ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 655 สวี่จื่อฉีอำลา
บทที่ 655 สวี่จื่อฉีอำลา
หลังกวาดล้างสองสำนักอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นสำนักชั้นหนึ่งของเจียงโจว ขวัญกำลังใจของฝ่ายวังเมฆาสีชาดจึงพุ่งทะยาน พวกเขาเดินทางกลับไปด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมล้น เหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดยิ่งเคารพต่อทั้งสวีอี้ซานและอู๋ฝานจากใจ ตำแหน่งเจ้าวังของสวีอี้ซานในใจของพวกเขายิ่งหนักแน่นมากขึ้น
“นายน้อย พรุ่งนี้พวกเราจะเปิดศึกต่อไหมครับ?” สวีอี้ซานเป็นฝ่ายเอ่ยถามอู๋ฝานขึ้นมา
เมื่อเช้าสวีอี้ซานยังเดินทางมาด้วยใจที่ไม่อาจสงบ ทว่าตอนนี้กลับปราศจากซึ่งความกังวล เขาเชื่อว่าด้วยยอดฝีมือรอบกายของอู๋ฝานและอำนาจปัจจุบันของวังเมฆาสีชาด ไม่ช้าจะยึดครองแวดวงผู้ฝึกตนของเจียงโจวเอาไว้ได้
ทุกสำนักในเจียงโจวจะถูกกำจัด ขณะที่วังเมฆาสีชาดจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนั้นวังเมฆาสีชาดจะกลายเป็นสำนักชั้นหนึ่งเพียงแห่งเดียวในเจียงโจว และยังเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในเจียงโจวด้วย!
แน่นอนว่าวังเมฆาสีชาดไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของอู๋ฝาน สวีอี้ซานย้ำเตือนเรื่องนี้กับตัวเองอยู่ตลอด
“ใช่” อู๋ฝานพยักหน้ารับ “พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเปิดศึกต่อ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหลังสำนักอื่นในเจียงโจวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะตอบสนองกันยังไง”
เรื่องที่เกิดขึ้นกับสำนักตะวันเพ็จและสำนักทะยานสวรรค์ อีกไม่นานก็คงจะถูกเปิดเผยแก่สำนักใหญ่ทั้งหลายในเจียงโจว และสำนักเหล่านั้นจะไม่มีทางเพิกเฉยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะบรรดาสำนักที่มีส่วนร่วมในการดักโจมตีอู๋ฝานเมื่อคืน สำนักเหล่านั้นจะต้องตอบสนองอย่างรุนแรงแน่
หากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะกวาดล้างสำนักเหล่านั้นให้หมดในหนึ่งวัน เพื่อไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทันตอบสนอง แต่โชคร้ายที่ป้ายอัญเชิญมีข้อจำกัดทางด้านระยะเวลา หากอาศัยเพียงกำลังรบของวังเมฆาสีชาดและตนเอง เขาไม่อาจมั่นใจว่าจะสามารถสยบสำนักเหล่านั้นลงได้ หรือต่อให้เอาชนะได้ก็คงเป็นชัยชนะท่ามกลางซากศพ มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องระยะเวลาเดินทาง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้สำนักเหล่านั้นมีเวลาไตร่ตรอง แน่นอนว่าตนมีความเชื่อว่าแม้สำนักเหล่านั้นจะมีเวลาเตรียมการ ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้มากนัก
อู๋ฝานนำเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยแยกตัวจากสวีอี้ซานที่นอกเมืองเจียงโจว ด้านสวีอี้ซานนำเหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดและเชลยจากสำนักทะยานสวรรค์เดินทางกลับที่ตั้งสำนัก ขณะชายหนุ่มกลับบ้านพร้อมฝาแฝด
แต่ระหว่างทาง เขากลับไม่คาดว่าจะได้รับสายโทรจากสวี่จื่อฉี
“อู๋ฝาน คุณพอจะมีเวลาไหมคะ? ฉันอยากจะเลี้ยงเครื่องดื่มสักหน่อย” สวี่จื่อฉีเอ่ยคำออกมา
“คุณหนูสวี่ ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรให้พูดคุยต่อกันแล้ว” แม้เขาจะช่วยเธอไว้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกที่เขามีให้เธอจะเปลี่ยนแปลง ในเมื่อไม่อาจตกลงร่วมมือต่อกันได้ด้วยดี ตนก็ไม่คิดว่าจะต้องมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับอีกฝ่ายต่อไป
“อู๋ฝาน ฉันอยากจะขอบคุณด้วยตัวเองค่ะ” หญิงสาวเอ่ยออกมา “…เป็นเรื่องที่โรงแรมเทียนอวี่เมื่อคืนนั้น“
“คุณหนูสวี่อาจจะเข้าใจอะไรผิดไป ผมไม่ได้ไปที่โรงแรมเทียนอวี่ ผมไม่ได้ช่วยคุณ และไม่ได้ฆ่าเจียงอวี่ด้วย ดังนั้นผมที่ไม่ได้ทำอะไรจึงไม่ต้องรับคำตอบคุณจากคุณ” อู๋ฝานตอบกลับ
ชายหนุ่มไม่ทราบเรื่องที่สวี่จื่อฉีตื่นขึ้นมากลางคัน แม้เจียงอวี่และเจียงฟั่นโจวจะตายไปแล้ว และตระกูลเจียงไม่มีเจตนาและเหลือเรี่ยวแรงจะมาล้างแค้นอะไรอีก แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการมีปัญหาเพิ่ม รวมถึงไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายตอบแทนอะไรด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงปฏิเสธออกไปทั้งหมด
“อันที่จริงคืนนั้นฉันตื่นขึ้นมาค่ะ แม้ช่วงเวลาที่ตื่นขึ้นมาจะไม่นาน แต่ฉันรู้ว่าคุณมา” สวี่จื่อฉีตอบกลับมา “แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องนี้ฉันจะไม่บอกใครทั้งนั้น ที่ฉันโทรมาหาก็เพราะแค่อยากจะขอบคุณ”
คำพูดของเธอทำให้อู๋ฝานขมวดคิ้ว พร้อมกับลอบครุ่นคิดถึงความประมาทของตนเองอีกครั้ง
“แล้วคืนนั้นเห็นอะไรล่ะครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม เนื่องจากเขามีความลับมากมายและไม่ต้องการให้มันถูกเปิดเผย ดังนั้นจึงต้องการทราบว่าสวี่จื่อฉีพบเห็นอะไรกันแน่
“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้รู้อะไรหรอกค่ะ รู้ก็แค่ว่าคุณมา ส่วนเจียงอวี่ตายยังไง …ฉันหมดสติไปกลางคันอีกครั้งก็เลยไม่รู้” หญิงสาวตอบกลับมาตามความจริง
ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป
อู๋ฝานลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แล้วอยู่ที่ไหนล่ะครับ? ไว้ผมจะไปหา”
เขาคิดว่าการพบอีกฝ่ายอีกครั้งคงเป็นเรื่องที่ดีกว่า อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้ว่าเธอโกหกหรือไม่
เมื่อได้ยินว่าอู๋ฝานยินดีมาพบ สวี่จื่อฉีจึงบอกสถานที่กลับมาด้วยความยินดี
“นายน้อย พวกเราคิดว่าจะตามไปด้วยค่ะ พวกเรารับปากจะซ่อนตัวในเงาและจะไม่เข้าไปรบกวน” เหมยอวี่เอ่ยความเห็น
“ใช่ค่ะนายน้อย เมื่อวานเพิ่งถูกดักซุ่มโจมตี และตอนนี้ก็ยังจะไปตามลำพัง พวกเรากังวลค่ะ” เหมยเสวี่ยร่วมพูดกล่าว
“ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้มตอบรับ “เมื่อวานเป็นอุบัติเหตุ วันนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่ คนของสำนักอื่นในเจียงโจวคงไม่กล้าสร้างปัญหาให้ผมอีกต่อไปแล้วละ”
ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็เกลี้ยกล่อมให้คนทั้งสองวางใจได้ หลังส่งพวกเธอกลับ เขาจึงขับรถไปพบสวี่จื่อฉี
“อู๋ฝาน ทางนี้ค่ะ”
สถานที่ซึ่งหญิงสาวนัดพบคือบาร์แห่งหนึ่งในเจียงโจว มันเป็นสถานที่ที่ทำให้เขาประหลาดใจ เพราะคิดว่าสวี่จื่อฉีน่าจะเลือกที่ที่เงียบและมีคนน้อยกว่านี้
“ทำไมเลือกที่นี่ล่ะครับ? ผู้จัดการคนนั้นไม่บ่นแย่เหรอ?” อู๋ฝานนั่งลงข้างอีกฝ่ายพลางถาม
“เธอไม่รู้หรอกค่ะ ฉันแอบออกมา” เธอตอบกลับ “ฉันอยากมาที่บาร์แบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสสักที วันนี้สบโอกาสพอดีก็เลยมาค่ะ”
“แล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“เสียงดังค่ะ” หญิงสาวมองรอบ ๆ พลางตอบ “แต่ก็ช่วยให้ผ่อนคลายไปอีกแบบเหมือนกัน“
“เหนื่อยเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” สวี่จื่อฉีพยักหน้ารับ “ทุกวันมีแต่งานไม่จบไม่สิ้น กำหนดการเต็มแน่นไม่มีว่างเว้น ฉันอยากจะพักจริง ๆ ค่ะ”
“เป็นดาราดังแถวหน้าระดับประเทศ มีงานเยอะก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ” เขาตอบรับ “ตอนนี้ลองบอกผมสิ ว่าถ้าคนที่นี่รู้ว่าคุณเป็นใครจะเกิดอะไรขึ้น?”
บาร์แห่งนี้มีคนหนุ่มสาวแวะเวียนกันมาใช้บริการเยอะ สวี่จื่อฉีเป็นคนดังในหมู่คนหนุ่มสาว เดาได้ว่าหากตัวตนของเธอถูกเปิดเผยคงจะเกิดความโกลาหลขนาดย่อมในบาร์
พอสวี่จื่อฉีได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เธอก็เริ่มก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัวก่อนจะหันมองรอบ ๆ ราวกับต้องการปิดซ่อนเท่าที่จะทำได้ “ไม่เป็นแบบนั้นจะดีที่สุดค่ะ ที่นี่มีคนอยู่เยอะ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาต้องลำบากแน่”
แสงไฟรอบ ๆ ค่อนข้างหม่น อีกทั้งเธอยังปลอมตัวก่อนจะออกมา เพราะแบบนั้นหากไม่มีใครเข้ามาใกล้และจ้องมองก็คงจะไม่มีใครรู้
“ก็แค่ล้อเล่นน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบกลับ “เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ผมหวังว่าคุณจะเล่าทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นในโรงแรมเทียนอวี่คืนนั้นให้ฟังน่ะครับ”
หญิงสาวมองอู๋ฝานก่อนจะพยักหน้าตอบ “ค่ะ”
……….