ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 664 ต่อเนื่อง
บทที่ 664 ต่อเนื่อง
“ฉัวะ!”
กระบี่ยาวของอู๋ฝานแทงเข้าใส่ร่างหลี่ซานเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้หลี่ซานแตกตื่นมาก เพราะเขาพยายามหลบเลี่ยงแล้ว แม้มีจิตสำนึกอันแรงกล้าที่จะหนีออกไปจากตรงนี้ ทว่าเท้ากลับไม่อาจขยับเคลื่อนไหว แข้งขาอ่อนแรง การที่ยังไม่ล้มลงกับพื้นก็ถือว่ามีแรงใจอันสูงล้ำมากแล้ว
หลังถูกอู๋ฝานทิ่มแทงอีกครั้ง หลี่ซานก็ยิ่งตื่นตระหนกจนอยากจะตะโกน ไม่เพียงเพราะถูกแทงถึงสองครั้ง แต่เพราะยังตระหนักได้ว่าบาดแผลรุนแรง ความรู้สึกราวชีวิตกำลังเหือดแห้งมาพร้อมกับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส และในขณะเดียวกัน บาดแผลของเขาก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น
“ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!”
อู๋ฝานที่ลงมือสำเร็จย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปไหน กระบี่ในมือยังคงเล่นงานหลี่ซานอย่างต่อเนื่อง เขาฝากบาดแผลแล้วบาดแผลเล่าเอาไว้บนร่างกายของอีกฝ่าย ภายในชั่วพริบตาร่างนั้นก็กลายเป็นเพียงเศษผ้าที่ขาดวิ่น
“อั๊ก!”
จนเมื่ออู๋ฝานละมือกลับมา หลี่ซานก็ทำได้เพียงสะอึกร้องด้วยลำคอที่แห้งผาก เพียงปากอ้าออก สิ่งที่พ่นออกมากลับไม่ใช่คำพูด แต่เป็นเลือดที่สาดกระเซ็นและไหลทะลัก
ร่างของหลี่ซานล้มลงแม้ไม่เต็มใจ เขาไม่อาจควบคุมร่างกายของตนเองได้อีก ดวงตายังเบิกกว้างบ่งบอกชัดถึงความตื่นตะลึงและตระหนก
อู๋ฝานฆ่าหลี่ซานภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ ทำให้คนของอีกฝ่ายแตกตื่นจนชะงัก แต่มันไม่อาจเปลี่ยนแปลงภารกิจสังหารองค์หญิงสามของพวกเขาได้ เนื่องจากพวกเขาทุกคนคือองครักษ์เจ้าเมือง แม้จะรับคำบัญชาการจากหลี่ซาน แต่เจ้านายแท้จริงก็ยังคงเป็นจ้าวชิวซาน
เมื่อจ้าวชิวซานออกคำสั่งฆ่าองค์หญิงสามเอาไว้แล้ว พวกเขาก็มีแต่ต้องทุ่มเทกำลังจัดการให้ได้
ทว่าอูหย่า ลั่วเยวี่ย และลั่วหยางไม่ใช่แกะที่รอถูกเชือด พวกเขาต่างก็มีวิทยายุทธติดตัว แม้ของลั่วหยางจะด้อยกว่าผู้อื่น แต่ลั่วเยวี่ยและอูหย่าก็ไม่ได้อ่อนแอ โดยเฉพาะกับอูหย่า นางสามารถต้านรับ พร้อมจัดการองครักษ์เหล่านั้นมากกว่าหนึ่งคนได้ด้วยซ้ำไป
องครักษ์จากจวนเจ้าเมืองมีจำนวนไม่น้อย พวกอูหย่าย่อมไม่อาจต่อกรได้หมด แต่หากป้องกันโดยไม่ตอบโต้มันก็ยังพอจะเป็นไปได้อยู่
หลังสังหารหลี่ซาน ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะต้องลงมือสังหารอย่างต่อเนื่อง ขบวนป้องกันของกองคาราวานยังทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน แม้องครักษ์ของจวนเจ้าเมืองจะไม่ได้อ่อนแอ แต่อู๋ฝานแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรวมกับการตอบโต้ของกองคาราวาน ไม่นานพวกเขาก็สามารถสังหารอีกฝ่ายจนหมดสิ้นได้
หัวหน้าขบวนป้องกันกองคาราวานนำคนออกไปเก็บกวาดพื้นที่สู้รบ ขณะเดียวกันก็ลอบสำรวจอู๋ฝาน ในใจเขากำลังตื่นตระหนก เพราะประหลาดใจกับฝีมือที่ชายหนุ่มแสดงออกมาให้เห็น
เขาเองก็รับรู้ได้ว่ากลุ่มโจรขี่ม้าที่บุกเข้ามาโจมตีครั้งนี้แข็งแกร่งอย่างแปลกประหลาด แต่สุดท้ายแล้วพวกตนกลับเอาชนะศึกได้ง่ายดายกว่าครั้งใด ๆ กระทั่งว่าฝ่ายพวกเขาแทบไม่มีผู้เสียชีวิตเลยด้วยซ้ำ
“รีบเก็บกวาดสมรภูมิ พวกเรายังต้องเดินทางกันต่อ” ชายหนุ่มเดินไปบอกหัวหน้าขบวนป้องกัน
“ขอรับคุณชายอู๋” ผู้นำขบวนป้องกันรีบตอบรับ และหากเทียบกับก่อนหน้านี้ ท่าทีของเขามีความนับถือให้อู๋ฝานมากขึ้นกว่าแต่ก่อนจนไม่อาจเทียบได้เลยทีเดียว
“หลังจากนี้พวกเราอาจจะพบการบุกโจมตีแบบนี้อีกก็เป็นได้ ขอให้ทุกคนคอยระวังตัวเอาไว้ด้วย” อู๋ฝานยังคงบอกออกมา
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้มาจากจวนเจ้าเมือง ในเมื่อครั้งนี้ก็ยังลงมือไม่สำเร็จ อีกฝ่ายจะไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ แน่ และอาจจะถึงขั้นส่งกำลังรบที่มีทั้งหมดมาไล่ล่าก็เป็นไปได้
“ขอรับ ข้าจะแจ้งให้พวกเขาคอยระมัดระวัง” หัวหน้าขบวนป้องกันตอบรับ
“อู๋ฝาน พวกนี้มาจากจวนเจ้าเมืองจริงหรือ?” อูหย่าเอ่ยถาม
“ไม่ผิดแน่” เขาตอบกลับ
“แล้วตอนนี้พวกเราควรทำยังไงต่อดี?” หญิงสาวยังคงถามต่อ
“เดินทางไปต่อ” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่การเดินทางครั้งนี้คงไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว”
“ข้าหมายถึง …พวกเราควรไปจากอาณาจักรหนานปิงหรือไม่?” อูหย่าเอ่ยถาม
ไปจากอาณาจักรหนานปิง?
อู๋ฝานย่อมไม่ไป เขายังมีภารกิจช่วยเหลืออูหย่าให้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีแห่งหนานปิง ขณะนี้ไม่มีทางจากไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
“ข้าต้องอยากทราบความจริงอยู่แล้ว แต่หากกลุ่มคนเมื่อครู่มาจากจวนเจ้าเมืองซิงผิงจริง ครั้งนี้รอดพ้นได้ แต่ข้าก็ไม่อยากให้พวกเจ้ามาเสี่ยงชีวิตไปด้วย” นางตอบกลับ
“ไม่เป็นไร หากข้าอยู่ที่นี่จะไม่มีอันตรายอะไรทั้งนั้น พวกเราจะรอดไปด้วยกัน” เขาตอบกลับ
ไม่ว่าจะภารกิจช่วยอูหย่าขึ้นครองบัลลังก์ หรือภารกิจลับจากจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง เขามีแต่ต้องไปต่อ แม้จะทราบว่ามันอันตรายแค่ไหนก็ต้องไป
“อา… ก็ได้” ในใจของหญิงสาวยังคิดอยากจะกลับไปยังวังหลวง แต่เหตุผลที่นางลังเลก็เพราะไม่ต้องการให้พวกอู๋ฝานเข้ามาเกี่ยวข้องมากไปกว่านี้
หลังเก็บกวาดสมรภูมิสู้รบเรียบร้อย กองคาราวานจึงออกเดินทางต่อ ทางด้านเจ้าเมืองซิงผิงเองก็ได้ทราบเรื่องที่เฝิงอวิ๋นและหลี่ซานลงมือล้มเหลวแล้ว และคนที่กลับมารายงานคือคนของเฝิงอวิ๋น
ช่วงที่เกิดศึกสู้ครบ หลี่ซานนำกลุ่มคนของตนเองบุกออกไปเป็นแนวหน้าเล่นงานกองคาราวาน ส่วนคนของเฝิงอวิ๋นไม่ได้เข้าร่วมเพราะต้องการตรวจสอบสภาพของเฝิงอวิ๋นเสียก่อน หลังมั่นใจว่าคนตายแน่แล้วและกำลังจะบุกเข้าร่วมสู้ศึก ทว่าพวกเขากลับได้พบความจริงอันน่าสะพรึง สมรภูมิสู้รบดำเนินไปได้ไม่นานแต่กลับกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว คนของหลี่ซานพ่ายแพ้ อีกทั้งเขายังถูกสังหารตายคาที่
“มันเกิดอะไรขึ้น? ไอ้หน้าโง่สองคนนั่นถึงกับพ่ายแพ้เลยหรือ!” จ้าวชิวซานสบถพร้อมขว้างปาสิ่งของ
การลงมือล้มเหลวอย่างต่อเนื่องถึงสองครั้งทำให้จ้าวชิวซานโกรธเกรี้ยว ในความเห็นของเขามันคือเรื่องง่ายดาย แต่ผลลัพธ์กลับเป็นทั้งเฝิงอวิ๋นและหลี่ซานทำงานพลาด ทั้งยังพลาดอย่างต่อเนื่องถึงสองครั้ง เรียกได้ว่าเป็นความผิดที่ไม่ควรให้อภัย
เมื่อคืนเขาได้ปล่อยพิราบสื่อสารออกไปแจ้งข่าวดีเรียบร้อยแล้ว ทว่าขณะนี้เรื่องราวกลับพลิกผันเสียอย่างนั้น หากจักรพรรดิทราบเรื่องเขาจะหาคำอธิบายอย่างไร?
ปัจจุบันจ้าวชิวซานไม่อาจรอการนำร่างทั้งเฝิงอวิ๋นและหลี่ซานกลับมาเพื่อที่จะโบยได้
“ข้ารับใช้!” จ้าวชิวซานตะโกนเรียก
เพียงอึดใจ กลุ่มองครักษ์จำนวนที่มากกว่าครั้งก่อนจึงออกเดินทางจากจวนเจ้าเมือง เพื่อมุ่งหน้าไล่ตามพวกอู๋ฝานไป
ความกังวลของอู๋ฝานได้รับการยืนยันแล้ว ระหว่างการเดินทางที่เหลือพวกเขาได้พบการโจมตีของกองโจรขี่ม้าถึงสามครั้ง พวกมันเหล่านี้ยิ่งผ่านมายิ่งดุร้ายและหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ และจำนวนคนในแต่ละครั้งก็ยิ่งมีมากขึ้น ทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ทว่าทุกครั้งอู๋ฝานก็สามารถทราบล่วงหน้า พร้อมแจ้งเตือนกองคาราวานให้ตั้งขบวนป้องกันได้ และเมื่อรวมกับความแข็งแกร่งของเขาที่คนธรรมดาไม่อาจเทียบ ต่อให้เจอการบุกโจมตีถึงสามครั้ง พวกเขาก็ต้านรับและขับไล่ศัตรูได้ทุกครั้ง
เพียงแต่กองโจรขี่ม้าเหล่านี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา การโจมตีหลายครั้งทำให้กองคาราวานมีผู้เสียชีวิต อีกทั้งศัตรูยังมีแต่จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ผู้สูญเสียฝ่ายพวกเขาจึงเริ่มมีจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย
………………..