ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 665 หาที่พัก
บทที่ 665 หาที่พัก
………………..
บทที่ 665 หาที่พัก
“เถ้าแก่ลั่ว พวกเราแยกทางกันตรงนี้ก็แล้วกัน” ช่วงเย็นที่หน้าประตูเมืองผิงเป่าซึ่งอยู่ไกลจากเมืองซิงผิง อู๋ฝานบอกกับลั่วเป่าซง
“เรื่องนี้… คุณชายอู๋ ข้าคิดว่าหากพวกเราอยู่ด้วยกันน่าจะปลอดภัยกว่านะขอรับ” ลั่วเป่าซงตอบกลับ
“หากเถ้าแก่ลั่วกังวลว่าหลังจากที่พวกเราแยกออกไปแล้วจะเป็นอันตราย เช่นนั้นก็ขอให้สบายใจได้” ชายหนุ่มราวกับเห็นความกังวลในใจของอีกฝ่าย “ท่านเองก็ทราบแล้วว่าผู้ที่เจตนาทำเช่นนี้คือเจ้าเมือง จ้าวชิวซาน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพ่อค้าอย่างพวกท่านเลย ดังนั้นการแยกกับพวกเราจะปลอดภัยกว่าด้วยซ้ำ”
“ข้ากังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณชายอู๋กับองค์หญิงสามต่างหากเล่าขอรับ” ลั่วเป่าซงตอบกลับตามตรงไม่อ้อมค้อม
แท้จริงแล้วในใจเขายังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่พอสมควร เนื่องจากจ้าวชิวซานไม่ยอมละทิ้งความคิดที่จะบุกโจมตี ด้วยกำลังของขบวนคุ้มกันกองคาราวาน ฝั่งเขาแทบไม่อาจเทียบกับองครักษ์ของเจ้าเมืองได้ ขณะที่การได้อยู่กับพวกอู๋ฝานมันทำให้ตนรู้สึกปลอดภัยกว่า
“ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเราหรอก เถ้าแก่ลั่ว หลังแยกกันแล้วพวกเราที่เหลือจำนวนน้อยลงจะสามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายกว่า” เขาตอบกลับ “งั้นก็ถือว่าตกลงตามนี้ พวกเราจะเจอกันอีกครั้งที่เมืองเฟิงอวี่ตามเวลานัดหมาย”
“ทราบแล้วขอรับ เช่นนั้นข้าจะไปรอคุณชายอู๋และองค์หญิงสามที่เมืองเฟิงอวี่” ลั่วเป่าซงครุ่นคิดสักพัก เพราะสิ่งที่อู๋ฝานบอกก็ถือว่าสมเหตุสมผล กลุ่มคนที่ไล่ตามมาจากจวนเจ้าเมืองนั้น กลุ่มที่ตามมาภายหลังน่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่ากลุ่มก่อนหน้านี้ หากพวกเขาแยกกันเดินทาง มันดูจะมีประโยชน์มากกว่า
พวกอูหย่าพยักหน้าตอบรับพร้อมกับเดินตามชายหนุ่มไป
ทั้งสองฝ่ายแยกกันอย่างเปิดเผยที่หน้าประตูเมือง เพื่อให้คนของจ้าวชิวซานทราบเรื่อง การทำเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของกองคาราวานของลั่วเป่าซง
“อู๋ฝาน คืนนี้พวกเราจะไปพักกันที่ไหน?” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นมา
“พวกเราคงพักในโรงเตี๊ยมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” เขาครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะตอบ “พวกคนที่ไล่ตามมาคงวางแผนเผาโรงเตี๊ยมเหมือนเมื่อคืนอีกแน่ แม้ครั้งก่อนจะพลาดไป แต่หากพวกมันตัดสินใจลงมืออีกครั้ง ครั้งนี้พวกมันคงจะยืนยันก่อนแน่ ๆ ว่าพวกเราอยู่ในโรงเตี๊ยมหรือไม่”
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น พวกเราคงต้องเช่าบ้านใหญ่สักหลังเพื่อใช้ค้างแรม” อู๋ฝานตอบกลับ
“เป็นความคิดที่ดี”
ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนทั้งสี่จึงเดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่ไกลห่าง โดยพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของผู้คนทั้งหลาย ก่อนจะได้พบจวนใหญ่หลังหนึ่งที่อยู่ไกลห่าง
“ลั่วหยาง ไปเคาะประตู” ชายหนุ่มบอกกับลั่วหยาง
“ขอรับนายท่าน” ลั่วหยางรับคำก่อนจะเดินไปเคาะประตูบ้าน
ประตูเปิดออก ชายชรามองพวกอู๋ฝานด้วยความสับสน “พวกเจ้าเป็นใคร? แล้วมาหาใครกัน?”
“สวัสดีขอรับท่านผู้เฒ่า” อู๋ฝานเดินออกมาทักทาย “พวกเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ผ่านเมืองผิงเป่ามา ตอนนี้ก็เย็นแล้ว พวกเรากำลังหาสถานที่ใช้พักค้างแรม ท่านผู้เฒ่าสะดวกให้พวกเราค้างแรมกันที่นี่หรือไม่ขอรับ?”
“นักท่องเที่ยว? ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนถึงมาเดินทางท่องเที่ยวในยุคนี้” ชายชราบ่นพึมพำ “เหตุใดไม่ไปใช้โรงเตี๊ยมเล่า?”
“ที่โรงเตี๊ยมมีคนมากมาย นายหญิงของเราได้รับการดูแลอย่างดีตั้งแต่เด็ก ทำให้ไม่ชื่นชอบต้องพักอาศัยอยู่ท่ามกลางสถานที่แออัดด้วยบุรุษ ดังนั้นจึงเดินไปเรื่อยจนมาพบจวนของผู้เฒ่า หากท่านสะดวกให้พวกเราค้างแรมสักคืนหนึ่ง พวกเรายินดีจ่ายเงินให้อย่างเหมาะสมขอรับ” เขาชี้ไปทางอูหย่าพร้อมบอกกับชายชรา
หญิงสาวมองตอบอู๋ฝานและไม่ได้ปฏิเสธคำใด นางวางตัวสงวนท่าทีพร้อมแย้มยิ้มที่คล้ายจะแสดงออกมาว่าข้าเป็นผู้สูงศักดิ์ตอบรับชายชรา
ชายชรามองอูหย่าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “เป็นโฉมงามโดยแท้”
เดิมทีอูหย่าคือองค์หญิง แม้บ่อยครั้งจะออกไปฝึกฝนที่นอกเมือง แต่นางก็ไม่ได้ปิดซ่อนความสูงศักดิ์ในกายแต่อย่างใด
“ท่านผู้เฒ่า พอจะตัดสินใจได้หรือไม่ขอรับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามอีกครั้ง
ชายชรามองพวกอู๋ฝานอีกครั้งก่อนจะเปิดทางให้ “หากพวกเจ้าไม่รังเกียจบ้านของข้า คืนนี้ก็มาพักค้างแรมก่อนเถอะ”
“ขอบคุณ” พวกอูหย่าที่อยู่ด้านหลังต่างก็รับคำด้วยความยินดี
ชายชราให้พวกอู๋ฝานเข้ามาในจวน หลังปิดประตูแล้วก็นำกลุ่มคนเข้าไปด้านใน ขณะเดินไปก็สนทนาไปด้วย “จวนหลังนี้ข้ามักจะอยู่อาศัยคนเดียว แม้ดูเรียบง่าย แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามารบกวน คืนนี้พวกเจ้าพักค้างแรมกันได้ และหากให้ดีพรุ่งนี้ก็รีบเดินทางกันตั้งแต่เช้า ยุคนี้ด้านนอกมีแต่เรื่องอันตราย”
“เป็นดังที่ผู้เฒ่ากล่าวจริง ๆ ขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ “พวกเราจะรีบเดินทางกันตั้งแต่เช้า”
“ดีแล้ว” ชายชราตอบกลับ “ทุกวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ในอดีตอาณาจักรหนานปิงที่อยู่ใต้อาณัติอาณาจักรเหยียนเฟิง แม้จะมีการกระทบกระทั่งกับอาณาจักรเฮยสุ่ยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เกิดเป็นศึกสงครามครั้งใหญ่ พวกเรายังพออยู่กันอย่างสงบได้ แต่ตอนนี้อาณาจักรเหยียนเฟิงไม่ให้การคุ้มครองพวกเราอีกต่อไปแล้ว ทั้งยังเป็นไปได้มากว่าจะลงมือกับพวกเราซะอีก”
“ผู้เฒ่าเองก็ทราบเรื่องนี้หรือขอรับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย คนของเมืองผิงเป่าเองก็กังวลเรื่องบ้านเมืองด้วยเช่นกันหรือ?
“ข้าย่อมทราบ” ชายชราตอบรับ “ข้าได้ยินมาจากบุตรชายน่ะ เขาทำงานในกองทัพ บ่อยครั้งจะแวะเวียนมาพบหน้าบ้าง แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันบ่อยแล้ว ครั้งก่อนที่เขากลับมาก็ครึ่งเดือนที่แล้วเห็นจะได้ สิ่งที่ข้ารู้ก็เพราะเขาบอกให้ทราบ ทั้งยังบอกเรื่องที่องค์หญิงสามแห่งหนานปิงของพวกเราไปลอบสังหารจักรพรรดิแห่งเหยียนเฟิง มันเป็นการกระตุ้นโทสะของอาณาจักรเหยียนเฟิงอย่างรุนแรง อาณาจักรหนานปิงของพวกเราไม่ได้รับการปกป้องอีกต่อไปแล้ว กระทั่งว่าฝ่ายนั้นมีท่าทีคิดที่จะรุกรานด้วยซ้ำ เฮ้อ… เพราะงั้นวันพรุ่งนี้พวกเจ้าควรรีบเดินทางกันแต่เช้า”
“ผู้เฒ่า ท่านกับลูกชายมีกันเพียงแค่สองคนหรือขอรับ?” อู๋ฝานยังคงถาม
“ใช่ ภรรยาข้าเสียไปนานมากแล้ว และลูกชายข้าก็ยังไม่ได้แต่งภรรยา” ชายชราตอบกลับ
สองห้อง?
อู๋ฝานขมวดคิ้ว
หากเขาต้องเทเลพอร์ตกลับไปก็จำเป็นต้องใช้ห้องเดี่ยว เพราะมันเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ใครรับรู้ได้
ทว่าตอนนี้พวกเขาเหลือห้องให้ใช้เพียงแค่หนึ่ง เพราะอูหย่า ลั่วเยวี่ย และลั่วหยางไม่อาจใช้ห้องเดียวกันได้
แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว มันก็ไม่สะดวกให้หันกลับ ขณะนี้จึงหันไปมองอูหย่าก่อนจะบอก “ข้าจะใช้ห้องกับลั่วหยาง พวกเจ้าก็ใช้อีกห้องด้วยกัน”
“นายท่าน ข้านอนด้านนอกได้ขอรับ” ลั่วหยางรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้งาน
เนื่องจากอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง ทั้งลั่วเยวี่ยและลั่วหยางต่างก็เข้าใจกิจวัตรของชายหนุ่มเป็นอย่างดี อีกฝ่ายไม่ชอบให้ใครรบกวนยามนอนหลับ ตราบเท่าที่นอนไปแล้ว ต่อให้เกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้นก็ต้องไม่รบกวนเขา ดังนั้นลั่วหยางจึงไม่กล้านอนร่วมกับอู๋ฝานเพราะเกรงจะรบกวนผู้เป็นเจ้านาย
“ไม่เป็นไร ใช้ห้องกับข้าได้” อู๋ฝานตอบกลับ
“ทราบแล้วขอรับ” เนื่องจากอู๋ฝานเอ่ยแล้ว ลั่วหยางจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก
“ผู้เฒ่า วันนี้รบกวนท่านแล้ว ลั่วเยวี่ย” ชายหนุ่มหันไปพยักหน้าบอกลั่วเยวี่ย
ลั่วเยวี่ยเข้าใจจึงนำเหรียญเงินออกมาจำนวนหนึ่งและส่งให้ชายชรา “ท่านผู้เฒ่า นี่เป็นเงินสำหรับค่าพักค้างแรมของพวกเราเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ชายชราปฏิเสธ “ยังไงข้าก็อาศัยอยู่ในบ้านนี้คนเดียวอยู่แล้ว ห้องว่างก็มี ใช้พักค้างแรมอย่างสบายใจเถอะ”
………………..