ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 669 สู้กันด้วยจำนวน
บทที่ 669 สู้กันด้วยจำนวน
อู๋ฝานปรากฏตัวอย่างกะทันหันท่ามกลางโถงประชุม พร้อมลงมือรุนแรงและมอบความตายให้แก่ซุนจื่อหมิง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เพราะการใช้วิชาดำดิน
ความจริงแล้วตอนที่มาถึงพื้นที่รอบนอกของวังเมฆาสวรรค์ เขาก็ได้แยกจากกลุ่มคนของวังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์ จากนั้นก็ใช้วิชาดำดินลักลอบเข้าถึงฐานที่มั่นของศัตรู เพื่อแอบฟังบทสนทนาการประชุมและมอบหนึ่งกระบี่อันงดงามให้ซุนจื่อหมิง
“อู๋ฝาน อันที่จริงแล้วพวกเรายังพูดคุยกันได้”
“พูดคุย? เรื่องอะไรล่ะ? แกล้งทำเป็นยอมจำนนก่อน แล้วค่อยหาโอกาสเล่นงานตอนฉันไม่ทันระวังงั้นสิ?” ชายหนุ่มโต้กลับด้วยสีหน้าเหยียดหยัน
อีกฝ่ายหน้าแดงเพราะความอับอายที่ถูกเปิดโปง “อู๋ฝาน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดแบบนั้น”
“เข้าใจผิด? ทั้ง ๆ ที่รู้กันดีอยู่แก่ใจแท้ ๆ” เขาตอบกลับด้วยสีหน้าที่เริ่มดำมืดและเคร่งเครียด “วันนี้ที่จริงฉันนำคนของวังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์มา ก็ไม่ได้มีเจตนาจะพูดคุยอะไรด้วยอยู่แล้ว ในเมื่อทางฝั่งนี้ก็ไม่ได้อยากจะพูดคุยด้วยเหมือนกัน ก็ถือว่าเปิดฉากสู้รบตรงนี้เลย!”
“สู้ก็สู้! คิดว่าพวกเรากลัวรึไง!” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งยืนขึ้นพร้อมชี้หน้าตอบ “อู๋ฝาน พวกเรายอมรับว่าแกมีความสามารถ แต่แกมันอวดดีจนเกินไป! พวกเราที่นี่มีกันมากมาย ขณะที่แกเพียงคนเดียวกล้าบุกเข้ามา ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
“อู๋ฝาน วันนี้แกต้องตายที่นี่!”
ทุกคนในโถงประชุมต่างเผยความในใจกันออกมาว่าพร้อมสู้รบทุกเมื่อ
“ว่าอะไร อยากสู้กันด้านจำนวนงั้นสิ?” เขาเอ่ยตอบด้วยท่าทีไม่ยี่หระ
“ก็ตามนั้น พวกเราจะใช้พวกมากเข้ารุม แต่แล้วยังไงล่ะ?”
“ถึงจะสู้กันด้วยจำนวนก็ไม่เห็นมีอะไรที่ทางนี้จะต้องกลัว” อู๋ฝานแสยะยิ้มออกมา
จบคำ นักรบทั้งยี่สิบในชุดเกราะและผ้าคลุมสีเงินพลันปรากฏตัวพร้อมหอกคมกริบในมือข้างกายชายหนุ่ม ท่าทีของพวกเขาอาจหาญประหนึ่งเทพแห่งสงคราม
เงียบ…
เมื่อเห็นกลุ่มคนปรากฏตัวกะทันหัน บรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโสในโถงประชุมต่างต้องลอบถอยเท้าโดยไม่รู้ตัว ในใจพวกเขากำลังผุดความคิดเรื่องที่ได้รับรายงาน ถึงตอนที่อู๋ฝานบุกวังเมฆาสีชาดครั้งแรก
แต่เรื่องราวยังไม่ได้จบลงที่ตรงนี้ เพราะขณะพวกเขาถอยไปยังประตูหลักของโถงประชุม กลุ่มคนกลับปรากฏเพิ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะกับกลุ่มคนในชุดเกราะสีดำที่ขวางประตูหลักของโถงประชุมเอาไว้ แต่ละคนมีออร่าอันชวนสะพรึงเย็นยะเยือกแผ่ออกมา ประหนึ่งเป็นยมทูตจากปรโลกก็ไม่ปาน
กลุ่มคนกำลังแตกตื่นจนพูดไม่ออก
“ฆ่า!”
หลังอัญเชิญนักรบโลกอสูร ทหารราชสำนัก รวมถึงทหารกบฏ อู๋ฝานก็ไม่คิดเสียเวลาอีกต่อไป ขณะนี้จึงออกคำสั่งสังหารเหมือนที่เคยทำในอดีต
เพราะเขามาเพื่อฆ่าคนพวกนี้ให้หมดตั้งแต่แรกแล้ว!
แผนการของอู๋ฝานเรียบง่าย นั่นคือการใช้วิชาดำดินและป้ายอัญเชิญเพราะปลิดชีพคณะผู้นำ
แม้แผนการนี้จะเรียบง่าย แต่ตราบเท่าที่ทำได้สำเร็จย่อมมีผลลัพธ์อันดีเยี่ยม ปัจจุบันโถงแห่งนี้มีเบื้องบนของทุกสำนักมารวมตัวกัน ตราบใดที่ฆ่าจนหมดได้ ศิษย์ทั่วไปของสำนักที่ไร้ซึ่งผู้นำคงไม่ทราบว่าควรจะต้องทำยังไงต่อ เพราะที่ต้องเผชิญด้วยนั้นคือทั้งวังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์
“ฆ่า!”
สิ่งมีชีวิตอัญเชิญทั้งหกสิบคนตะโกนออกมาพร้อมกัน เสียงนี้สะเทือนเลื่อนลั่นถึงชั้นฟ้า ทั้งโถงประชุมพลันต้องแออัดด้วยจิตสังหารรุนแรง แม้จะเป็นถึงเบื้องบนของสำนัก มันก็ยังรุนแรงจนทำพวกเขารู้สึกยากจะหายใจ
“ฟิ้ว!”
ในเมื่อเป็นคนตาย อีกฝ่ายย่อมไม่มีปากไปพูดความลับของเขาอยู่แล้ว
ลูกธนูเล็งยิงปักใส่ผู้อาวุโสคนหนึ่งอย่างแม่นยำ หลังเสียงแผดร้องดังลั่น คนอื่นที่เหลือจึงราวกับได้สติ
“ไม่ต้องแตกตื่น พวกเราชนะได้!”
“อู๋ฝานมันก็ทำได้แค่โอ้อวด สู้มัน!”
กลุ่มคนเริ่มดึงสติกันกลับคืนมาได้ แต่เมื่อนักรบโลกอสูรและทหารราชสำนักบุกเข้าหา ความมั่นคงที่กลับคืนมาชั่วครู่พลันต้องแตกพ่ายลง
สำนักชั้นหนึ่งในพื้นที่เจียงโจวมีราวสิบสำนัก อู๋ฝานสยบไปสองและกวาดล้างอีกสอง ส่วนที่เหลือห้าถึงหกสำนักรวมตัวกันที่นี่ เมื่อรวมกับวังเมฆาสวรรค์ แล้วจึงมียอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพราวห้าสิบถึงหกสิบคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตแปรสภาพทั้งสิ้น
ชายหนุ่มทราบดีว่าในบรรดาคนกลุ่มนี้มียอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพขั้นกลางที่แข็งแกร่ง ดังนั้นตอนลงมือจึงใช้ธงรบสีแดงและธงรบสีเทาเพื่อเสริมทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันของสิ่งมีชีวิตอัญเชิญ ทำให้พวกมันยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าที่เคยเป็นขึ้นไปอีกขั้น
หลังให้อาหารป้ายอัญเชิญไปเมื่อครั้งก่อน ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตอัญเชิญก็เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มขอบเขตหรือว่าขั้น เพียงแค่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรู้สึกได้เท่านั้นเอง แต่เมื่อครั้งนี้รวมเข้ากับบัฟจากธงรบ สิ่งมีชีวิตอัญเชิญทั้งสามจึงแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
นักรบโลกอสูรทั้งยี่สิบคนแข็งแกร่งเทียบขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง ทหารราชสำนักยี่สิบคนแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น ส่วนทหารกบฏทั้งยี่สิบคนแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตมืดขั้นสูงสุด ด้วยพลังอำนาจระดับนี้มันมากพอจะเป็นกลุ่มยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง
ดังนั้นแม้คนในโถงแห่งนี้จะเป็นตัวตนระดับเจ้าสำนักและผู้อาวุโสที่ถือเป็นระดับบนของแวดวงผู้ฝึกตนในเจียงโจว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือทั้งหกสิบคนของอู๋ฝานก็ยังไม่แข็งแกร่งมากพอจะต่อต้าน รูปขบวนป้องกันที่พวกเขาตั้งขึ้นมาถูกพวกนักรบโลกอสูรทำลายลงอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องง่ายดายแล้ว
ล้างบาง!
เขายืนนิ่ง ๆ ข้างศพของซุนจื่อหมิงด้วยสายตาเฉยชา พลางดูนักรบของตนเองลงมือกับคนของหลายสำนักภายในโถงประชุม โดยตนไม่ได้ขยับใด ๆ ทั้งสิ้น
ก่อนจะมาถึงที่นี่เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไม่ให้ผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนักคนใดรอดชีวิต เนื่องจากไม่ต้องการให้คนกลุ่มพวกนี้เป็นหอกข้างแคร่ในภายหลัง
ประการที่หนึ่ง คนกลุ่มนี้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจลงมือเล่นงานเขาให้ถึงตาย การตอบโต้ครั้งนี้จึงเป็นการล้างแค้น
ประการที่สอง แผนการรวมสำนักใหญ่ในเจียงโจวของอู๋ฝานนั้น หากมีคนระดับผู้อาวุโสของสำนักเดิมอยู่เยอะเกินไป หลังควบรวมก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าคนเหล่านี้จะไม่มีความคิดเป็นอื่นหรือสร้างปัญหาจากภายใน จนสุดท้ายแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย หรืออาจมีแผนการลับอื่นใดอีก
ด้วยเหตุผลทั้งหมด กลุ่มคนตรงหน้าจึงมีชะตาต้องตายทุกคน!
“อู๋ฝาน ฉันจะจัดการแกเอง!”
ขณะอู๋ฝานกำลังดูการต่อสู้ จู่ ๆ ก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งมุ่งเข้ามาหาด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
หลังต่อสู้ได้ระยะหนึ่ง กลุ่มคนจากหลายสำนักตระหนักว่าพวกตนไม่อาจต่อกรกับพรรคพวกของอู๋ฝานได้ และชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีแสดงความเมตตาเลยแม้แต่น้อย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาต้องจบชีวิตลงที่นี่ทุกคน
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะอู๋ฝาน หากลากอีกฝ่ายตายตามไปด้วยได้ ต่อให้ต้องมีใครสักคนตายพวกเขาก็พร้อม!
คนที่มีความคิดเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง บรรดาผู้อาวุโสและเจ้าสำนักต่างก็ต้องการสังหารชายหนุ่ม ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มหาทางป้องกันนักรบอัญเชิญเอาไว้ ขณะส่งคนส่วนหนึ่งตีฝ่าวงล้อมออกไป แม้บาดเจ็บแต่ก็ไม่สนใจ เพราะพวกเขาหมายเพียงจะลากอู๋ฝานให้ตายไปด้วยกันให้จงได้
อู๋ฝานยืนนิ่งอยู่กับที่พลางมองด้วยอาการสงบ เขาไม่มีทั้งเจตนาตอบโต้หรือว่าหลบเลี่ยง ขณะกลุ่มคนบุกเข้ามาสังหารตนเอง ชั่วพริบตานี้เอง ทันใดนั้นร่างขนาดใหญ่จำนวนมากก็เข้ามารายล้อมชายหนุ่มเอาไว้
“โฮก!”
เสียงคำรามอันดุร้ายดังสนั่นทั่วทั้งโถงประชุม