ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 663 อับโชค
บทที่ 663 อับโชค
“อ่า… ทราบแล้ว ทราบแล้วขอรับ” ผู้นำขบวนป้องกันตอบรับด้วยท่าทีที่ยังคงตื่นตกใจ
เมื่อพิจารณาจากฝีมือของอู๋ฝาน เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือด้านการยิงธนู อีกฝ่ายไม่ใช่แค่คนร่ำรวยไร้ซึ่งกำลังดังเช่นที่ตนเคยคิดเอาไว้
เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถปกป้องตนเองได้ ชายหนุ่มจึงเลือกยิงสุ่มใส่เป้าหมายไม่เลือก ส่วนลูกธนูจะไปโดนใครในฝ่ายศัตรู เขาไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่การสุ่มเลือกของอู๋ฝาน โชคชะตากลับไปตกอยู่ที่เฝิงอวิ๋น
เพราะคนโชคร้ายที่ตกลงมาจากหลังม้าก่อนหน้านี้นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฝิงอวิ๋น
เดิมเฝิงอวิ๋นบุกเป็นแนวหน้าเพื่อต้องการโอ้อวดตนเอง เนื่องจากครั้งนี้เขานำกำลังคนมาพร้อมกับหลี่ซาน ฉากหน้าคือคนทั้งสองร่วมมือต่อกัน แต่ฉากหลังนั้นคือการแข่งขันแก่งแย่ง เพราะพวกเขาเคยร่วมมือกันแล้วเมื่อคืน แต่สุดท้ายก็ถูกจ้าวชิวซานต่อว่า ขณะนี้จึงต้องการสร้างความดีความชอบ เพื่อที่จะได้สร้างภาพจำที่ดีให้แก่เจ้าเมือง
ดังนั้นเฝิงอวิ๋นจึงหมายมั่นและพยายามเต็มที่จนตัดสินใจบุกออกไปเป็นแนวหน้า ทว่าก่อนจะทันเข้าถึงตัวพวกอู๋ฝาน ลูกธนูกลับถูกยิงมาใส่ตนเองจนกลิ้งตกจากหลังม้า ขณะออกมาเป็นแนวหน้านั้น เขาไม่คาดว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น จึงตอบสนองไม่ทันจนถูกลูกธนูเล่นงาน
ลูกธนูปักเข้าใส่กลางอกของเฝิงอวิ๋น แม้ไม่ใช่ตำแหน่งหัวใจ แต่ยังเป็นตำแหน่งที่มากพอจะทำให้บาดเจ็บสาหัส เฝิงอวิ๋นที่ถูกโจมตีอย่างกะทันหันย่อมไม่อาจประคองร่างบนหลังม้าได้ สุดท้ายก็ร่วงหล่นลงไปกลิ้งกับพื้น
ด้านหลังของเฝิงอวิ๋นคือคนที่เขาไปรวบรวมเพื่อเร่งตามมาจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น แต่คนเหล่านั้นก็ตอบสนองไม่ทันเช่นกัน สุดท้ายม้าจึงเหยียบร่างของเฝิงอวิ๋นจนแหลกเละ
เมื่อเฝิงอวิ๋นตายกะทันหัน ผู้ใต้บัญชาของเขาก็เริ่มแตกตื่นและโกลาหล
ความตายของเฝิงอวิ๋นทำให้ในกลุ่มโจรขี่ม้าเกิดความวุ่นวาย ทว่าหลี่ซานและพรรคพวกไม่ได้สนใจ พวกเขายังคงห้อตะบึงมุ่งหน้าไปต่อ แต่ผู้ใต้บัญชาของเฝิงอวิ๋น พวกเขาเร่งพยายามหยุดม้า เพื่อหาทางกลับไปตรวจสอบเผื่อว่าเฝิงอวิ๋นยังรอดชีวิตอยู่หรือไม่
“ไอ้พวกหน้าโง่!” หลี่ซานที่ออกนำหน้ามาแล้วหันกลับไปมองเรื่องด้านหลัง ก่อนจะสบถด่าออกมา
เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวลดทอนอำนาจของขบวนม้าลงไปครึ่งหนึ่ง จำนวนคนน้อยลงคือเป้าที่ศัตรูเห็นชัดมากขึ้น มันคือสถานการณ์เสี่ยงตาย
“บุกเข้าไป!” เมื่อตระหนักว่าคงไม่อาจพึ่งพาคนของเฝิงอวิ๋นได้ หลี่ซานจึงตะโกนเสียงดัง เพื่อนำกำลังคนของตนบุกเข้าไปให้ถึงกองคาราวานตรงหน้า
“ตึง!”
หลังหลี่ซานเอ่ยจบ ลูกธนูก็พุ่งผ่านตัวเขาไปปักเข้าใส่ร่างผู้ใต้บัญชาด้านหลังจนล้มลงจากหลังม้า
เมื่อเห็นเรื่องราวเป็นดังนั้น เหงื่อกาฬเย็นยะเยือกก็ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของหลี่ซาน หากลูกธนูเมื่อครู่เบนมาอีกสักคืบหนึ่ง คนที่ต้องตกลงจากหลังม้าก็คงเป็นตนแล้ว
ยุคนี้ยากจะฝึกฝนพลทหารธรรมดาให้ใช้ธนูเป็น แต่หากฝึกก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะสำเร็จผล มันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถฝึกฝนได้เพียงชั่วข้ามคืน และเมื่อพิจารณาจากฝีมือของอีกฝ่าย มันไม่ใช่แค่นักธนูธรรมดา ทว่าเป็นนักธนูมือที่เก่งกาจ! เป็นระดับฝีมือที่กว่าจะไปถึงได้ก็ต้องผ่านความยากลำบากมามากมาย
“ไม่ดีแล้ว ต้องรีบฆ่ามันก่อน!” หลี่ซานหมายมั่นตั้งใจ
ภารกิจครั้งนี้คือการสังหารองค์หญิงสาม จ้าวชิวซานอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว และพวกเขาไม่อาจทำพลาดได้ แม้อีกฝ่ายจะมียอดฝีมือปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถถอยหรือว่าหยุด หากหยุดก็จะกลายเป็นเป้านิ่งมีชีวิต และหลังจากนั้นจุดจบย่อมไม่ดีนัก
“ฮ่า!”
ในเมื่อไม่อาจหยุด พวกเขาก็ต้องเร่งความเร็ว
หลี่ซานและคณะเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ลูกธนูจากอีกฝั่งยังคงพุ่งทะยานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังเสียคนไปถึงสอง ในที่สุดหลี่ซานก็นำกำลังคนของตนเองบุกมาถึงหน้าพวกอู๋ฝานจนได้
“ฆ่า!”
หลี่ซานตะโกนเสียงดังพร้อมแทงหอกยาวในมือออกไปอย่างดุดัน
แทบจะในเวลาเดียวกัน คนของหลี่ซานก็เริ่มเปิดฉากโจมตีอย่างดุดันเช่นกัน
ขบวนป้องกันกองคาราวานที่เตรียมรอรับ ใช้เกวียนขนสินค้ารับการโจมตีของกลุ่มคน จากนั้นก็ใช้โล่ที่เตรียมเอาไว้ต้านรับการโจมตีอีกทีหนึ่ง
“ฮ่า!”
ผู้นำขบวนป้องกันตะโกนเสียงดัง กระบี่ในมือของเขาตวัดออกไปยังเกวียนที่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะแทงผ่านช่องว่างเข้าใส่ตัวม้าที่บุกเข้ามา
เมื่อม้าถูกทิ่มแทง พวกมันก็แตกตื่นและคลุ้มคลั่ง หลายคนร่วงจากหลังม้าที่พยศจนถูกม้าที่ตามหลังมาเหยียบย่ำ
“ฆ่า!”
หลี่ซานและกลุ่มคนของเจ้าเมืองค่อนข้างมีฝีมือ แม้รูปขบวนทหารม้าจะถูกเกวียนขวางเอาไว้ แต่พวกเขาส่วนใหญ่สามารถใช้ม้ากระโดดข้ามเกวียนก่อนจะหันกลับมา เพื่อเข้าปะทะกับขบวนป้องกันของกองคาราวานต่อได้
แม้ต้องเผชิญความเสียเปรียบเมื่อครู่ แต่กองทหารม้าเหล่านี้ก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำ!
หลี่ซานมีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น
“ตั้งวงล้อม!” ผู้นำขบวนป้องกันกองคาราวานตะโกนเสียงดัง
แต่ผู้นำขบวนป้องกันกองคาราวานคือคนที่พบศึกกองโจรขี่ม้ามาแล้วหลายครั้งคราว เขาทราบวิธีรับมือเป็นอย่างดี ขณะนี้จึงเร่งสั่งการให้คนของตนตั้งค่ายกลป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศัตรูช่วงชิงความได้เปรียบ
ทว่าองค์หญิงสามไม่ได้อยู่ในค่ายกลป้องกันดังกล่าว!
หลังหลี่ซานกวาดสายตามองก็ทราบตัวตนของอูหย่า สายตาของเขาทอประกาย องค์หญิงสามไม่ได้อยู่ในวงล้อมป้องกัน งั้นเขายังจะต้องสนอะไรอีก? เป้าหมายแท้จริงของตนคือการบุกเข้ามาฆ่านาง ไม่ใช่กองคาราวานเหล่านี้
ด้วยเหตุนี้หลี่ซานจึงเปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีไปยังอูหย่า จากนั้นคนของเขาก็โหมบุกโจมตีตามมาด้วยเช่นกัน
อู๋ฝานก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าอูหย่า พร้อมแทงกระบี่ในมือใส่หลี่ซาน
“เร็วมาก!” หลี่ซานตื่นตระหนกเพราะการโจมตีอย่างกะทันหันของชายหนุ่ม
อู๋ฝานทราบดีว่าอีกฝ่ายบุกมาทำอะไร ดังนั้นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาจึงรวดเร็วยิ่งกว่าภูตผี
“ตึง!”
หลี่ซานที่ไม่มีเวลาให้คิด ทันทีที่เผชิญหน้าอันตราย ดาบเล่มใหญ่ของเขาก็ถูกยกขึ้นมาขวางกระบี่ของชายหนุ่มเอาไว้
เขาสกัดเอาไว้ได้ แต่ก่อนจะทันดีใจหรือตอบโต้ ทันใดนั้นเองกลับเห็นสายฟ้าสีม่วงเคลื่อนที่ผ่านมาบนใบดาบของตนเอง จากนั้นแขนของเขาก็เริ่มเหน็บชาจนไร้ความรู้สึก
หลี่ซานปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว หลังดาบใหญ่หล่นลงพื้น ใจเขาลอบตระหนักได้ถึงลางร้ายพร้อมเร่งถอยกลับเพื่อพยายามหลบเลี่ยง
แต่เขายังตอบสนองได้ช้าเกินไป ความเร็วของอู๋ฝานมีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าหลี่ซานกำลังจะหลบเลี่ยงและถอยกลับไป กระบี่ในมือชายหนุ่มก็พุ่งเข้าไปเสียบร่างแล้ว
“สวบ!”
กระบี่ยาวแทงใส่ร่างของหลี่ซาน เขากำลังหวาดกลัวสุดขีด เพราะเพียงเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายครั้งแรกก็กลับได้รับบาดเจ็บแล้ว สถานการณ์เช่นตอนนี้เขาไม่เคยพบมาก่อน ชายตรงหน้าเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าตนมาก!
ทว่าตระหนักตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เพราะการโจมตีครั้งนี้ของอู๋ฝานไม่มีเจตนาให้เขารอดพ้นจนมีโอกาสตอบโต้หรือหลบหนี
………………..