื่อคิดได้ดังนั้นสวีอี้ซานก็พอจะถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่ในใจได้บ้าง
หลังกลุ่มนักรบในชุดเกราะสีเงินปรากฏตัว เป้าหมายของพวกมันคือเหล่าผู้อาวุโสสำนักตะวันเพ็จ นักรบเกราะเงินทั้งยี่สิบคนเผชิญหน้าแปดผู้อาวุโส เพียงพริบตาแรงกดดันที่วังเมฆาสีชาดเผชิญก็ลดทอนไปมหาศาล ขณะที่แรงกดดันทางฝั่งสำนักตะวันเพ็จเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“กล้าดียังไง!” เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มไม่เอื้อต่อสำนักตะวันเพ็จ ถงเชียนหวาที่ดูการต่อสู้อยู่จนถึงตอนนี้ก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้เล้ว เขาเข้าร่วมสมรภูมิสู้รบพร้อมตะโกนด้วยเสียงอันดัง
แต่เป้าหมายของถงเชียนหวาไม่ใช่กลุ่มคนในชุดเกราะสีเงิน แต่เป็นอู๋ฝาน!
เผด็จศึกต้องฆ่าขุนพล!
อีกฝ่ายคือผู้นำของคนเหล่านี้ ขอเพียงคนตรงหน้าตายลง เมื่อนั้นวังเมฆาสีชาดและกลุ่มคนในชุดเกราะสีเงินที่เพิ่งปรากฏตัวจะหยุดโจมตีไปเอง!
เนื่องจากทางฝั่งชายหนุ่มไม่มีใครอยู่คุ้มกัน ถงเชียนหวามั่นใจในความแข็งแกร่งของตน ว่าเพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถสังหารชายหนุ่มลงได้
“นายน้อย!”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมา” อู๋ฝานยังคงมองถงเชียนหวาที่บุกเข้ามาจะสังหารตนเอง ขณะปากบอกกับสองแฝดว่าไม่เป็นไร
“อวดดี!”
หลังเห็นอีกฝ่ายไม่ขอกำลังเสริมและรอคอยตนเองบุกโจมตี ถงเชียนหวาจึงยิ่งโกรธจัด เขาคือคนที่ทั่วทั้งเจียงโจวรู้จักและเกรงกลัว แต่อีกฝ่ายที่เพิ่งโผล่หน้าขึ้นมากล้ามองข้ามหัวเขาไป คิดว่าถงเชียนหวามีดีเพียงแค่ชื่ออย่างนั้นหรือ?
“ตายซะ!”
เพียงชั่วพริบตา ถงเชียนหวาก็บุกเข้ามาและหมายสังหารถึงหน้าชายหนุ่มแล้ว ขณะมือขวาขยับเคลื่อนไหว ฝ่ามือเริ่มโค้งเปลี่ยนเป็นกรงเล็บหมายจะคว้าตัวอู๋ฝานไว้
มันคือวิชาระดับโลกา กรงเล็บพันเล่ม!
มันคือวิชาที่ถงเชียนหวาฝึกฝนจนมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาฝึกฝนมันมานานจนถึงขั้นสามารถใช้ผ่าก้อนหินแข็งได้ ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างตายลงภายใต้เคล็ดวิชานี้ และวันนี้เขาก็เชื่อเช่นกัน ว่าจะสามารถฉีกศีรษะอู๋ฝานให้แหลกเละกระจัดกระจายได้
ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งมองถงเชียนหวาด้วยรอยยิ้มเบาบาง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
“อวดดีและหน้าโง่!” เมื่อเข้าระยะใกล้ถึงตัว ถงเชียนหวาไม่คิดว่าการโจมตีนี้จะล้มเหลว เพียงแค่รู้สึกว่าอู๋ฝานหวาดกลัวจนขยับตัวไม่ได้
“นี่มัน!?…” การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกลุ่มคนทำให้ถงเชียนหวาตื่นตระหนก
“ฆ่า!”
กลุ่มคนเกราะดำที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันตะโกนดังออกมา ชั่วพริบตาก็ใช้ดาบเล่มใหญ่ในมือฟันถงเชียนหวา คมดาบนี้รุนแรงจนราวกับสามารถผ่าอากาศให้ขาดออกจากกันได้
“ตึง!”
ถงเชียนหวาเร่งร้อน ตอนนี้เขาไม่สนเรื่องการโจมตีเล่นงานอู๋ฝาน เพราะจำเป็นต้องต้านรับการโจมตีซึ่งหน้าเอาไว้
แต่กลุ่มคนในชุดดำมีจำนวนเยอะเกินไป อีกทั้งยังเป็นระยะประชิด เขาทำได้เพียงต้านรับการโจมตีหนึ่งเดียวทางด้านหน้า และไม่อาจต้านรับการโจมตีของคนในชุดดำที่เหลือซึ่งรายล้อมได้
“ฉัวะ!”
“ฉัวะ!”
เพียงเวลาแค่ชั่วอึดใจ หลังลงดาบเพียงสี่ถึงห้าครั้งเข้าใส่ร่างของถงเชียนหวา อีกฝ่ายก็แผดเสียงร้องขณะพยายามหาทางดิ้นรนหาทางหลบหนี
แต่ทั้งจังหวะและระยะนั้นสายเกินไปแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ทั้งยังถูกกลุ่มคนในชุดดำปิดล้อมเอาไว้จนไม่เหลือทางหนี
“ฉัวะ!”
“ฉัวะ!”
ถงเชียนหวาที่ไม่เหลือโอกาสหลบหนี สุดท้ายก็ถูกดาบใหญ่มากมายฟันใส่ร่างในชั่วอึดใจ เลือดสาดกระเซ็นออกมาจนทั้งกายถูกย้อมไปด้วยสีแดงชาด
“อ๊าก!” ถงเชียนหวาแผดเสียงร้องอีกครั้ง มือของเขาพยายามต้านรับการโจมตีเอาไว้ ทว่ามันไม่อาจได้ผล และความเร็วของเขาก็ลดลงเพราะอาการบาดเจ็บอันสาหัส
“ฉัวะ!”
ท้ายที่สุดแล้ว หลังการโจมตีต่อเนื่องแค่ชั่วครู่ ถงเชียนหวาก็ไม่อาจต้านต่อได้ไหวจนล้มลง ลมหายใจเลือนหายจากร่างกายภายในชั่วพริบตา ร่างไร้ชีวิตนอนนิ่งกับพื้น กล้ามเนื้อที่ราวกับยังไม่รู้ตัวพยายามกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนจะดับสิ้นไป ดวงตานั้นยังคงเบิกกว้างมองไปยังทิศทางที่อู๋ฝานยืนอยู่ สีหน้าปรากฏทั้งความเจ็บปวด ความสงสัย และความสำนึกเสียใจ
……….